ตร.สรุปผลตรวจสอบคดี "บอส" ให้ส่งฟ้อง 3 ข้อหา เชื่อลงโทษผู้ต้องหาได้ ชง ผบ.ตร.ฟันวินัย 21 นายตำรวจบกพร่อง เตรียมประสานอินเตอร์โพลออกหมายแดงเพื่อสืบหาแหล่งที่อยู่ก่อนดำเนินการตามช่องทางส่งผู้ร้ายข้ามแดน "วิษณุ" ยอมรับคดีบอสเริ่มต้นกระบวนการใหม่ "วิชา" ขอเวลา 30 วันทำเรื่องปฏิรูป
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) วันที่ 27 สิงหาคม พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำสำนวนคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 แถลงความคืบหน้าการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องว่า หลังจากคณะกรรมการฯ ตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว จึงได้รายงาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ในเบื้องต้นว่า คณะกรรมการฯ ได้พบพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่คดี น่าจะทำให้ศาลลงโทษผู้ต้องหาได้ ซึ่งเป็นพยานที่เกี่ยวข้องกับผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว และพยานหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามีการเสพยาเสพติด แต่ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด จึงเสนอ ผบ.ตร.ให้แจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าวรวมทั้งพยานหลักฐานใหม่ไปยังอัยการสูงสุด
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงอันสำคัญในคดีที่สามารถนำไปสู่การลงโทษผู้ต้องหาได้ ในข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และพยานหลักฐานในเรื่องการเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โดยมีข้อเสนอให้ บช.น.ดำเนินคดีกับนายวรยุทธ พร้อมทั้งให้นำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาด้วย และเสนอข้อบกพร่องของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการทำสำนวนคดีเดิมจำนวน 11 นาย และพบข้อบกพร่องใหม่ จำนวน 10 นาย
"โดยมอบหมายให้ผู้บังคับการกองวินัยไปพิจารณาว่าผู้ใด หรือกรรมใดได้เคยถูกลงโทษไปแล้วบ้าง เพราะตามกฎหมายไม่สามารถดำเนินการทางวินัยซ้อนกันสองครั้ง ในเรื่องดำเนินการทางวินัยมอบหมายให้จเรตำรวจแห่งชาติเป็นประธานการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือคณะกรรมการสืบสวนทางวินัย คณะกรรมการฯ ได้มีบันทึกแจ้ง ผบ.ตร. เกี่ยวกับการพบหลักฐานใหม่ให้ บช.น., บก.น.5 และ ผกก.สน.ทองหล่อ ดำเนินการด้วย"
พล.ต.ท.จารุวัฒน์กล่าวอีกว่า วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอถอนหมายจับเดิม และขอออกหมายจับนายวรยุทธใหม่ ใน 3 ข้อกล่าวหา สำหรับขั้นตอนต่อไป ภายหลังศาลอนุมัติออกหมายจับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และระเบียบ ตร.ที่เกี่ยวข้อง และไม่เกี่ยวข้องกับคดี พสง.สน.ทองหล่อ ก็จะมีการแจ้งไปยังกองทะเบียนประวัติอาชญากร หรือ ทว. เพื่อออกประกาศสืบจับ และมีหนังสือไปยังกองการต่างประเทศ หรือ ตท. เพื่อประสานไปยังองค์กรตำรวจสากล ในการติดตามตัวนายวรยุทธ และส่งเรื่องไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า ในส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับนายวรยุทธ ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้สอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญด้านความเร็ว จำนวน 10 ปาก และพยานผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 4 ปาก ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งทั้ง 4 คนยังยืนยันตามคำให้การที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงสอบสวน อันไหนที่ขัดแย้งให้ถือว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นอันถูกต้อง เนื่องจากเป็นคำให้การครั้งหลังสุด โดยมีความเร็วตั้งแต่ 125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และก็ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เกินกว่ากฎหมายกำหนด แม้จะมีความแตกต่างในการคำนวณ
เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่ที่ถูกเสนอข้อบกพร่องจำนวน 10 รายมีใครบ้างนั้น พล.ต.ท.จารุวัฒน์กล่าวว่า ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้เดี๋ยวเขาจะมาฟ้อง มีทั้งเกษียณและยังไม่เกษียณ มีอดีต ผบช.น.รวมอยู่ด้วย กรรมการชุดเราชี้หมด พบอะไรก็บอกตรงๆ ผิดไม่ผิดอีกเรื่อง อยู่ในรูปคณะกรรมการวินัยที่มี ผบ.ตร.ตั้งขึ้น ส่วนคนที่เกษียณไปแล้ว ต้องไปดูในเรื่องของความผิดว่าเกี่ยวเนื่องอย่างไร แต่ถ้าเป็นวินัยไม่ได้ เพราะจบแล้ว แต่เราก็ต้องถอดบทเรียนออกมาว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนกรณีอดีต ผบช.น.ที่บกพร่องนั้น เป็นในเรื่องไม่ควบคุมสั่งการ
พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ตท.) กล่าวว่า วันนี้ ตท.ได้รับหนังสือจาก สน.ทองหล่อ แจ้งให้ทราบว่ามีการออกหมายจับนายวรยุทธ 3 ข้อหา จึงได้ประสานมายัง ตท. เพื่อดำเนินการในส่วนการประกาศสืบจับ ตท.จะประสานงานกับ สน.ทองหล่ออย่างใกล้ชิด เมื่อ พงส.มีความเห็นสั่งฟ้อง แล้วพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องผู้ต้องหารายนี้แล้ว ตท.จะทำคำร้องไปยังสำนักงานตำรวจสากล เพื่อออกหมายแดงประกาศสืบจับนายวรยุทธต่อไป
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ ตร.ประสานอินเตอร์โพลจับตัวนายวรยุทธเพื่อจับตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยว่า ไม่รู้ว่าตำรวจส่งไปขอหรือไม่ ทราบเท่าที่สื่อลงข่าวเช่นกันว่ามีการตั้งข้อหาใหม่ 3 ข้อหา ซึ่งเมื่อตั้งข้อหาใหม่แล้วทางคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่มีนายสิระ เจนจาคะ เป็นประธาน ก็หยุดพิจารณาคดี เพราะถือว่ากลายเป็นคดีที่ไปอยู่ในอำนาจศาลแล้ว ดังนั้นจึงสามารถออกหมายแจ้งไปที่อินเตอร์โพลได้หากต้องการตัวและเชื่อว่าอยู่ต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นคดีใหม่เลยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "ใช่"
นายวิษณุกล่าวว่า สำหรับการจัดทำรายงานฉบับใหญ่ของคณะกรรมการชุดนายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่เตรียมส่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ส่งตามรอบ 10 วันมา 2 ครั้งแล้ว โดยนายวิชาได้ขอเวลาอีก 30 วัน เพื่อทำในเรื่องของการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม โดยที่ไม่เกี่ยวกับคดี เพราะถือว่าจบลงแล้ว แต่สิ่งที่นายวิชาและคณะกรรมการฯ จะทำต่อไป จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปฯ ว่าเรื่องนี้ถือเป็นบทเรียน จะต้องไปแก้อะไรตรงไหน จึงได้ขอเวลาทำต่อ และเมื่อทำเสร็จแล้วก็จะเสนอต่อนายกฯ เช่นเดิม ส่วนกรณีรายงานเล่มที่จะส่งให้นายกฯ เมื่อส่งแล้วก็อยู่ที่นายกฯ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ทั้งนี้ ต้องดูด้วยว่าชุดกรรมการของนายวิชาได้เสนอแนะอะไรมาบ้าง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |