"เฟซบุ๊ก" นี่แหละ "อำนาจคุมโลก" ของจริง!

                หลังจากปล่อยให้ "นาย/นางปวิน"

            ใช้พื้นที่หมิ่น "สถาบันเบื้องสูง" ผ่านเพจ "รอยัลลิสต์ มาร์เก็ต เพลส" มานาน

            ตอนนี้ ถูกกระทรวงดีอีเอสของ "รัฐมนตรีพุทธิพงษ์" ยื่นคำขาดให้บล็อกเพจภายใน ๑๕ วัน

            และแจ้งความ "กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี" (ปอท.)

            ให้ดำเนินคดีผู้บริหารเพจเฟซบุ๊ก "รอยัลลิสต์ มาร์เก็ต เพลส" และผู้เกี่ยวข้อง

            ในความผิดฐานร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

            แล้วทางเฟซบุ๊ก "เจ้าโลก" ว่าไง?

            ว่าไง...ไม่รู้ รู้แต่ว่า CNN ออกข่าวทั่วโลก

            "บริษัทเฟซบุ๊กเตรียมดำเนินการทางกฎหมาย ยื่นฟ้องรัฐบาลไทย เพื่อคัดค้านที่ขอให้เฟซบุ๊กบล็อกการเข้าถึงเพจ Royalist Marketplace"

                พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ ประมาณว่า.....

            "หลังจากที่ Facebook ได้พิจารณาอย่างระมัดระวังและถี่ถ้วนแล้ว เราตัดสินใจที่จะจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ทางรัฐบาลไทยระบุว่า เป็นเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย

                อย่างไรก็ตาม.....

                ข้อเรียกร้องจากรัฐบาลเช่นครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่รุนแรง และขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล และยังส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก

                การดำเนินงานของ Facebook มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคน

                และขณะนี้เรากำลังเตรียมความพร้อม เพื่อโต้แย้งในข้อกฎหมายต่อข้อเรียกร้องครั้งนี้

                การแทรกแซงที่เกินขอบเขตของรัฐบาลเช่นในกรณีนี้ ยังถือเป็นการบั่นทอนความสามารถของ  Facebook ในการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

                ตลอดถึงการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศไทย การคุ้มครองดูแลพนักงานของบริษัทฯ และการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนโดยตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์ม Facebook"

            สรุป ปากแข็ง-ก้นนิ่ม!

            แต่ยกประชาธิปไตยแบบล้นเกิน เรื่องสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขึ้นมายักเงี่ยงเอาเชิง

            ยักแล้วยังขู่เรื่องการลงทุน เรื่องธุรกิจออนไลน์ในไทย ที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มเขา ถ้าไม่มีเฟซบุ๊ก ไทยก็ตาย จะไปเอาแพลตฟอร์มที่ไหนใช้ ประมาณนั้น?

            ก็จริงของพี่มาร์กเขานะ!

            เราควรเอาจุดนี้คิดสร้างมานะด้าน "พึ่งพาตนเอง" ก็ทุกเรื่องแหละ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการผลิต-การวิจัย เรื่องเทคโนโลยี เรื่องเกษตร

            ไปสุดโลก-สุดหล้า สุดท้ายที่มนุษย์ต้องกลับมา คือ "รากฐานชีวิต" จะสูงสุด-ต่ำสุด "การอยู่-การกิน" ในเบื้องต้น ต้องมีก่อน

            "เศรษฐกิจพอเพียง" ตอบโจทย์พื้นฐานมนุษย์ที่สุด ถ้าพื้นฐานคือเสาเข็มแน่นแล้ว อนาคต...จะขึ้นช้าง-ลงม้า จะเหาะขึ้นฟ้า ข้ามเขาพระสุเมรุไปดาวอังคาร

            ไปได้สุดหาง-สุดหัว หายห่วง!

            ผมอยากให้นายซักเคอร์เบิร์กฟ้องศาลโลกแฮะ....

            อยากพิสูจน์เรื่องสิทธิ, เรื่องเสรีภาพ ว่าเฟซบุ๊กมีได้ฝ่ายเดียว ฝ่ายถูกเฟซบุ๊กเป็นแบ็กให้จ้วงแทง ไม่มีสิทธิและไม่มีเสรีภาพที่จะป้องกันตัวเองบ้างเลยหรือไง?

            รู้กันบ้างมั้ย ทุกวันนี้ แตะมือถือ เปิดนั่น-กดนี่ปุ๊บ ระบบจะส่อง-จะดูด-จะบันทึกพฤติกรรม "แต่ละคน" เข้าสู่ระบบคลังข้อมูลของเขาทันที

            แล้วใช้ข้อมูลที่ดูดไปจากพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตแต่ละคนนี่แหละ ย้อนกลับมาขายเราในรูปข้อมูลอีกที        

            เอไอ, คลาวด์ บิ๊ก ดาตา ที่จะไปยุค ๕ จี วันนี้ หัวใจ ก็คือข้อมูลรวมศูนย์ ข้อมูลทั้งหมด ก็โจรกรรมไปจากเราโดยตรง        

            แล้วแบบนี้ ปล้นหรือละเมิด "สิทธิส่วนบุคคล" มั้ย?

            เฟซบุ๊กฟ้องมา เราก็ฟ้องกลับไปบ้าง เอาให้ไส้แตกกันไปข้าง โลกจะได้จำ!

            ยกตัวอย่างที่ดูดข้อมูลเรากลับมาขายเราให้ดู

            เราเปิดดูอะไรซ้ำๆ ซัก ๒-๓ ครั้ง จะถูกบันทึกพฤติกรรมไปเป็นข้อมูลของเขาทันที

            จำได้มั้ย มี ส.ส.ผู้ทรงเกียรตินายหนึ่ง ขณะนั่งประชุมในสภา ก็เปิดเฟซดูหนัง/รูปโป๊ไปเรื่อย มีช่างภาพซูมถ่ายมาออกเป็นข่าว

            ส.ส.คนนั้น แก้ตัวว่า เปล่าเปิด แค่กดไป หนังโป๊หรือรูปโป๊ มันก็ขึ้นมาเอง

            คนไม่รู้ ก็ร้อง..อ้อ เรอะ?

            แต่บังเอิญคนรู้มีเยอะ ส.ส.คนนั้น เลยถูกจับแก้ผ้ากลางสภา คือคนรู้เขาบอกว่า ที่รูปโป๊มันโผล่ขึ้นมา แสดงว่า ผู้ทรงกามท่านนั้น เปิดเว็บโป๊ดูเป็นประจำ

            เครื่องมันจึงบันทึกพฤติกรรมเข้าคลังข้อมูล คือรู้ใจว่างั้นเหอะ พอกดหมวดนี้ปุ๊บ รูปโป๊จะมาปั๊บ

            ก็หน้าแหกไป....

            แต่ไม่หรอก โดยเปอร์เซ็นต์เฉลี่ย ถ้าไม่โง่และด้านถึงขีด คนนั้น เป็น ส.ส.ได้ยาก หรือใครว่าไม่จริง?     

            ประเด็นนี้ ผมว่าท่านนายกฯ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ให้ความเห็นไว้ดีนะ ลองอ่านดู

            กฎหมายแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ผมไม่เคยก้าวล่วงต่างประเทศ การดำเนินการของรัฐบาล เป็นไปตามกฎหมายไทย ไม่เคยใช้อำนาจเผด็จการไปสั่งปิด

            อยากจะบอกว่า........

            ผมจำเป็นต้องเอ่ยชื่อนะครับ ไม่ว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ก็มาจากเพจกลุ่มที่มีอยู่ก็คือ รอยัลลิสต์  มาร์เก็ต เพลส และก็รู้อยู่ว่าใครขับเคลื่อนอยู่

            ก็คือ สมศักดิ์ และ ปวิน คนเหล่านี้ เราก็รู้อยู่ว่า เป็นยังไง แล้ววันนี้ อยู่ที่ไหน เขารับผิดชอบในความเสียหายของประเทศชาติเราหรือเปล่า

            หากถูกเฟซบุ๊กฟ้องร้องจริง ก็พร้อมจะใช้กฎหมายไทยต่อสู้คดี เพราะแม้ทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่ต้องไม่ผิดกฎหมายไทย

            "ผมไม่เคยไปใช้อำนาจเผด็จการที่ไม่มีแล้วไปปิด มันไม่ใช่ เพราะเป็นการขอคำสั่งศาลทุกครั้ง

            ผมคิดว่าในทางกฎหมาย เราก็สามารถที่จะทำได้ตรงนี้ว่านี่คือกฎหมายไทย การปิดเพจต่างๆ เป็นการขอความร่วมมือไป แล้วเป็นการขอคำสั่งศาลทั้งสิ้น"

            ครับ.....

            เราเล่นไพ่ "หมอบ" มาเกือบทุกตา ตานี้เรียกไพ่บ้าง แพ้-ชนะ ในระบบ เฟซบุ๊กฟ้องมา เราก็ฟ้องกลับไป เอาให้มันสุดด้ามซะที

            อยากถอนหรือถอยไปจากเมืองไทย ก็เชิญ...ถ้าไม่มีแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กแล้วประเทศไทยอยู่ไม่ได้ ก็จะได้รู้กันไป

            ทุกวันนี้..........

            เม็ดเงินโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์อย่าง เฟซบุ๊ก ยูทูบ ไลน์ เน็ตฟลิกซ์ เป็นหมื่นๆ ล้าน เฟซบุ๊ก, ยูทูบ มากสุด

            ไทยใช้เฟซบุ๊กมากเป็นอันดับ ๘ โลก ด้วยยอดทาสกว่า ๕๐ ล้านคน

            ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ ล้วนมาจาก "นอกประเทศ" ทั้งนั้น รวมทั้งการซื้อขายสินค้าออนไลน์

            ทั้งหมด ใช้โครงสร้างโทรคมนาคมในประเทศ ที่รัฐลงทุนทั้งสิ้น แทนที่จะมีรายได้จากธุรกิจออนไลน์ในรูปแบบภาษีบ้าง กลับไม่ได้เลย

            เป็นหมื่นๆ ล้าน ไหลเข้ากระเป๋าเจ้าของแพลตฟอร์มที่ไม่ต้องลงทุนโครงข่าย ใช้ของที่ไทยลงทุนฟรีๆ!

            หลายประเทศออกกฎหมายเก็บภาษีแอป, แพลตฟอร์ม แต่ของเรา เห็นทาง กสทช.เสนอให้เก็บภาษีกิจการ OTT (Over-The-Top) ผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีนิติบุคคล มาเป็นปีๆ แล้ว

            ก็ไม่ทราบไปถึงไหน?

            ถ้าจำไม่ผิด เคยมีร่างกฎหมาย "เก็บภาษีแพลตฟอร์มดิจิทัล" ผ่านมติ ครม.ไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เห็นเงียบไป

            อย่างเฟซบุ๊กนี่ ในเมืองไทยมีตั้งกว่า ๖๐ ล้านบัญชี ถ้าเรียกเก็บตามปริมาณจราจรที่เข้ามาใช้ผ่านโครงข่ายไทย เอาเฉพาะธุรกิจรายใหญ่ รายย่อยไม่ต้อง ปีๆ จะได้เป็นพันล้านทีเดียว

            ขนาดยังไม่ใช้ ๕ จี การใช้ดาตารวมทั้งประเทศยังร่วม ๖ ล้านเทระไบต์

            ถ้าปีหน้า ๖๔ มี ๕ จี การใช้งานจะเพิ่มสูงไปอีกไม่ต่ำ ๔๐ เท่า ก็ตกราวๆ ประมาณ ๒๐๐ ล้านเทระไบต์

            แล้วเราจะ "ทำนาให้นก" ตลอดไปอย่างนี้น่ะหรือ?

            เทระไบต์ คือหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ ๑ เทระไบต์ เท่ากับ ๑ ล้านล้านไบต์ ในหน่วยความจำ

            จะต้องลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่องกันอีกขนาดไหน เหมือนลงทุนสร้างไฮเวย์ แต่ไม่เก็บค่าใช้ทางเลย

            แล้วเอาเงินที่ไหนไปบำรุงรักษา, ขยาย, พัฒนาต่อล่ะ?

            คุยเรื่องนี้ ไม่สนุกเนอะ จบดีกว่า!