22 เม.ย.2561 - นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์แสดงความห่วงใยกรณีการเคลื่อนไหวจับขั้วการเมืองในขณะนี้ว่า ในอดีตมี 2 รัฐบาลที่เคยใช้โมเดลการรวมกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองต่างๆ จัดตั้งรัฐบาลแม้จะสำเร็จได้เป็นรัฐบาลแต่ได้สร้างระบบอุปถัมภ์ทางการเมืองและผูกขาดทำให้การพัฒนาประชาธิปไตยและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมล้มเหลว เพราะฐานการเมืองเหล่านั้นส่วนใหญ่ต้องใช้ทุนในการเลือกตั้ง จึงหาเงินด้วยการคอร์รัปชันพร้อมกับรับเงินและหากินกับทุนใหญ่ โดยผู้นำรัฐบาลต้องปิดตาข้างเดียวทำอะไรไม่ได้ เพราะต้องพึ่งพาเสียงสนับสนุนในสภา จึงเกิดระบอบประชาธิปไตยที่เป็นของกลุ่มการเมืองและกลุ่มนายทุนผูกขาดหาใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่
“ระบบอุปถัมภ์รูปแบบนี้ที่มีมาอย่างยาวนานได้สร้างการผูกขาดทางเศรษฐกิจและการเมืองการปกครองโดยอาศัยอำนาจรัฐและความเป็นรัฐบาลทำให้ประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนและการผูกขาดกลายเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำและการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงสูงมากเป็นสาเหตุของการรัฐประหารและวงจรอุบาทว์ถึง13 ครั้งนับแต่ พ.ศ.2475 ด้วยเหตุนี้การปฏิรูปการเมืองจึงเสนอแนวทางปฏิรูปเชิงโครงสร้างและระบบเพื่อสร้างระบบการเมืองใหม่สนับสนุนนักการเมืองและพรรคการเมือที่มีคุณภาพและคุณธรรมเพื่อให้เกิดระบอบประชาธิปไตยของประชาชนโดยประชาชนเพื่อประชาชน”
นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า กว่า 20 ปีที่อยู่กับระบบการเมืองแบบนี้ จึงไม่เชื่อว่าการเมืองเก่าจะสร้างระบบการเมืองใหม่ได้ในระยะยาว ลองทบทวนความผิดพลาดในอดีตก็จะมองเห็นและเข้าใจโจทย์ใหญ่ข้อนี้ ประการสำคัญคือความสำเร็จของประเทศชาติควรเป็นเป้าหมายหลักไม่ใช่ความสำเร็จของผู้นำทางการเมืองบางคนบางพรรคเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเช่นบทเรียนของ 2 รัฐบาลในอดีต เราไม่ควรเดินหลงทางอีกต่อไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |