เฟซบุ๊กอ้างเสรีภาพคุกคามไทย


เพิ่มเพื่อน    

  ทางการไทยไม่หวั่น เฟซบุ๊กอ้างสิทธิมนุษยชนขู่ฟ้องปมปิดเพจ "รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส" นายกฯ ตอกยับ "ปวิน-ศักดิ์เจียม" ตัวป่วน แต่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร "พุทธิพงษ์” ยึดกฎหมายไทย ดำเนินการตามคำสั่งศาล ลั่นนี่คืออธิปไตยไทย

    เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศระบุว่าเฟซบุ๊กมีแผนที่จะดำเนินการฟ้องร้องรัฐบาลไทย จากกรณีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ขอให้เฟซบุ๊กดำเนินการบล็อกเพจหรือบัญชีเฟซบุ๊กของผู้ที่โพสต์เนื้อหาหมิ่นเหม่พาดพิงสถาบันฯ อาทิ กรณีของเพจกลุ่มที่ชื่อ รอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส (royalist marketplace) ซึ่งเฟซบุ๊กเห็นว่ารัฐบาลไทยจำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตว่า เรื่องนี้ขอให้มอง 2 ด้าน ถ้ามีการขยายความกันไปอยู่แบบนี้ บางครั้งก็มีผลกระทบต่อประเทศ กฎหมายประเทศไทยว่าอย่างไร ทุกคนต้องเคารพกฎหมายของแต่ละประเทศเช่นกัน ตนไม่เคยไปก้าวล่วงต่างประเทศ เพราะเป็นกฎหมายของเขา กฎหมายของใครก็คือของใคร เพราะฉะนั้นใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ระมัดระวังด้วยในเรื่องเหล่านี้  
     “ผมอยากจะบอก และจำเป็นต้องเอ่ยชื่อ ไม่ว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง ทั้งหมดก็มาจากเพจกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า royalist marketplace ซึ่งก็รู้ว่าใครเป็นผู้ขับเคลื่อนเพจดังกล่าว ก็คือนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ซึ่งคนเหล่านี้ทุกคนรู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร แล้ววันนี้อยู่ที่ไหน แล้วเขารับผิดชอบความเสียหายกับประเทศชาติของเราหรือเปล่า นี่คือสิ่งสำคัญ คนไทยที่เหลือต้องเข้าใจตรงนี้ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เขาทั้งสองคนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น แต่คนที่เดือดร้อนที่สุดคือประเทศไทย"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การที่เรามีการดำเนินการในเรื่องของเพจต่างๆ เหล่านี้ เป็นเรื่องการดำเนินการตามกฎหมายไทยทั้งสิ้น แล้วไม่เคยไปใช้อำนาจที่เรียกว่าเผด็จการ ซึ่งตนไม่ได้มีแล้ว ไปปิดมันไม่ใช่ เป็นการขอคำสั่งศาลในทุกตัว เพราะฉะนั้นคิดว่าในทางกฎหมายเราสามารถที่จะยืนยันได้ตรงนี้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายไทย และการปิดเพจอะไรไปก็แล้วแต่ เป็นการขอความร่วมมือ และเป็นไปตามคำสั่งศาลทั้งสิ้น หากมีการฟ้องร้องดังกล่าวเราก็ต้องใช้กฎหมายไทยไปสู้ในทางกฎหมายของเรา และถึงแม้ในทางกฎหมายจะมีสิทธิเสรีภาพ แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายของไทย เหมือนกับที่เราไม่เคยไปผิดกฎหมายของประเทศอื่นเช่นกัน เรื่องนี้เราต้องมอง 2 ทางเสมอ
    นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้กำลังพิจารณาในข้อกฎหมาย และกำลังดูที่มาที่ไปของเรื่องนี้ แต่ถ้าผู้โพสต์ทำผิดกฎหมายของรัฐบาล ก็อยู่ในฐานะที่ใช้กฎหมายของไทยเข้ามาควบคุมให้เกิดความถูกต้อง เรื่องสิทธิเสรีภาพตามกฎหมายระหว่างประเทศ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่จะมาใช้ในกรณีที่เกิดขึ้นในประเทศไทยได้หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาดูว่าเว็บนั้นคุณสมบัติอย่างไร นำเสนอเรื่องที่ดีที่เกิดขึ้นกับประชาชนหรือสังคมไทยได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ทำอย่างนั้นก็จะนำไปสู่ปัญหา
    ผู้สื่อข่าวถามว่า แต่ทางเฟซบุ๊กอ้างว่าถือกฎหมายระหว่างประเทศเป็นหลัก นายดอนกล่าวว่า ตรงนี้ไม่เกี่ยว กรณีที่เกิดขึ้นเฟซบุ๊กมีการดำเนินการในประเทศไทย เราจึงมีวิธีการ สิทธิอำนาจ ในการเข้าไปพิจารณาเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแผ่นดินไทยไหม ทั้งนี้สิ่งที่ตนพูดคือในแง่ของหลักการ แต่กรณีที่เกิดขึ้นยังไม่ทราบรายละเอียด ส่วนอะไรก็ตามที่ละเมิดกฎหมายไทย ถือว่าไม่ถูกต้อง และที่ผ่านมาเมื่อไหร่ที่เกิดความไม่ถูกต้องขึ้นในประเทศไทย เราได้ขอความร่วมมือทางเฟซบุ๊กประจำประเทศไทย จะได้รับความร่วมมือมาตลอด
    เมื่อถามว่า กรณีที่เฟซบุ๊กจะฟ้องรัฐบาลไทย อาจบานปลายจนนำไปสู่การพิจารณาถอนการลงทุนในไทย นายดอนกล่าวว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ ต้องรอดูรายละเอียดก่อน เมื่อถามย้ำว่าทางเฟซบุ๊ก มองว่ารัฐบาลไทยเป็นผู้ที่ทำผิดหลักสากลในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก นายดอนกล่าวว่า “ไม่ฟัง เขาพูดอย่างนั้นได้อย่างไร”
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเรื่องนี้ สืบเนื่องจากรายงานของสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับเฟซบุ๊กเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐบาลไทย หลังมีคำสั่งให้เฟซบุ๊กบล็อกการเข้าถึงเพจ ต่อมาเฟซบุ๊กได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า “หลังจากที่ Facebook ได้พิจารณาอย่างระมัดระวังและถี่ถ้วนแล้ว เราตัดสินใจที่จะจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ทางรัฐบาลไทยระบุว่าเป็นเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย
    อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องจากรัฐบาลเช่นครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่รุนแรงและขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากล และยังส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก การดำเนินงานของ Facebook มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องและรักษาไว้ซึ่งสิทธิต่างๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคน และขณะนี้เรากำลังเตรียมความพร้อมเพื่อโต้แย้งในข้อกฎหมายต่อข้อเรียกร้องครั้งนี้
    การแทรกแซงที่เกินขอบเขตของรัฐบาลเช่นในกรณีนี้ ยังถือเป็นการบั่นทอนความสามารถของ Facebook ในการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ตลอดถึงการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศไทย การคุ้มครองดูแลพนักงานของบริษัท และการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนโดยตรงต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์ม Facebook
    เมื่อเราได้รับคำขอจากรัฐบาลหรือหน่วยงานทางกฎหมายให้จำกัดการเข้าถึงของเนื้อหา เราได้ทบทวนว่าเนื้อหานั้นขัดต่อมาตรฐานชุมชนของเราหรือไม่ หากพบว่าเนื้อหานั้นละเมิดมาตรฐานชุมชน เราจะลบเนื้อหาทั้งหมดออกจากแพลตฟอร์ม
    ในกรณีที่เนื้อหานั้นไม่ได้ละเมิดมาตรฐานชุมชน เราจะนำเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบทางกฎหมาย โดยกระบวนการทั้งสองขั้นตอนนี้เป็นไปเพื่อให้มั่นใจว่าคำขอนั้นถูกต้องตามกฎหมาย และเนื้อหานั้นมีการละเมิดกฎหมายท้องถิ่นจริง และเราอาจจำกัดการเข้าถึงเนื้อหานั้นๆ ในประเทศที่ระบุว่าขัดต่อกฎหมาย โดยใน ประเทศไทย คำขอเหล่านั้นได้ถูกดำเนินการในรูปแบบคำสั่งศาลที่มีการยื่นคำร้องจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เราดำเนินการอย่างโปร่งใสในการแจ้งถึงจำนวนเนื้อหาที่เราจำกัดการเข้าถึง โดยอิงจากกฎหมายท้องถิ่นในประเทศ ซึ่งสามารถดูรายละเอียดได้ที่รายงานเพื่อความโปร่งใส ซึ่งได้รับการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบันทุกๆ 6 เดือน"
    ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวกรณีเฟซบุ๊กเตรียมฟ้องรัฐบาลไทย กรณีสั่งบล็อกเพจ “รอยัลสิสต์มาร์เก็ตเพลส” ว่าไม่มีปัญหาอะไรตนทำตามกฎหมาย และหลังจากนี้จะดำเนินการตามกฎหมายของเราต่อไป หากมีกรณีเช่นนี้อีกเราก็จะฟ้องเช่นเดิม แต่ขณะนี้ตนยังไม่เห็นว่าเฟซบุ๊กจะฟ้องที่ไหนอย่างไร แต่ยืนยันสิ่งที่เราดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายทุกเรื่อง อะไรที่ผิดกฎหมายเราก็ไม่เคยเพิกเฉย และนี่เป็นครั้งแรกที่เราดำเนินการไปถึงเจ้าของแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลไทย เนื่องจากเราส่งคำสั่งศาลไปให้ลบเนื้อหาต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องภายใน 15 วัน
    "หากเขาไม่ดำเนินการ เราก็ดำเนินการกับแพลตฟอร์ม ถือเป็นการกดดันและทำตามกฎหมาย แต่หากเขาลบให้เราก็ไม่ดำเนินคดีเขา ส่วนที่เขาจะฟ้องกลับอย่างไร ผมก็ยังไม่ได้ดูรายละเอียด แต่ก็ต้องยืนยันว่าประเทศไทยก็มีกฎหมาย" นายพุทธิพงษ์กล่าว และว่า “ไม่ว่าเป็นคนไทยหรือคนต่างประเทศ เมื่อมาดำเนินธุรกิจต่างๆในประเทศไทย ก็ต้องเคารพในกฎหมายไทยด้วย และที่เราทำก็ทำภายใต้กฎหมาย ไม่ได้รังแกใครเลย เพราะเป็นคำสั่งศาลทั้งสิ้น  หากต่อไปมีอะไรผมก็ดำเนินการตามคำสั่งศาลกับทุกแพลตฟอร์ม ไม่ใช่แต่เฉพาะเฟซบุ๊ก ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่เขาก็ลบให้”
    รมว.กระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า ของเดิมมีข้อความที่หมิ่นเหม่ในเฟซบุ๊ก 1,120 ยูอาร์แอล ซึ่งเขาก็ทยอยลบให้เช่นเดียวกับกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มหนึ่งของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำ สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นข่าวไปเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ทางเฟซบุ๊กก็ลบให้เนื่องจากเรามีคำสั่งศาลระบุไปว่ามีความผิด เมื่อมีการลบไป เราก็ไม่ดำเนินคดี เพราะเขาให้ความร่วมมือ
    ส่วนข่าวที่ว่าเฟซบุ๊กจะฟ้องนั้น ตนก็เพิ่งเห็นข่าวเมื่อเช้าวันเดียวกันนี้ ตอนนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับทางเฟซบุ๊ก เพราะเรายึดตามกฎหมาย และเชื่อว่าคนไทยทุกคนเข้าใจ อย่างไรก็ตาม 10 วันที่ผ่านมา เฟซบุ๊กได้ลบข้อความที่เราแจ้งไปตามคำสั่งศาลประมาณ 90% รวมกับแพลตฟอร์มยูทูบและติ๊กต๊อกก็ลบให้หมดแล้ว โดยยึดหลักกฎหมายและดำเนินการทั้งคนไทยและต่างประเทศ นี่ถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เราเรียกว่าอธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นมิติใหม่ในระบบไซเบอร์ ที่จะปกป้องคุ้มครองคนไทยภายใต้กฎหมายไทยอธิปไตยไทยที่เราจะต้องทำ และตนเชื่อว่าหากเราไม่ทำไม่บังคับใช้กฎหมายในอนาคตจะยิ่งหนักกว่านี้
    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ได้สั่งการอะไรเรื่องนี้เป็นพิเศษหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ตอบว่า ให้ทำตามกฎหมายอย่างเข้มแข็ง ทำตามสิ่งที่เราคิดว่าถูกต้อง และนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด และไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้กระทบความเชื่อมั่นการลงทุนของต่างชาติ เพราะไม่ได้เกิดกับประเทศไทยประเทศเดียว ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีการฟ้องกันเอง แม้แต่ตัวประธานาธิบดีสหรัฐก็ยังมีการฟ้องร้องเครือข่าย มีการบล็อก มีการปิด และมีผู้นำบางประเทศถูกสั่งปิดทวิตเตอร์เพราะใช้ข้อมูลที่เป็นเท็จออกมา เขาดำเนินการตามกฎหมาย ของเราก็เช่นเดียวกัน ไม่แตกต่างกันเลย
    "ถ้าเทียบกับต่างประเทศ ก็เป็นกระบวนการเช่นเดียวกัน ซึ่งไม่ได้ไปละเมิดสิทธิของใคร อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเราทำหนังสือชี้แจงทางเฟซบุ๊กมาโดยตลอด โดยยึดข้อกฎหมายและส่งข้อกฎหมายไปให้เขารับทราบและในหลายๆ เรื่องที่เขาปฏิบัติตามก็ต้องขอบคุณเขา ยอมรับว่าวันนี้เขาให้ความร่วมมือกับเรา".

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"