26 ส.ค.63 - ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.หญิง จิตติมา ธงไชย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์ ควบคุมตัวนายทัตเทพ หรือฟอร์ด เรืองประไพกิจเสรี อายุ 23 ปี, นายภาณุมาศ หรือเจมส์ สิงห์พรม อายุ 24 ปี สองผู้ต้องหากลุ่มเยาวชนปลดแอก ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นตาม ป.อาญา มาตรา 116 และข้อหาอื่น มาฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน นับแต่วันที่ 26 ส.ค. - 5 ก.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องทำการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 5 ปาก, รอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา โดยหากผู้ต้องหาที่ 1-2 ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนไม่คัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหา

คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 เวลา 16.00 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวกได้จัดกิจกรรม “ใครไม่ทนให้ไปกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยรวมตัวกันบนทางเท้าหน้าร้านแมคโดนัลด์อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในระหว่างชุมนุม ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร ์ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานและปฏิบัติหน้าที่ได้เข้าไปชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย แต่กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมไม่ปฏิบัติตาม โดยนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี ผู้ต้องหาที่ 1 ได้มีการโพสต์ชักชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อเวลา 17.20 น. เวลา 20.38 น. และเวลา 23.55 น. จำนวน 3 ครั้งประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่

นายภาณุมาศ สิงห์พรม ผู้ต้องหาที่ 2 ได้มีการโพสต์ชักชวนประชาชนให้มาร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อเวลา 23.39 น. โดยกล่าวถึงรัฐธรรมนูญไม่ได้ออกแบบมาเพื่อประชาชน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ 1-2 ไว้แล้ว ต่อมาวันที่ 26 ส.ค. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองได้ตามหมายจับ

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-2 ไม่ประสงค์ให้การใด ๆ ต่อพนักงานสอบสวน ศาลอาญาพิจารณาเเล้วอนุญาตฝากขัง ผู้ต้องหาทั้งสองยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว

ต่อมาเวลา 17.23 น. ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยมีสัญญาประกันวงเงินคนละ 100,000 บาท ไม่มีหลักประกัน พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามกระทำการใด ๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน โดยศาลได้แจ้งคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าวและปล่อยตัวผู้ต้องหาแล้ว

หลังได้รับการประกันตัว เวลา 17.50 น. นายทัตเทพ ให้สัมภาษณ์ว่า นับเป็นเวลา 6 ชั่วโมงที่เราสูญเสียอิสรภาพไป แม้ตอนนี้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่เราก็รู้ดีกว่า เรายังคงอยู่ในคุกที่ปิดกั้นเสรีภาพ กดขี่ข่มเห่งประชาชนที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีกว่า การที่ถูกจับกุมครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าข้อเรียกร้องของเราไม่ได้รับการตอบสนองแต่อย่างใด โดยเฉพาะข้อแรกคือหยุดคุกคามประชาชน เพราะยังคงมีการติดตามจับกุมทำให้ผู้ชุมนุมหรือประชาชนหวาดกลัว

“พวกเราได้ไปปรากฎตัวที่ สน.สำราญราษฎร์ 2 ครั้ง และได้พูดกับเจ้าหน้าที่ว่า หากมีหมายจับ ให้ตำรวจมาจับได้เลย เราไม่หนีไปไหน แต่เมื่อแสดงตัวกลับไม่จับกุมเรา แล้วไปตามจับตามสถานที่ต่างๆ ทั้งที่พัก ที่ท่องเที่ยว สะท้อนให้เห็นว่า ฝ่ายความมั่นคงมีความตั้งใจจะคุกคามประชาชน ส่วนกรณีที่ตำรวจไม่จับกุมในคืนวันนั้น ทราบว่าตำรวจไปชี้แจงกับศาล เกรงว่าหากจับกุมจะเกิดเหตุวุ่นวาย ขอถามกลับว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่” นายทัตเทพ กล่าวและว่า

เงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวของศาล คือห้ามพวกตนกระทำผิดซ้ำตามที่ถูกกล่าวหาอีกเช่นเดียวกับกลุ่มก่อนหน้านี้ หากผิดเงื่อนไข ศาลจะปรับ 1 แสนบาท แต่พวกตนยืนยันและเชื่อมั่นว่า สิ่งที่กระทำนั้นเป็นไปตามกรอบของรัฐธรรมนูญทุกประการ โดยการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. นี้ ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้จัดงาน แต่ขอเรียกร้องไปยังรัฐสภาให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยไม่ล็อกสเปค และให้แก้ไขถกเถียงได้ทุกมาตรา ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้องเดิมคือขอให้รัฐบาลหยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา และหากในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ยังคงมี ส.ว.ปฏิบัติหน้าที่อยู่ จะมีการยกระดับการชุมนุม แต่ขอให้ติดตามรูปแบบการชุมนุมกันต่อไป

ด้ายนายภาณุมาศ กล่าวว่า ตนแค่ขึ้นไปปราศรัยและร้องเพลงบนเวทีเพียง 2 เพลง ก็ถูกออกหมายจับ มองว่าเป็นการพยายามเด็ดดอกไม้ ขอเตือน ไม่ว่าเด็ดไปกี่สิบดอก ดอกไม้จะบานทั่วผืนแผ่นดินไทย ไม่มีใครจะยิ่งใหญ่กว่าประชาชน