รายงานการศึกษา กมธ.แก้ไข รธน.เสร็จเรียบร้อย "ปิยบุตร" เผยความเห็นส่วนตัวแก้ รธน.60 ไล่ทีละหมวด ยันหมวด 1-2 แก้ไขได้ ยกเลิก ส.ว.เหลือสภาเดียว ห้ามเครือข่าย คสช.เป็นส.ส.ร. เพิ่มหมวดการลบล้างผลพวงรัฐประหาร "จตุพร" จวกก้าวไกล-ก้าวหน้าอย่ากินแรงเด็ก ท้าให้ออกไปเป็นหัวขบวนนำเอง ซัด "เผด็จการพันธุ์ใหม่" จัดทัวร์ลงคนเห็นต่าง 15 แกนนำ ปชช.ปลดแอกเข้ารับทราบข้อหาปลุกปั่น พิลึก! สาดสีใส่ ตร. อ้างเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อ ปชต.
เมื่อวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม มีรายงานความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมาธิการ ( กมธ.) พิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่ล่าสุด นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กมธ.ชุดดังกล่าว เปิดเผยว่า รายงานการศึกษาของ กมธ.เสร็จเรียบร้อยแล้ว เตรียมยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบ และจะส่งรายงานฉบับนี้ไปให้รัฐบาลดำเนินการต่อไปนั้น
ในรายงานฉบับดังกล่าว นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะ กมธ. ได้จัดทำความเห็นโดยสังเขปต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแนบไปด้วย ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นความเห็นส่วนตัว ความยาว 25 หน้ากระดาษ ไล่เรียงไปทีละหมวด ว่าควรต้องแก้ไขเรื่องอะไร และแนวทางเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งได้มีการเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปอ่านได้ที่เว็บไซต์คณะก้าวหน้า และเพจของนายปิยบุตร
เอกสารดังกล่าวมีหลายประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขที่น่าสนใจ อาทิ ในหมวดที่ 1 และ 2 ยืนยันว่าสามารถแก้ไขได้ และในอดีตก็เคยมีการแก้ไขมาแล้ว โดยในหมวด 2 หากต้องแก้ไขเพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่อย่างสอดคล้องกับประชาธิปไตยก็ควรมีการพิจารณาหมวดที่ 3 เรื่องสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยนั้น ต้องบัญญัติไว้ให้ชัดเจน นอกจากนี้ยังเสนอให้มีการเพิ่มสิทธิใหม่ๆ เข้าไปด้วย ได้แก่ สิทธิในการมีน้ำสะอาดบริโภค สิทธิในการมีอากาศบริสุทธิ์ สิทธิในการมีที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน เป็นต้น
ในความเห็นโดยสังเขปดังกล่าว มีหลายหมวดที่เสนอว่าควรยกเลิก เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นต้องบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญก็ได้ อาทิ หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย, หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ, หมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ และหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ขณะที่ในหมวด 7 รัฐสภา เสนอให้ยกเลิกวุฒิสภา (ส.ว.) ใช้ระบบสภาเดียว ให้เพิ่มบทบาทของฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล และให้สภาตั้งผู้ตรวจการกองทัพ ผู้ตรวจการศาล ผู้ตรวจการ องค์กรอิสระด้วย, ในหมวด 10 ศาล เสนอระบบตรวจสอบถ่วงดุลศาล และออกแบบจุดยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น, ในหมวด 11 ศาลรัฐธรรมนูญ แก้ไขที่มาให้มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ยึดโยงกับประชาชน, หมวด 12 องค์กรอิสระ แก้ไขที่มาให้เชื่อมโยงกับประชาชน
นอกจากนี้ ในหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ นายปิยบุตรได้เสนอเพิ่มเติมหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ที่ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับระยะเวลาและขั้นตอนต่างๆ มากขึ้น และนอกจากนี้ ห้ามผู้เคยดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ รัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีหรือตำแหน่งอื่นใดตามรัฐธรรมนูญ (ชั่วคราว) พ.ศ.2557 ลงสมัครเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือมีตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และนอกจากนี้ยังเสนอให้เพิ่มเติมหมวด 17 การลบล้างผลพวงรัฐประหารและการป้องกันรัฐประหารเอาไว้ด้วย
พท.ปัดขัดแย้งก้าวไกล
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. กล่าวถึงข้อเสนอให้ปิดสวิตช์อำนาจ ส.ว.ว่า เคยเป็น ส.ว.มาทั้ง 3 แบบ คือมาจากการแต่งตั้ง มาจากการรัฐประหาร และมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ละแบบมีอำนาจหน้าที่แตกต่างกัน โดยที่มาจากการเลือกตั้งรัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้ค่อนข้างมาก ส่วนมาจากแต่งตั้งมีอำนาจเพียงกลั่นกรองกฎหมาย ซึ่งในหลักการเห็นว่าที่มาแบบใดควรได้อำนาจตาม แบบนั้นจึงไม่ติดใจ หากจะลดทอนบทบาทอำนาจของ ส.ว. ตนเฉยๆ ถึงอย่างไรก็ทำหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เสียงเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรเกินกึ่งหนึ่ง โดยที่ ส.ว.ไม่ลงมติให้ก็เป็นนายกฯ ได้อยู่แล้ว ในทางกลับกันบุคคลใดก็ตามหากจะมาเป็นนายกฯ แล้วได้เสียงในสภาไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ไม่ควรเป็นอยู่แล้ว ถ้าตัดอำนาจ ส.ว.ไม่ให้เลือกนายกฯ เป็นเรื่องดีและสบายใจด้วยตนรับได้
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า กรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มติดังกล่าวเป็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทย แม้ภายหลังพรรคก้าวไกลมีมติถอนชื่อออกไป ก็ไม่ใช่ปัญหา พรรคร่วมฝ่ายค้านเคารพในมติของพรรคเพื่อก้าวไกล การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เป็นเสมือนการเปิดประตูบ้านไว้ก่อน เพื่อที่จะให้มีการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะเอาอย่างไร หลังจากนั้นจึงไปเลือกตั้ง ส.ส.ร.กรณีพรรคก้าวไกลจะเสนอแก้ไขมาตรา 272 ทางพรรคเพื่อไทยไม่มีปัญหา แต่ไปร่วมไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยมีมติไปแล้ว จะกลับมติพรรคตัวเองไม่ได้ การเสนอญัตติของทั้งสองพรรคไม่มีความขัดแย้งกันแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ ส.ว.ไม่เห็นด้วยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่แปลกใจกับการทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลอง เพราะหวงอำนาจ อยากเตือนว่า ส.ว.ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง ต้องปรับตัว ส.ว.บางส่วนที่มาจากการลากตั้ง ส่วนใหญ่อยู่มานานเกิน 10 ปี ไม่ยอมที่จะถอยออกมา ขออย่าเห็นแก่ตัว
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ตอนหนึ่งว่า เห็นใจพรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายค้านร่วม เมื่อพรรคก้าวไกลเห็นชอบในที่ประชุมพรรคร่วมให้แก้ ม.256 เว้นหมวด 1-2 จนมีการลงชื่อเพื่อยื่นญัตติแก้ไขเข้าสภา แต่กลับลำมาถอนชื่อออกไปในช่วงไม่กี่นาที พรรคเพื่อไทยต้องถูกกระทืบซ้ำอีก เมื่อไม่เห็นด้วยกับการปิดสวิตช์ ส.ว. พลังมวลชนเล่นงานกันหนักหน่วง ต้องเสียคนเสียหน้าครั้งใหญ่จากเสียงวิจารณ์ในคำพูดรู้ว่าจะรบแพ้แล้วรบไปทำไม ทั้งที่คำพูดนั้นเป็นการสะท้อนถึงปัญหาจำนวนเสียงในการลงมติแก้รัฐธรรมนูญ ที่ถูกล็อกด้วยเสียงสองสภาเกินครึ่ง แล้วยังถูกบังคับให้ต้องมี ส.ว.อีก 84 เสียงลงมติผ่านด้วย
"การเดินทางต่อไปนี้ต้องแฟร์กัน การเรียกร้องให้ ส.ว.ลาออกในเดือนกันยายนนั้น มีใครเชื่อบ้างว่า ส.ว.จะลาออก ซึ่งคนหนุ่มสาวมีสิทธิ์เรียกร้อง แต่ไปถามดูว่าน้ำหน้า 250 ส.ว.จะลาออกหรือไม่ อีกอย่างเมื่อขีดเส้นตายแล้ว จำเป็นต้องยกระดับการชุมนุมกดดัน ถ้าเชื่อมั่นว่าข้างนอกกดดันปิดสวิตช์ ส.ว.ได้จริง คุณต้องร่วมรับผิดชอบกับคนหนุ่มสาว ต้องไปถือธงนำร่วม ถูกคดีอะไรก็เหมือนกัน และเหมือนพวกผมที่ทำมาก่อน จนมีคดียาวเป็นห่างว่าว นี่คือความรับผิดชอบ แต่ผมไม่มีวันขอแรงมวลชนเพื่อมาสนับสนุนโดยที่ตัวเองไม่ต้องออกแรงเลย ถ้าคุณประกาศพร้อมมีความเชื่อแบบนี้ อย่ากินแรงเด็ก ต้องนำหน้าหรือเคียงข้างเขา ในการต่อสู้มีความเป็นความตาย ต้องร่วมเป็นชะตากรรมเดียว ถ้าเชื่อว่าต้องใช้ขบวนการคนหนุ่มสาว คุณอย่ากินแรงเด็ก ลงมาร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา รับชะตากรรมอย่างเท่าเทียม และต่อสู้ตามความเชื่อ ส่วนผม รอวันที่เบี้ยว ก็ได้เวลาผม พูดง่ายๆ ว่าวันไหน เบี้ยว 256 วันนั้นก็เจอกับผม" นายจตุพรกล่าว
จวกเผด็จการพันธุ์ใหม่
ก่อนหน้านี้ นายจตุพรกล่าวถึงกรณีที่ออกมาสนับสนุนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย และไปวิพากษ์วิจารณ์แนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล จนถูกกระแสในโลกโซเชีย ลออกมาโจมตีในทางเสียหายจนถูกทัวร์ลงว่า เราเป็นนักประชาธิปไตย ต้องทนเห็นความแตกต่างกันได้ ไม่ใช่วิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายหนึ่งได้ คนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ เดี๋ยวทัวร์ลง นี่จะเป็นเผด็จการแบบใหม่นะจะบอกให้
"ไม่ได้หมายความว่าซีกเพื่อไทยเขาจะไม่เห็นด้วยกับการปิดสวิตช์ แต่เขาต้องการให้คนปิดสวิตช์คือประชาชน มติพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ต่างกัน เมื่อมีความเห็นเป็นอย่างอื่น ก็เห็นด้วยมาตลอด แล้วคุณมาเปลี่ยนก่อนไม่กี่นาที แล้วคนไม่เปลี่ยนมีความผิดได้อย่างไร มันก็ไม่ยุติธรรม นักประชาธิปไตยทำแบบนี้ไม่ได้ มันก็ต้องมีเกียรติกันตลอดสนามเหมือนกัน ผมก็ไม่บ้าจี้กระแสอะไร เอาตามที่เชื่อ เชื่ออะไรก็ว่าอย่างนั้น ใครเชื่ออย่างไรก็เป็นเสรีภาพ ไม่ใช่เห็นต่างเป็นศัตรูทันที คุณก็แค่เผด็จการพันธุ์ใหม่เท่านั้นเอง" นายจตุพรกล่าว
วันเดียวกัน ที่ สน.สำราญราษฎร์ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน พร้อมกลุ่มผู้มีรายชื่อที่ถูกออกหมายเรียกรวม 15 คน กรณีการชุมนุมเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา เข้าพบ พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน.สำราญราษฎร์ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร, พ.ร.บ.ความสะอาด, พ.ร.บ.ควบคุมโรค โดยมีเจ้าหน้าที่จากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ส.ส.พรรคก้าวไกล และนักวิชาการ มาร่วมสังเกตการณ์
สำหรับบรรยากาศที่หน้าโรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังพร้อมตั้งแผงเหล็กเป็นแนวกั้นล้อมรอบบริเวณทางเข้า-ออกอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมถึงสื่อมวลชนเข้าไป
เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมร่วมกว่า 100 คนเดินทางมาถึงหน้าโรงพัก ก็ถกเถียงกับตำรวจหน้าแผงกั้น ก่อนจะวิ่งกรูฝ่ากันเข้ามา โดยนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบูลส์ ถือถังสีพลาสติกมาสาดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่วางกำลังอยู่อีกชั้นหนึ่งก่อนถึงใต้ถุนโรงพัก จนตำรวจเปื้อนสีทั้งตัว ทำให้เกิดความวุ่นวาย แล้วผู้ชุมนุมก็พากั้นยื้อแย่งแผงเหล็กอีกชั้นจนเข้ามาถึงใต้ถุนโรงพัก
นายไชยอมรกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่คำขู่ หากยังคุกคามพวกเราอยู่ ผมจะคุกคามคุณกลับด้วยวิธีที่เป็นศิลปะ"
ขณะที่เพจ "สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เผยภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกสาดด้วยสีน้ำเงิน หลังจากกลุ่มประชาชนปลดแอกจัดกิจกรรมก่อนเดินขบวนไปรับทราบข้อกล่าวหา ภายหลัง โพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น ต่างรู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สาดสีใส่ตร.คือการสู้เพื่อปชต.
ต่อมานายจตุภัทร์พร้อมพวกรวม 15 คน ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยนายจตุภัทร์กล่าวว่า ทั้งหมดที่ถูกออกหมายเรียกได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยจะให้การเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้ง ซึ่งตำรวจนัดส่งสำนวนให้อัยการศาลแขวงดุสิตในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ส่วนการสาดสีโดนตำรวจและสื่อมวลบางส่วนนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยโดยไม่มีความรุนแรง
"ต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่มีผู้สาดสีใส่ตำรวจเมื่อช่วงเช้า หลังจากนี้พวกเราจะระดมเงินซื้อชุดเครื่องแบบให้ใหม่ ยืนยันว่าเราไม่ได้สู้กับตำรวจเมื่อเช้า แต่เราสู้กับระบบ เพราะพวกคุณเป็นตัว แทนผู้มีอำนาจ หากการทำตามคำสั่งนายแล้วมันขัดกับความสำนึก ทุกคนล้วนมีราคาต้องจ่าย หากพวกท่านปลดแอกตัวเองจากระบบนี้ได้ ก็ไม่ต้องไปฟังคำสั่งใครอีก" นายจตุภัทร์กล่าว
มีรายงานว่า จากเหตุที่มีผู้ชุมนุมสาดสีใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีตำรวจที่ถูกสีจนเปื้อนเครื่องแบบรวมทั้งหมด 13 นาย เป็นตำรวจกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (คฝ.) 11 นาย สวป. 1 นาย และชุดสืบสวน 1 นาย โดยผู้บังคับบัญชาได้มอบเงินค่าตัดชุดใหม่นายละ 2,500 บาท
น.ส.พรรณิการ์ วานิช ตัวแทนคณะก้าวหน้า จัดกิจกรรมพบปะพูดคุยกับสมาชิกและผู้สนใจ ในหัวข้อความมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ณ โรงแรมดารา จ.ภูเก็ต โดยน.ส.พรรณิการ์กล่าวว่า เมื่อมีเยาวชนออกมาแสดงพลังเรียกร้องเพื่อรื้อเพดานปรับโครงสร้างสังคม เป็นหน้าที่หนึ่งของสภา และนักการเมืองต้องเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้มีการพูดคุย ซึ่งพรรคการเมือง สภา และประชาชน ต้องช่วยกัน เพราะเป็นการต่อสู้ของประชาชน เชื่อว่าครั้งนี้ถ้าเรียกร้องไม่สำเร็จจะล้มยาว นิสิตนักศึกษาทุ่มเทหมดหน้าตัก ขอให้ช่วยกันเดินไปอย่างเสรี เป็นหน้าที่ของประชาชนต่อสู้ทางการเมือง ประชาชนเดิมพันด้วยกันของอนาคตของประเทศ
ส่วนเฟซบุ๊กเพจ "ไทยภักดี ประเทศไทย" ของกลุ่มไทยภักดี แจ้งว่า เนื่องจากมีเหตุขัดข้องบางประการ กลุ่มไทยภักดีขอย้ายสถานที่จัดกิจกรรม จากหอศิลปฯ กรุงเทพฯ มาเป็นศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานครไทย-ญี่ปุ่น (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) วันที่ 30 สิงหาคม เวลา 14.00-18.00 น. เช่นเดิม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |