โจ ไบเดน: ทำไมอเมริกา ต้องกลับมานำโลกอีกครั้ง?


เพิ่มเพื่อน    

 

       หากโจ ไบเดนชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ต่อเอเชียจะเป็นอย่างไร และน่าจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยไม่น้อย

            เราจึงต้องเกาะติดเพื่อวิเคราะห์ทิศทางการเมืองทำเนียบขาวอย่างใกล้ชิดทุกระยะ

            โจ ไบเดนเขียนบทความวางจุดยืนของตัวเองเรื่องนโยบายต่างประเทศชื่อ Why America Must  Lead the World Again ตีพิมพ์ในนิตยสาร Foreign Affairs ฉบับเดือนมีนาคม/เมษายนปีนี้ไว้น่าสนใจ

            ตอนหนึ่งว่าด้วยเรื่องข้อตกลงการค้ากับต่างประเทศที่โดนัลด์ ทรัมป์ได้ฉีกทิ้งไปหลายฉบับหลังจากขึ้นมารับตำแหน่ง

            โจ ไบเดนบอกว่าถ้าเขาขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาจะไม่ใช้นโยบาย "เอาหัวซุกในทราย"

            เขาบอกว่าจะไม่ประกาศว่าจะไม่ทำข้อตกลงการค้ากับประเทศไหนอีก (อย่างที่ทรัมป์วางเป็นนโยบายของตน)

            เขาบอกว่าไม่ว่าสหรัฐฯ จะเข้าไปร่วมหรือไม่ ประเทศต่างๆ ในโลกก็จะค้าขายกันเองอยู่ดี

            "คำถามใหญ่ก็คือ ใครเป็นคนเขียนกฎกติกาเพื่อมากำกับการค้าโลก ใครจะสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถปกป้องคนทำงาน, สิ่งแวดล้อม, ความโปร่งใส, และค่าแรงที่เหมาะสมสำหรับชนชั้นกลาง"

            โจ ไบเดนถามเองและตอบเองว่า "ก็ต้องเป็นสหรัฐฯ..ไม่ใช่จีน...ที่จะต้องเป็นผู้นำในเรื่องนี้"

            แต่เขาบอกว่าเขาจะไม่ทำข้อตกลงการค้าใหม่กับใครจนกว่าจะได้ลงทุนในคนอเมริกัน และทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจโลก

            และเขาจะไม่เจรจาต่อรองข้อตกลงใหม่กับประเทศไหนโดยไม่มีผู้นำแรงงานและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมแลกเปลี่ยนด้วยอย่างมีความหมาย

            อีกทั้งยังจะต้องตั้งเงื่อนไขที่เข้มข้นในข้อตกลงเหล่านั้นเพื่อหุ้นส่วนและคู่ค้าทำตามอย่างเคร่งครัด

            ไบเดนยอมรับว่า "จีนเป็นความท้าทายพิเศษ" สำหรับอเมริกา

            เขาบอกว่าได้เคยพบปะพูดคุยกับผู้นำจีนนับรวมแล้วหลายชั่วโมง

            "และผมเข้าใจดีว่าเรากำลังต้องเผชิญกับอะไรบ้าง"

            ไบเดนบอกว่าจีนกำลัง "เล่นเกมยาว" โดยการขยายอิทธิพลไปทั่วโลกเพื่อส่งเสริมบทบาทการเมืองของตัวเองและลงทุนในเทคโนโลยีสำหรับอนาคต

            แต่ขณะเดียวกันทรัมป์ก็ได้ระบุสินค้านำเข้าจากพันธมิตรใกล้ชิดของเรา เช่น แคนาดาและสหภาพยุโรปเป็น "ภัยคุกคามความมั่นคง" ของสหรัฐฯ เพื่อที่จะเพิ่มภาษีอย่างไร้ความรับผิดชอบและสร้างความเสียหาย

            "ทรัมป์ทำให้ความสามารถของเราในการเผชิญกับภัยคุกคามทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นด้วยการลดทอนศักยภาพทางเศรษฐกิจของหุ้นส่วนของเรา..." ไบเดนบอก

            เขายืนยันว่าสหรัฐฯ ยังต้องมีท่าทีแข็งกร้าวกับจีน

            เขาใช้คำว่า get tough ซึ่งชาวบ้านอเมริกันส่วนใหญ่จะเข้าใจ

            "ถ้าจีนยังสามารถทำอะไรตามที่ตนต้องการได้ จีนก็จะยังเดินหน้าปล้นเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ และบริษัทอเมริกัน และก็จะยังดำเนินการให้เงินอุดหนุนรัฐวิสาหกิจต่อเพื่อสร้างความได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรม..." ไบเดนบอก

            และเสนอว่าอเมริกาจะเอาชนะจีนได้ก็ด้วยการสร้างแนวร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน ในการเผชิญหน้ากับปักกิ่งในเรื่องความประพฤติที่ละเมิดกติกาและสิทธิมนุษยชน

            ขณะเดียวกันไบเดนก็ยอมรับว่าสหรัฐฯ จะต้องร่วมมือกับจีนในด้านอื่นๆ ที่มีผลประโยชน์สอดคล้องกัน เช่น เรื่องโลกร้อน, การระงับการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และความมั่นคงด้านสาธารณสุขสากล

            ไบเดนบอกว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศใหญ่ มีจีดีพีเท่ากับ 1 ใน 4 ของโลก

            "เมื่อเราจับมือกับประเทศที่เป็นเพื่อนร่วมหลักการประชาธิปไตยด้วยกัน พลังของเราก็เพิ่มขึ้นเกินเท่าตัว จีนไม่อาจจะมองข้ามเศรษฐกิจที่ใหญ่เกินครึ่งหนึ่งของโลกได้ และนั่นจะทำให้เรามีอำนาจต่อรองในการเขียนกฎกติกาในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือแรงงาน เรื่องเทคโนโลยีหรือความโปร่งใส เพื่อจะสามารถสะท้อนถึงค่านิยมด้านผลประโยชน์และคุณค่าด้านประชาธิปไตยของเรา..." ไบเดนยืนยัน

            ไบเดนไม่ประกาศ Make America Great Again เหมือนทรัมป์

            แต่ปรับเป็น America Must Lead Again

            นั่นแปลว่าสหรัฐฯ ภายใต้การนำของเขาจะต้องกลับมาเป็นเบอร์หนึ่ง เพื่อนำให้ทั้งโลกอยู่ในสภาพที่เห็นบทบาทสำคัญของความเป็นมหาอำนาจของอเมริกาอีกครั้งหนึ่ง

            และหากไบเดนชนะเลือกตั้ง รองประธานาธิบดีก็จะคือ กมลา แฮร์ริส ซึ่งมีเชื้อสายอินเดีย

            เธอมีความเข้าใจเอเชียมากกว่ารองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนๆ แน่นอน...เราจึงคาดได้ว่านโยบายสหรัฐฯ ภายใต้ไบเดนจะให้ความสำคัญต่อเอเชียมากขึ้น

            แต่อเมริกาจะฟังเสียงของเอเชียหรือให้เอเชียมีสิทธิ์มีเสียงมากน้อยเพียงใดก็เป็นเรื่องที่ต้องเกาะติดกันต่อไป

            เพราะจีนเองก็เฝ้ามองอย่างตาไม่กะพริบเหมือนเราเช่นกัน

            ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ต้นเดือนพฤศจิกายนนี้จึงมีความสำคัญต่อชาวโลกอย่างแน่นอน.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"