อย่าเพียงเก็บไว้ในใจ


เพิ่มเพื่อน    

 

เมื่อคนรักชาติทั้งหลายแสดงความเป็นห่วงเป็นใยว่า ทัศนะทางการเมืองของนักเรียน-นักศึกษาเวลานี้เกิดจากการถูกล้างสมอง น้องนักศึกษาคนหนึ่งบอกว่า “พวกเขาไม่ได้ถูกล้างสมอง เพราะในสมองของพวกเขาก่อนหน้านี้ไม่มีเรื่องการเมืองอยู่ เพราะไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสนใจ แต่เป็นเรื่องของการได้รับชุดข้อมูลจากคนที่ต้องการล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นเสาหลักของประเทศ ด้วยการใช้วาทกรรมเรื่องการแสวงหาเสรีภาพ การปลดแอกจากข้อบังคับต่างๆ ที่ทำให้พวกเขาอึดอัด และรู้สึกว่าถูกบังคับ” ฟังแล้วก็เห็นด้วย เยาวชนวัยนี้ข้อมูลทางการเมืองน้อยมาก แต่มีคนที่จงใจใช้พวกเขาเป็นบันไดสู่ความสำเร็จทางการเมือง จึงได้พยายามใส่ชุดข้อมูลให้เยาวชนมองว่าชีวิตของพวกเขามีแอก ทำให้พวกเขาไม่มีเสรีภาพ โดยสร้างภาพให้รัฐบาลนี้เป็นเผด็จการ โดยโยงไปที่การทำรัฐประหารในปี 2557 ทั้งๆ ที่รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้ง แต่ความต้องการทำอะไรตามใจชอบที่เรียกว่า “เสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตย” ทำให้เยาวชนเชื่อและคล้อยตามชุดข้อมูลที่พวกเขาได้จากกลุ่มการเมืองที่ต้องการถอนเสาหลักของประเทศ

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะคนที่รักชาติ จงรักภักดีต่อสถาบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์นั้น มักจะเป็นพลังเงียบ เก็บความรักความภักดีไว้ในใจ ไม่แสดงออกมาให้ใครรู้ ทั้งๆ ที่จำนวนคนที่ยังจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาตินั้นต้องมีมากกว่าที่ต้องการถอนเสาหลักของประเทศ ทำไมเราจึงยินดีที่จะดำรงความเป็น silent majority แล้วก็มานั่งตกใจกับการแสดงออกของเยาวชนที่เป็น active minority ตกใจที่พวกเขาไม่เคารพพ่อแม่ ไม่เคารพครูบาอาจารย์ ไม่ยึดมั่นในขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นวัฒนธรรมของชาติ ไม่เห็นความสำคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ พอมีการบอกต่อกันว่าข้อความใดขึ้นเป็นอันดับหนึ่งใน Twitter ก็ตกใจกัน จับกลุ่มคุยกันด้วยความวิตกกังวล แต่ก็ยังคงปฏิบัติตนเป็นพลังเงียบต่อไป บัดนี้คงถึงเวลาที่เราต้องแสดงพลังที่ไม่ควรจะเงียบอีกต่อไป ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าเรียกร้องให้ออกมาชุมนุมกัน แต่อยากให้พวกเราแสดงออกด้วยการพูด จะพูดด้วยการรวมกลุ่มกันแถลงข่าว post ข้อความ คุยกันในพื้นที่ social media และจัดกิจกรรมที่เป็นการสร้างสรรค์ให้เป็นที่ประจักษ์ในที่ทำงาน ในสถานศึกษา ต้องร่วมมือกันเหมือนอย่างกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองเขาทำกัน แต่เราไม่ต้องออกมาชุมนุมหรือปราศรัยอย่างพวกเขานะคะ

เวลาคนชังชาติ คนล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ post ข้อความที่พวกเราอ่านแล้วไม่สบายใจ จะมีคนเข้ามา share เข้ามาเขียน comments เข้ามาใส่ # จนทำให้เรารู้สึกว่ามีคนชังชาติ หรือคนที่ต้องการล้มสถาบันเป็นจำนวนมาก เพราะ 1) พวกเขาหมั่น Post 2) พวกเขาขานรับกันเป็นลูกระนาด 3) พวกเขากด share 4) พวกเขา comment เสริมกัน 5) พวกเขาใช้ # เพื่อให้พวกเราตกใจว่าพวกเขานั้นมีจำนวนมาก โดยที่เราไม่รู้เลยว่าหลายๆ เพจนั้นอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้ พวกเราเห็นก็ตกใจว่าทำไมเดี๋ยวนี้เยาวชนไทยคิดกันแบบนี้เป็นจำนวนมากขนาดนี้เชียวหรือ ยุทธศาสตร์ของเขาคือให้มีการพูดกันมาก สร้างจำนวน สร้างความถี่

 ส่วนคนรักชาติที่ภักดีต่อสถาบันนั้นมีพฤติกรรมที่ต่างจากเยาวชนที่ทำตามที่กลุ่มการเมืองแสดงความชื่นชม พวกเราจำนวนมาก 1) ไม่ขยันโพสต์ 2) ไม่กล้าโพสต์ กลัวทัวร์ลง เพราะพวกฝั่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยมักจะก้าวร้าวและหยาบคาย 3) อ่านเฉยๆ ไม่ share 4) ไม่เขียน comment เสริม ก็คงจะกลัวทัวร์ลงเหมือนกัน 5) ไม่ขานรับกันเลย ใน social media

เวลานี้ ถ้ามี 10 ประโยคใน social media จะมีเรื่องล้มสถาบัน ด่าสลิ่ม 8 ประโยค จะมีเรื่องรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2 ประโยค แล้วเราก็มานั่งตกใจกัน คิดว่ามีคนชังชาติมากกว่าคนรักชาติ เลิกเป็นพลังเงียบ มาเป็นพลังพูด ที่สุภาพ ไม่ก้าวร้าว ไม่ด่าทอต่อว่ากันให้เห็นว่าคนรักชาติมีมากกว่า 90% กันดีกว่านะคะ เวลานี้มีหลายกลุ่มเริ่มพูด มีหลายกลุ่มเริ่มแสดงกิจกรรมสร้างสรรค์กันบ้างแล้ว แต่ยังไม่พอค่ะ ยังไม่มากพอที่จะทำให้พวกเรามีกำลังใจว่าคนรักชาติยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก

เห็นพรรคพลังท้องถิ่นไทออกมาแถลงว่าพรรคยึดมั่นในการธำรงสถาบันหลักของประเทศอันได้แก่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์แล้ว ทำให้เกิดความคิดว่าเราน่าจะออกมาแถลงกันให้เยอะๆ ให้คนไทยมีกำลังใจว่าคนไทยที่จงรักภักดีเป็นจำนวนมากกว่าพวกชู 3 นิ้ว ผูกโบขาว พวกที่ควรจะออกมาแถลงความจงรักภักดีมีอยู่มากมาย ได้แก่ มหาวิทยาลัย โรงเรียน สมาคมศิษย์เก่า สมาคมวิชาชีพ สมาคมชมรมต่างๆ สภาวิชาชีพทุกสภา สโมสรนิสิตนักศึกษา หน่วยงานราชการ พรรคการเมือง สื่อมวลชนต่างๆ

นอกจากการแถลง Offline แล้ว อยากให้สร้าง page ตั้งชื่อ "เรารักชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ให้เป็น virtual community สำหรับการร่วมกันแสดงความจงรักภักดี สร้าง page ชื่อทำนองนี้กันเยอะๆ แล้วช่วยกัน post ช่วยกัน share ให้เห็นว่าพวกเรามีจำนวนมากแค่ไหน อย่าปล่อยให้มีคนเพียงไม่กี่คนต้องเดียวดาย post ข้อความอะไรไปก็ไม่มีคนกด like ไม่มีคนมากด share ไม่มีใครเขียน comment จนทำให้รู้สึกว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ถูกฝั่งตรงกันข้ามด่าว่าเป็นพวก “คลั่งชาติ”

โรงเรียน มหาวิทยาลัย น่าจะจัดกิจกรรมแสดงความจงรักภักดี เหมือนโรงเรียนราชินี เทพศิรินทร์ ทวีธาภิเศก ราชภัฏสุราษฎร์ฯ เราแสดงความจงรักภักดีของเรา ไม่ได้หมายความว่าเราต้องด่าว่าใคร เมื่อเราแสดงความจงรักภักดี คงไม่มีใครมาว่าเราไม่เป็นกลางทางการเมืองนะคะ เพราะเกิดเป็นคนไทยควรจงรักภักดีต่อสถาบัน ชาติ ศาสน์ กษัตริย์นะคะ อย่าเอาแต่คิดว่าเราศีลเหนือกว่าเขา ดังนั้นเราจึงไม่ตอบโต้เขา การแสดงความจงรักภักดีของเรา โดยไม่มีการต่อว่าคนที่คิดต่าง คงไม่เรียกว่าเป็นการตอบโต้นะคะ แต่มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเราที่รักชาติมีจำนวนมากพอ จะได้เลิกตกอกตกใจ วิตกกังวลกันเสียทีนะคะ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"