ปัญหาของการ “อยู่ๆ กันไป”


เพิ่มเพื่อน    

          เห็นว่า...คณะกรรมการชุดอาจารย์ วิชา มหาคุณ ท่านจะสรุปเรื่อง บอส กระทิงแดง ในอีกวัน-สองวัน โดยจะออกมาหน้าไหน แนวไหน จะต้องยืดอายุ ต่อเวลาออกไป อีกหรือไม่? ประการใด? ก็ยังมิอาจระบุได้ หรือเมื่อสรุปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้วและต้องส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรี จากนั้น...จะก่อให้เกิด ผลพวง ใดๆ ตามมา เป็นที่ซู้ดๆ ซ้าดๆ หรือเป็นที่ซึมๆ เซาๆ ก็ยังยากส์ส์ส์ที่จะชี้วัด ตัดสิน กันในช่วงนี้...

                                    -------------------------------------------------

                และแน่นอนนั่นแหละว่า...ภายใต้ลักษณะอาการดังกล่าว ย่อมน่าจะส่งผลให้การ อยู่ๆ กันไป อาจเป็นอะไรที่ดีอย่าง เสียอย่าง ไปตามสภาพ คือที่ดีนั้น...อาจช่วยให้เกิดความรอบคอบ สุขุม ไตร่ตรอง ประณีต ตามแบบฉบับ ลิเกเก่า ประเภทกว่าจะเอื้อนกว่าจะเอ่ยอะไรในแต่ละที แม้อาจหนีไม่พ้นต้องเปิดโอกาสให้แมลงวันบินเข้าปาก ไปตามเรื่อง ตามราว แต่ก็น่าจะมีส่วนช่วยให้เกิดความนุ่มนิ่ม นุ่มนวล ความไพเราะ เพราะพริ้ง สามารถใช้เส้นเสียง และลูกคอ เขย่าไป-เขย่ามา อันถือเป็น “ศิลปะ” ระดับที่ต้องอาศัย ศิลปินแห่งชาติมาเอง เท่านั้น ถึงจะพอไปได้...

                                    ------------------------------------------------

                แต่ในส่วนที่อาจถูกมองเป็นสิ่งเสียๆ หายๆ ก็คือมันออกจะ แต่ช้าแต่...เขาแห่ยายมา พอถึงศาลา เขาวางยายลง อะไรประมาณนั้น คือออกจะเป็นอะไรที่ยืดไป-ยืดมา ยืดจนเผลอๆ...ใครต่อใครอาจจำไม่ได้ซะแล้ว!!! ว่ากำลังพูดถึงใคร หรือพูดถึงอะไรกันแน่ อันมักเป็นตัวส่งผลให้การปรับปรุง แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือ การปฏิรูป ใดๆ ก็ตาม สุดท้าย...มักหนีไม่พ้นต้องหนักไปทาง รูดไป-รูดมา กันตามสภาพ อย่างเช่น ปฏิรูปตำรวจ เป็นต้น ที่ แต่ช้าแต่ มาประมาณ 5-6 ปีเข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการชุด พระอาจารย์บุญสร้าง ไปจนถึง พระอาจารย์มีชัย สุดท้าย...เลยต้อง อยู่ๆ กันไป โดยมิอาจรู้เหนือ รู้ใต้ ว่าจะต้องตายโหง ตายห่า กันในตอนไหน เมื่อไหร่ ในอนาคตเบื้องหน้า...

                                     -----------------------------------------------

                การ อยู่ๆ กันไป ตามแบบฉบับที่ว่า...มันเลยออกจะเป็นอะไรที่ ได้อย่าง-เสียอย่าง ดังที่ว่าไว้แล้ว อีกทั้งคงมิอาจปฏิเสธได้ว่ามันออกจะเป็นอะไรที่ พิมพ์นิยม เสียเหลือเกิน สำหรับการบริหาร จัดการ สิ่งต่างๆ ในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮามาโดยตลอด การปรับปรุง เปลี่ยนแปลง การแก้ไขปัญหาด้วยวิธี ตั้งคณะกรรมการ ชุดโน้น ชุดนี้ เข้ามาเอื้อนๆ เอ่ยๆ ตามแบบฉบับลิเกเก่า ก่อนที่จะปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามแบบเดิมๆ แบบที่เคยเป็นมา จนไม่ว่าใครต่อใครชักเริ่มคุ้นชิน คุ้นเคย กับการ อยู่ๆ กันไป จึงถือเป็นการบริหาร จัดการปัญหา ที่ค่อนข้าง คลาสสิก เอามากๆ...

                                  ---------------------------------------------------

                แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...การอาศัยกรรมวิธีแบบ คลาสสิก เช่นนี้ เมื่อถูกงัดมาใช้บ่อยๆ ใช้แล้ว ใช้เล่า จนประเทศไทย สังคมไทยยังไม่คิดจะไปไหนซักกะที มันเลยอาจกลายเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอาการ คลัตช์สึก ขึ้นมาได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ หรือก่อให้เกิดแรงเสียดสี เสียดทาน ที่มีแต่จะหนักหน่วง รุนแรง ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดอาจถึงขั้น เกียร์พัง เดินหน้าไม่ได้ต่อไปอีกแล้ว มีแต่ต้องจอดนิ่ง รอวัน เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปตามเวร-ตามกรรม หรือนำไปสู่การ แตกหัก ชนิดไม่อาจเยียวยา ไม่อาจยืดๆ หยุ่นๆ ไม่อาจยืดเวลาต่อไปได้อีก มีแต่ต้องทะลุทะลวง หักล้าง โค่นล้ม โดยไม่ต้องสนใจอีกแล้วว่าจะ เลือดนองท้องช้าง กันไปถึงขั้นไหน???

                                   --------------------------------------------------

                อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยกลายเป็น ความรุนแรง ที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ใน โครงสร้าง เป็นทางอับ ทางตัน ที่ไม่อาจหาจังหวะผ่อนคลาย หาทางยืดๆ หยุ่นๆ ใดๆ ได้อีก ทั้งๆ ที่โดยอุปนิสัย วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมต่างๆ ของสังคม เป็นอะไรที่สุดแสนจะ ประนีประนอม ก็ตามที การแตกระเบิดออกมาเป็น 14 ตุลาฯ, 6 ตุลาฯ หรือ พฤษภาทมิฬ ฯลฯ ส่วนใหญ่...มันก็มักเป็นไปในแนวนี้นั่นแหละทั่น ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับ พลังทางสังคม ที่แทบไม่เคยรู้จักมักจี่ แต่จู่ๆ มันก็โผล่ๆ ผลุดๆ ขึ้นมาตาม ธรรมชาติ ของมันเอง หรือตามสภาวะแวดล้อมทางสังคม ที่ส่งผลให้มันต้องเป็นไปในแนวนั้น...

                                    -------------------------------------------------

                เหมือนอย่างการแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง รัฐธรรมนูญ คราวนี้...ที่แม้ว่าต่างฝ่ายต่างดูจะไหลไปในแนวเดียวกันตามสมควร คือเห็นว่าควรแก้ ควรปรับปรุง เปลี่ยนแปลงไปตามรสนิยมของใครก็ของมัน แต่โอกาสที่มันจะเป็นจริง เป็นจัง ไม่ว่าตามรสนิยมของใครต่อใครก็แล้วแต่ ดูๆ แล้ว...มันออกจะซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศซะเหลือเกิน ไม่ว่าฝ่ายเสนอ หรือฝ่ายสนอง ต่างออกอาการสับสนไปด้วยกันทั้งสิ้น จนแทบไม่รู้ว่าจะไปหา คณะกรรมการ ชุดใด ที่พอจะมาสร้างข้อยุติ จุดลงตัว กันได้ง่ายๆ หรือทำให้โอกาสที่จะต้อง อยู่ๆ กันไป ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นทุกที...

                                    -------------------------------------------------

                และถ้าหากมันดันเป็นไปในแนวนี้ขึ้นมาจริงๆ...โอกาสที่จะนำไปสู่การแตกหัก แตกระเบิด ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...คลัตช์ ของสังคมช่วงนี้ น่าจะหลงเหลืออยู่เพียงเบาบางเอามากๆ ขณะที่บรรดาผู้มีอำนาจ บทบาท ยังเอาแต่ เชนจ์เกียร์ เปลี่ยนเข้า-เปลี่ยนออก กระทอกไป-กระทอกมา โดยไม่ได้บันยะบันยังใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย อันนี้นี่แหละ...ออกจะเป็นอะไรที่น่ากลัว น่าวิตก อยู่พอสมควร...

                                   ------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Fritz R.S. Dressler...Predicting the future is easy. It’s trying to figure what’s going on now that’s hard. -  การคาดคะเนอนาคตนั้นง่าย...แต่การพยายามไตร่ตรองว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นขณะนี้สิยาก...”

                                   ----------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"