สหรัฐฯ ภายใต้โจ ไบเดน นโยบาย ‘กลับมานำโลก’


เพิ่มเพื่อน    

                นับถอยหลังเหลือ 66 วันก่อนเลือกตั้งสหรัฐฯ...คำถามใหญ่คือ ถ้า โจ ไบเดน โค่นทรัมป์ นโยบายของเขาต่อเอเชียจะเปลี่ยนไปอย่างไร

                และไทยจะต้องปรับตัวให้ได้ประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศ หากเกิดความเปลี่ยนแปลงการเมืองครั้งใหญ่ที่วอชิงตันอย่างไร

                ผมไล่หาข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางที่ โจ ไบเดน ได้ประกาศเอาไว้ในที่ต่างๆ พอจะสรุปได้ว่า

                โจ ไบเดน ยังจะมองจีนเป็นคู่แข่งและภัยคุกคามต่อความเป็นมหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก

                สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอาจจะเบาลงในรูปแบบ แต่เนื้อหาของความขัดแย้งของสองมหาอำนาจยังไม่เปลี่ยน

                สหรัฐฯ ภายใต้ผู้นำที่มาพรรคเดโมแครตจะกลับมาเน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน, ประชาธิปไตยและเสรีภาพการแสดงออกในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

                แต่เราจะเห็นอเมริกาพยายามกลับมานำองค์กรระหว่างประเทศที่ทรัมป์สลัดทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็น Paris Agreement, TPP, WHO, WTO

                ไบเดนจะหวนกลับไปซ่อมแซมความสัมพันธ์กับพันธมิตรเก่า เช่น ยุโรป, แคนาดา และอาเซียน

                นี่คือแนวทางที่ไบเดนระบุเอาไว้ในบทความหัวข้อ Why America Must Lead Again : Rescuing US Foreign Policy After Trump ที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Foreign Affairs ฉบับเดือนมีนาคม/เมษายนปีนี้

                “สิ่งที่ผมจะทำทันทีที่เป็นประธานาธิบดีคือ การฟื้นคืนประชาธิปไตยของสหรัฐฯ และพันธมิตรทั้งหลาย จะปกป้องอนาคตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และจะทำให้อเมริกากลับไปเป็นผู้นำของโลกอีกครั้งหนึ่ง”

                ในบทความนั้น ไบเดนเน้นความสำคัญของการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับจีนในตลาดโลก และจะจับมือกับพันธมิตรในการแก้ปัญหาเกาหลีเหนือ

                ไบเดนคงไม่พยายามจะขอนัดพบคิม จองอึน เพื่อประชุมสุดยอดเหมือนทรัมป์ที่เจอกันสองรอบแล้วยังไม่มีข้อตกลงอะไรเป็นรูปธรรม

                ไบเดนย้ำว่าจะใช้นโยบายการค้าที่ free and fair อันหมายถึงการค้าที่เสรีและเป็นธรรม

                ผมเชื่อว่าไบเดนจะให้ความสำคัญกับเอเชียไม่น้อย...โดยยังจะเน้นความสำคัญของ Free and Open Indo-Pacific ที่ทรัมป์เคยประกาศเอาไว้ แต่อาจปรับรูปแบบและลีลาด้วยการยื่นมือมาขอความร่วมมือกับอาเซียนมากกว่าสมัยทรัมป์

                ประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ก็จะยังอยู่ในระดับต้นๆ ของวาระสหรัฐต่อเอเชีย แต่คงจะพยายามสร้างเครือข่ายของประเทศในย่านนี้เพื่อสกัดอิทธิพลของจีนไม่ให้ขยายตัวมากไปกว่านี้

                ที่แน่ๆ คือไบเดนจะยังกดดันจีนต่อในประเด็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และข้อกล่าวหาที่จีน “ล้วงความลับ” ของสหรัฐฯ และโลกตะวันตกผ่านกลยุทธ์ทางไซเบอร์

                น่าสนใจว่าหากไบเดนมาแทนทรัมป์ในทำเนียบขาวจะเดินหน้าการห้าม 5G ของจีน และจะแบน TikTok และ WeChat ของจีนต่อไป หรือด้วยความเข้มข้นมากขึ้นหรือน้อยลงอย่างไร

                ไบเดนประกาศว่าในปีแรกที่อยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี เขาจะให้สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดว่าด้วยประชาธิปไตยระดับโลก

                เขาเรียกมันว่า Global Summit for Democracy เพื่อ “ฟื้นฟูจิตวิญญาณและเป้าหมายร่วมของประเทศในโลกเสรี” เพื่อให้ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกมาร่วมมือกันเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสถาบันประชาธิปไตยอีกครั้ง

                ไบเดนเน้นว่ารัฐบาลของเขาจะสร้างสิ่งที่เขาเรียกว่า “ประชาธิปไตยเพื่อชนชั้นกลาง” หรือ A Foreign Policy for the Middle Class

                หลักใหญ่ใจความของนโยบายนี้คือการเอาชนะจีนและประเทศอื่นใดด้วยการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านนวัตกรรม และรวมพลังทางเศรษฐกิจของประเทศค่ายประชาธิปไตยทั่วโลกเพื่อต่อต้านพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบและลดความเหลื่อมล้ำในระดับสากล

                เห็นชัดว่าไบเดนต้องการจะแยกสหรัฐฯ ออกจากจีน...เป็นค่าย “โลกเสรี” กับค่ายที่เหลือที่นำโดยจีน

                “สงครามเย็นโลกรอบใหม่” ที่ทรัมป์จุดกระแสขึ้นมาจะปรับรูปแบบเป็นอย่างไรหากไบเดนชนะเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ยังเป็นเครื่องหมายคำถามใหญ่อยู่ ณ วันนี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"