(1)
สุดสัปดาห์นี้...แทนที่จะว่ากันเรื่อง ธรรมะ เพื่อ ช่วยพระ ท่านแบบเดิมๆ สงสัยคงต้องหันไปว่าเรื่อง พระ เอาไว้มั่ง หรือหันไป ช่วยฆราวาส อย่างท่านพันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ท่านกำลังเปิดร้าน รับอัดกรอบพระ อยู่อย่างขะมักเขม้น ในทุกวันนี้...
(2)
คือเรื่องของพระ...ที่ต้องถือเป็น กลไก สำคัญเอามากๆ ในการเผยแผ่ ปลุกกระตุ้น โน้มน้าว ให้สิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ มีโอกาสหวนคืนกลับมาสู่สังคมแต่ละสังคม เป็นเรื่องที่คงต้องเอาจริง-เอาจัง ต้อง อัด ต้องบีบ ต้องบี้ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ นี่...ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์ความเป็นมาของผู้คนในแต่ละยุค แต่ละสมัย แถมไม่ว่ายุคใด ชาติใด สังคมใด ถ้าหากต้องการเปลี่ยนแปลงสังคม ต้องการ ปฏิรูป เพื่อให้อะไรต่อมิอะไรมันดีขึ้นๆ การหันมา อัดกรอบพระ หรือหันมาปรับปรุงกลไก ที่จะเป็นตัวนำ ธรรมะ เข้าไปเผยแผ่ ฟื้นฟู เยียวยาสังคม อาจต้องถือเป็นภารกิจเริ่มแรก หรือถือเป็น วาระแห่งชาติ เอาเลยก็ย่อมได้...
(3)
อย่างถ้าลองย้อนยุคไปนับเป็นพันๆ ปี...ในสังคมฮิบรู หรือสังคมชาวยิวทั้งหลาย ยุคที่อะไรต่อมิอะไรในอาณาจักร อิสราเอล กำลังตกต่ำ บ้านเมืองแตกแยกออกเป็น 2 อาณาจักร อาณาจักรหนึ่ง คืออาณาจักร สะมาเรีย ถูกคนต่างบ้าน ต่างเมือง อย่างกษัตริย์อัสซีเรียยึดไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว เหลืออยู่อีกหนึ่งอาณาจักร คืออาณาจักร ยูดาห์ ซึ่งก็กำลังตกอยู่ในสภาพไปแหล่ มิไปแหล่ ภายใต้กษัตริย์ผู้มีนามว่าพระเจ้า โยสิยาห์ นั้น การนำเอา ธรรมะ มาช่วยฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักร จึงถือเป็น ทางรอด ทางสุดท้ายที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และทำให้พระองค์หนีไม่พ้นต้องหันมาทรงไล่บี้ ไล่อัดกรอบพระชาวยิว ในแต่ละราย แต่ละวัด ชนิดหนักหนา สาหัส กว่าบ้านเราประมาณร้อยเท่า พันเท่า เอาเลยก็ว่าได้...
(4)
เรียกว่า...ถึงขั้นทรงแต่งเรื่องว่าเกิดการค้นพบ พระคัมภีร์โบราณ หรือ หนังสือธรรมบัญญัติ ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ที่อาจารย์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเคยนำมาเปรียบเทียบว่า คล้ายๆ กับ พระเจ้าทรงธรรม บ้านเรา ค้นพบ รอยพระพุทธบาท ที่สระบุรี อะไรประมาณนั้น เพื่อที่จะอาศัยสิ่งเหล่านี้เป็นมาตรฐานในการชำระล้าง กวาดล้าง สิ่งผิดๆ อันเป็นตัวครอบงำความคิดของผู้คนในสังคมชาวยิวช่วงนั้น แบบชนิดล้างวัด ล้างบาง เอาเลยก็ว่าได้ ดังข้อความที่ปรากฏในพระคัมภีร์ไบเบิลภาค พันธสัญญาเก่า ที่ระบุไว้ว่า ในปีที่สิบสอง...พระองค์ (พระเจ้าโยสิยาห์) ทรงเริ่มกวาดล้างยูดาห์และกรุงเยรูซาเลมด้วยการกำจัดปูชนียสถานสูง ทั้งบรรดาอาเชราห์และรูปเคารพแกะสลัก รูปเคารพหล่อ เขาพังแท่นบูชาพระบาอัลลงต่อพระพักตร์ของพระองค์ และพระองค์ทรงโค่นแท่นเครื่องหอมซึ่งตั้งอยู่บนนั้นลง ทรงทุ่มบรรดาอาเชราห์ รูปเคารพแกะสลัก รูปเคารพหล่อเสีย แล้วทรงกระทำให้เป็นผงโรยไปบนหลุมศพของบรรดาผู้ถวายสัตวบูชาแก่รูปเคารพเหล่านั้น ทรงเผากระดูกปุโรหิตแห่งพระนั้นๆ ทั่วอาณาจักรยูดาห์ เยรูซาเลม ไปจนถึงหัวเมืองของเผ่ามนัสเสห์ เอฟราอิม สิเมโอน ไปจนถึงนัฟทาลี...ฯลฯลฯ
(5)
นี่...ทรงเล่นถึงขั้นนั้น!!! คืออะไรที่ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานทาง “ธรรมะ” ตามแนวคิดทางศาสนาของชาวยิวเขา แบบประเภท ศิวลึงค์ติดปีก สากกะเบือ (ฆ้อน) สวรรค์ ในวัดพุทธบ้านเรา หรือบรรดาเทวรูปเจ้าแม่ เจ้าพ่อ ทั้งหลาย ถูกพระองค์ไล่ทุบ ไล่บี้ ซะเกลี้ยง บรรดาพระชาวยิวที่ทำมาหารับประทานกับสิ่งเหล่านี้ ถูกจับมาตัดหัว คั่วแห้ง หรือกระทั่งตายแล้ว ก็ยังขุดกระดูกมาป่นเป็นผง แล้วโรยไว้บนหลุมศพของพวกพระประเภทนั้น อันถือเป็นการ ปฏิรูปศาสนา ครั้งใหญ่ ที่ถูกหยิบมาพูดถึงบ่อยๆ ในประวัติศาสตร์ชาวยิวจนเป็นที่รับรู้ รับทราบ ตราบเท่าทุกวันนี้...
(6)
ซึ่งก็คงไม่ต่างไปจากประวัติศาสตร์ของอีกหลายต่อหลายประเทศ ที่สุดท้ายแล้ว... ธรรมะ ในศาสนาต่างๆ นั่นเอง มักถูกหยิบมาใช้เป็นที่พึ่ง ที่หวัง เป็น ทางออก หรือ ทางรอด ทางสุดท้ายของแต่ละสังคมไปตามสภาพ ส่วนบ้านเรานั้น...ในยุคที่แผ่นดินกำลังตกทุกข์ ได้ยาก นอกเหนือไปจากการค้นพบ รอยพระพุทธบาท ที่สระบุรีในยุคพระเจ้าทรงธรรมแล้ว การ กอบกู้เอกราช ในสมัย พระเจ้ากรุงธนบุรี จึงหนีไม่พ้นต้องดำเนินไปพร้อมๆ กับการไล่ทุบ ไล่บี้ ไล่อัดกรอบพระ กันเป็นจำนวนไม่น้อย ถึงขั้นต้อง ดำนำพิสูจน์ความเป็นพระ เอาเลยก็ยังมี ตามด้วยการจัดระเบียบการปกครองสงฆ์ซะใหม่ ออกกฎหมายสำหรับพระสงฆ์ในยุคล้นเกล้ารัชกาลที่ 1 พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ให้อำนาจกับ ฆราวาส ประเภท ขุนอธิกรณ์วิจัย หรือ หลวงวินัยวิจารณ์ แห่ง กรมสังฆการี ที่สมเด็จ พระเทพรัตนสุดาฯ ท่านทรงเล่าไว้ในหนังสือเรื่อง บันทึกเรื่องการปกครองของไทยสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ ว่า กรมนี้ขู่พระดุพระได้ อะไรประมาณนั้น...
(7)
การฟื้นฟูสังคม การนำเอา ธรรมะ กลับคืนมา เพื่อให้เกิด แผ่นดินอันงดงาม ในวันข้างหน้า...จึงหนีไม่พ้นต้อง อัดกรอบพระ กันเอาไว้มั่ง ส่วนจะต้องไล่บี้ ไล่อัด กันไปถึงขั้นไหน อันนี้...บรรดาสาธุชนผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลาย คงต้องพิจารณากันเอาเอง ถ้าหากยังเห็นว่า การที่ พระ ท่าน อมเงินวัด คงไม่ต้องถือสาหาความอะไรกันมากมาย หรือการที่ พระ ท่านเอาเงินบริจาคไปเล่นหุ้น ปั่นหุ้น โกงเงินสหกรณ์เอามาใช้ในกิจการเดินธุดงค์เหยียบดอกดาวเรืองกันต่อไปเรื่อยๆ ถือเป็นเรื่องความเชื่อ ความศรัทธาที่ต้องเป็นไปโดยเสรี ฯลฯ อันนั้น...ก็คงไม่ต้องเสียเวลามา เทศนา ให้เมื่อยปาก เมื่อยลิ้น ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังพินาศไปพร้อมๆ กับภาวะ ศีลธรรมไม่กลับมา...โลกาจะวินาศ เอาเองก็แล้วกัน...
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |