ยันนายกฯสั่งสนช.ไม่ได้ ‘สมชาย’เชื่อคลิปตัดต่อ


เพิ่มเพื่อน    

  ควันหลงคว่ำ 14 รายชื่อ กสทช. "สมชาย" ยันนายกฯ สั่ง สนช.ไม่ได้และไม่เคยสั่ง ยันคลิปเสียงไม่ใช่ที่ประชุมวิป สนช. 100% มั่นใจถูกตัดต่อ ปฏิเสธเป็นการปล่อยคลิปแทงหลังกันเองของ สนช. เชื่อเป็นเพียงการแอบอ้าง เพราะที่ผ่านมามีการแอบอ้างตลอดว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นคนของนายกฯ หรือ คสช. 
    นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวถึงกรณีที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีคลิปหลุด ที่มีการอ้างคำพูดนายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยกับ 14 รายชื่อผู้สมัคร กสทช.ว่า ในวันที่ 23 หรือ 24 เม.ย.นี้  นายพรเพชรน่าจะเซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคลิปดังกล่าวได้ เพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อ สนช. 
    "ยืนยันว่าคลิปที่หลุดมาไม่ใช่การประชุมวิป สนช. 100% เพราะอยู่ในที่ประชุมวิป สนช.ตลอด ไม่มีการคุยเรื่องนี้"
    เขากล่าวว่า รวมทั้งไม่น่าจะใช่การประชุมคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธานด้วย เพราะตนร่วมเป็น กมธ.ชุดดังกล่าว ไม่เคยได้ยินว่ามีการพูดคุยตามเนื้อหาในคลิป เท่าที่ฟังคลิปมั่นใจว่าน่าจะเป็นคลิปตัดต่อ เพราะดูแล้วเสียงกระโดด เหมือนนำเสียงในการประชุมวงต่างๆ มาตัดต่อรวมกัน อย่างไรก็ตามไม่ทราบว่าเสียงที่พูดในคลิปเป็นเสียงของสมาชิก สนช.จริงหรือไม่ เดายาก เดาไปก็เสียหาย
    นายสมชายกล่าวว่า เนื้อหาในคลิปที่ระบุว่านายกฯ ไม่แฮปปี้กับรายชื่อ 14 ผู้สมัครที่ได้รับการเสนอชื่อจากคณะกรรมการสรรหาฯ นั้น เชื่อว่าไม่เป็นความจริง เพราะนายกฯ สั่ง สนช.ไม่ได้อยู่แล้ว  และนายกฯ ไม่เคยสั่ง สนช. ถึงอย่างไร สนช.ไม่สามารถโหวตเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อเหล่านี้ได้อยู่แล้ว  เพราะพบว่ามีคุณสมบัติไม่ถูกต้อง ซึ่งวิป สนช.ทราบเรื่องมาตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.แล้วว่าผู้ได้รับการเสนอชื่อ 8 รายมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติไม่ถูกต้อง เพราะเคยถือหุ้นหรือเป็นผู้บริหาร พนักงานในบริษัทที่เกี่ยวกับกิจการวิทยุโทรทัศน์ โทรคมนาคมในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จึงมีการหารือหาทางออกกันมาตลอด 
    จนได้ข้อสรุปในการประชุม สนช.เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จะไม่โหวตเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้ง 14 ราย เรื่อง กสทช.เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลายแสนล้านบาท มีทั้งคนลุ้นอยากให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อชุดนี้ได้เป็นและไม่ได้เป็น ที่ผ่านมามักมีการแอบอ้างมาตลอดว่า ผู้สมัครคนโน้นคนนี้เป็นคนของนายกฯ หรือ คสช. จึงมั่นใจว่าเป็นการแอบอ้างแน่นอน คงไม่ใช่ฝีมือของ สนช.ปล่อยคลิปแทงข้างหลังกันแน่นอน
ยืนยันนายกฯ ไม่เกี่ยว
    นายสมชายกล่าวว่า ที่มีการเสนอรายชื่อผู้มีปัญหาด้านคุณสมบัติเข้ามาให้ สนช.เลือกถึง 8 รายนั้น  ไม่อยากให้มองว่าเป็นความผิดของคณะกรรมการสรรหาฯ เพราะคณะกรรมการสรรหาฯ ได้ตัดผู้มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องออกไปหลายราย แต่ที่ยังมีปัญหาอยู่เนื่องจากพวกที่ไปจดทะเบียนก่อตั้งชื่อบริษัท ไปใช้ชื่ออื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจวิทยุโทรทัศน์ โทรคมนาคม แต่ในหนังสือบริคณห์สนธิมีการระบุถึงวัตถุประสงค์การก่อตั้งบริษัทโยงกับธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งคณะกรรมการสรรหาฯ มีเวลาตรวจสอบแค่  30 วัน อาจไม่เพียงพอในการตรวจสอบ จึงอาจต้องแก้ไขให้คณะกรรมการสรรหาฯ มีเวลาตรวจสอบให้มากกว่า 30 วันต่อไป
    ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่สมาชิก สนช.มีมติล้มกระดานและให้สรรหาคณะกรรมการ กสทช.ใหม่ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นดุลพินิจของ สนช.แต่ละคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และมีจำนวนกว่า 200 คน จึงไม่มีใครสามารถไปบังคับหรือสั่งการได้
    ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงและมีผู้กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่านายกฯ ไม่เคยมีคำสั่งใดๆ ที่ให้ดำเนินการเช่นนั้น และเมื่อสอบถามไปยังสมาชิก สนช.ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ เชื่อว่าทุกคนมีความคิดเห็นเป็นของตนเอง และพิจารณาทุกอย่างไปตามระเบียบ กฎเกณฑ์ และกติกา
    พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีเคยให้แนวทางแก่ทุกหน่วย เกี่ยวกับเรื่องการแต่งตั้งบุคคลที่จะไปดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรสำคัญๆ นานแล้วว่า ควรพิจารณาจากคุณสมบัติหลายๆ ด้านประกอบกัน เช่น ความรู้และประสบการณ์ ความเหมาะสมกับกับตำแหน่ง ความประพฤติและจริยธรรม ตลอดจนคุณสมบัติอื่นทั่วไปตามที่ได้กำหนดไว้เมื่อตอนสรรหา ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะเรื่องหนึ่งเรื่องใดเท่านั้น
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. มีมติเสียงข้างมากให้ล้มกระดานสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ว่า ลักษณะดังกล่าวคล้ายกับการคว่ำรายชื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 7 คนก่อนหน้านี้ จึงจะต้องรอดูว่า สนช.จะมีการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าวอย่างไร และจะมีการสอบสวนเกี่ยวกับคลิปเสียงหลุดอย่างไร 
    รวมถึงจะต้องติดตามว่า คณะกรรมการสรรหาฯ จะมีการชี้แจงอย่างไร และได้มีการกลั่นกรองผู้สมัครแล้วหรือไม่ เนื่องจากบางคนขาดคุณสมบัติ หรือบางคนคุณสมบัติครบแต่กลับไม่มีชื่อขึ้นมาให้ สนช.พิจารณา ดังนั้นหากเกิดความล้มเหลวหลายครั้งก็ควรมีการออกมาแสดงความรับผิดชอบ
จี้ สนช.แจงข้อเท็จจริง
    นายอภิสิทธิ์ยังเผยว่า รู้สึกแปลกใจที่คณะกรรมการสรรหาฯ และ สนช.ไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับการสรรหาล้มการสรรหาทั้ง กกต.และ กสทช. และเป็นห่วงว่าในอนาคตหากมีผู้สมัครที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจผ่านการคัดเลือก ก็อาจถูกครหาได้ว่ามีความชัดเจนที่มีการใช้สายสัมพันธ์ในการเข้าสู่ตำแหน่ง จึงควรชี้แจงถึงสาเหตุการล้มการสรรหาให้ชัดเจน
       ขณะที่นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สนช.จะต้องทำความจริงให้กระจ่าง อย่าปล่อยให้เงียบหายไปกับสายลมเหมือนกับหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ว่ามีการสั่งจริงหรือไม่ ใครสั่ง เพราะไม่ว่าคลิปเสียงจะจริงหรือไม่ ก็ทำให้เสื่อมแล้วทั้งคนสั่งและคนถูกสั่ง อีกทั้งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีข่าวทำนองนี้ออกมา รวมทั้งยังมีการคว่ำการสรรหา กกต.ที่นำมาซึ่งข้อครหาว่าเพื่อยื้อการเลือกตั้งออกไป
    เขาบอกว่าหลายครั้งการออกกฎหมายของ สนช.ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.ได้สร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา การไม่มีฝ่ายค้าน การทำตามใบสั่งผู้มีอำนาจ การขาดการยึดโยงกับประชาชน ล้วนแล้วแต่สร้างปัญหาให้ประชาชนส่วนใหญ่ อาทิ ปัญหาประมง ออกทั้งกฎหมายทั้งระเบียบมา 250 ฉบับ  จนผู้ประกอบการอ่านกันไม่หวาดไม่ไหว ทำกันไม่ถูก พ.ร.บ.การเดินเรือน่านน้ำไทย ที่ทำเอาเดือดร้อนกันไปทุกหย่อมหญ้า เพราะต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ยื่นลงไปในน้ำออกทั้งประเทศ จนต้องใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาที่ตนเองสร้างขึ้นมาเอง เป็นต้น
    สำหรับ 14 รายชื่อว่าที่ กสทช.ที่ที่ประชุม สนช.ต้องเลือกให้เหลือ 7 คน แต่กลับคว่ำไปทั้ง 14 รายชื่อ เพราะหลายคนขาดคุณสมบัตินั้น ประกอบด้วย
    1.ด้านกิจการกระจายเสียง  พันเอกกฤษฎา เทอดพงษ์ และ? ดร.ธนกร ศรีสุขใส 2.ด้านกิจการโทรทัศน์ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ และพลเอกมังกร โกสินทรเสนีย์ 3.ด้านกิจการโทรคมนาคม นายอธิคม ฤกษบุตร และนายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ 4.ด้านวิศวกรรม พลอากาศตรี ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ และพันเอกอนุรัตน์ อินกัน
    5.ด้านกฎหมาย นายมนูภาน ยศธแสนย์ และนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร 6.ด้านเศรษฐศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภักดี มะนะเวศ และนายณรงค์ เขียดเดช 7.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค หรือด้านการส่งเสริมสิทธิและเสรีภาพของประชาชน รองศาสตราจารย์ นพ.สุริยเดว ทรีปาตี และนายวรรณชัย สุวรรณกาญจน์
     มีรายงานว่าในการแสดงวิสัยทัศน์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อหลายคนถูกซักถามเรื่องคุณสมบัติ เช่น พ.อ.อนุรัตน์ถูกถามเรื่องการถือหุ้นของ CP ซึ่ง พ.อ.อนุรัตน์ตอบว่าจำไม่ได้ ไม่แน่ใจ จำได้แค่ว่าซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต โดยให้ภรรยาซื้อ ไม่แน่ใจ แต่ยืนยันไม่เกี่ยวกับหุ้นธุรกิจสื่อสารคมนาคม 
    พ.อ.อนุรัตน์ยังตอบข้อซักถามว่า "ผมไม่ได้เล่นนาน เพราะผมเอาพาสเวิร์ดไปให้ภรรยาผมเล่น  และผมก็ไม่ได้ดูเลย แต่ว่าบัญชีเป็นชื่อผมครับ"
    ส่วนนายวรรณชัยถูกถามเรื่องเคยถูกร้องเรียนในการปฏิบัติหน้าที่บ้างหรือไม่ เช่นร้องเรียนไปที่ สตง. นายวรรณชัยตอบว่า "ผมไม่ทราบเลยครับ เพราะไม่มีหน่วยงานไหนแจ้งมาให้ทราบเลย และไม่เคยต้องไปชี้แจงอะไร" เป็นต้น.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"