ถ้า "พ.ต.ท.พงศ์พร" ตกนรก
ผมก็เชื่อว่า........
คนทั้งประเทศ จะไม่มีใครได้ "ขึ้นสวรรค์" เลย!
เพราะการคัดกรอง "อลัชชี" ออกจาก "สงฆ์สาวก" อันคนอื่นไม่กล้าทำ แต่ พ.ต.ท.พงศ์พรทำ นั้น
เป็น "บุญ" โดยแท้...........
รองจากมรรควิถี "ศีล-สมาธิ-ภาวนา"!
เพราะคติที่ว่า "เห็นเหลืองๆ ก็เหมาเป็นพระไปทั้งหมด" นั่นแหละ
เป็นช่องให้ "กาฝาก" แฝง "คราบพระ" เข้ามาทำ "มิดี-มิงาม" ในความเป็นพุทธศาสนา นับวันจะมากขึ้น
มีผลให้คนที่ "รู้จัก" พระพุทธศาสนา "แค่เปลือก" พลอยเข้าใจผิด
ในความ "เป็นพระ-เป็นพุทธ" ที่แท้..........
ผ่าน "พฤติกรรมเทียม" ของพวก "กาฝาก-อลัชชี" เหล่านั้น
วงการสงฆ์ไทยและพระพุทธศาสนา "ไม่เสื่อม" หรอก
หากแต่ "อับเศร้า-หมองศรี" ในจิตศรัทธา-ปสาทะ ของผู้พบเห็น ด้วยหดหู่!
ยิ่ง "พระบ้าน" กับ "วิถีชาวบ้าน" กลมกลืนไปด้วยกันในเปลือกที่เรียก "พิธีกรรม"
บทบาทพระทุกวันนี้ จึงหนักไปทาง..........
"สร้าง-สวด-เสก-สมณศักดิ์-ศพ" และจบที่
"ซอง"!
คณะสงฆ์เอง ก็ควรต้องปฏิรูป ช่วยดัดชาวบ้านให้ตรงทางบ้าง อย่าเออออตามที่ชาวบ้านหลงว่า "พระคือตัวบุญ"
แล้วก็ปล่อยให้ใช้ "ลาภ-สักการะ-อามิส" ที่เรียกปัจจัยไทยทาน "ซื้อบุญ"
แทนปฏิบัติธรรม อันเป็น "บุญแท้"!
สงฆ์ไทยวันนี้ มากต่อมาก ยอมให้ "สังคมวัตถุ" จูงนำ "สังคมธรรม"
ถ้าคณะสงฆ์ไม่สังคายนาบทบาทพระสงฆ์ไทยเข้าวิถี "ศีล-สมาธิ-ปัญญา" ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
"อนาคต" มีความเป็นไปได้..........
"พระพุทธศาสนา" ในประเทศไทย แก่นหาย เหลือกระพี้หุ้มเพี้ยนเป็น "พุทธพาณิชย์"
ส่วน "ธรรม" จากโอษฐ์พระพุทธองค์ อันเป็นเนื้อแท้ของ "พุทธ"
จะไปประกาศ "พระบริสุทธิคุณ" ผุดผ่องอยู่กลางใจ ในคนต่างชาติ-ต่างภาษา
เช่น กับชนชาวยุโรป!
พระทุกวันนี้ บางส่วน "ถือยศ-ถือตำแหน่ง" มากกว่า "ถือศีล-ถือธรรม"
ชาวบ้านก็เหมือนกัน กับ "หลวงตา-พระครู" ก็งั้นๆ
แต่กับ "เจ้าคุณ" ขึ้นไป.........
ยิ่งมีตำแหน่งใหญ่ทางปกครองด้วยแล้ว ทุกอย่างต้องเต็กเปี๊ยก
ไปกิจนิมนต์ ซองต้องโตกว่า "หลวงตา-พระครู" เป็นร้อยเท่า-พันเท่า
ต้องมีขบวนแห่แหน ยานพาหนะก็ต้องเนี้ยบ เผลอๆ คานให้หาม มีพรมให้เหยียบ!
"พระบรมศาสดาเจ้า" เสด็จไปทางไหน ทรงย่ำพระบาท และประทับตามโคนไม้
แต่ "ศิษย์ตถาคต" ในไทย ไปไหนๆ ต้องเบนซ์หรู อยู่ตึกติดแอร์ จีวรแพรอีกตะหาก!
วัตรปฏิบัติจะหนักและเน้นไปทาง "กิน-กาม-เกียรติ" แทน "ละ-เลิก-บรรลุ"
เมื่อเป็นอาจิณ จิตก็จม.........
จึงไม่แปลก ที่จะเห็น "ปฏิกิริยา" พระบริวารส่วนหนึ่ง เมื่อทราบ ระดับทรงสมณศักดิ์ ทรงตำแหน่งใหญ่ ถูกกล่าวโทษ
จึงใช้สัญชาตญาณ คือความรู้สึกปราศจากสติตรอง ไม่ต่างชาวบ้านที่ไกลธรรม กัดฟัน-เคี้ยวกราม เชิงต่อต้าน
แทนสำนึกด้วยธรรม........
"อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา บัณฑิต ย่อมฝึกตน ทั้ง กาย-ใจ ให้อยู่ในระเบียบวินัย"
พระเด็ก ในฐานะ "ใต้ปกครอง" เป็นเช่นนั้น ก็พอเข้าใจ
แต่พระใหญ่.........
ในฐานะ "ผู้ปกครอง" ประหนึ่งให้ท้าย แถมมีคำตอบโจทย์ที่ "ผอ.สำนักพุทธ" กล่าวโทษ ไปในทาง "แค่น" ด้วยทิฏฐุปาทาน
ก็เวทนาในธรรม
ใหญ่ด้วย "ตัณหาห่อ" อย่างนี้แหละหนอ ฟังแล้ว-ดูแล้ว จึงไม่สงสัยว่า "หลักฐานขนาดไหน" ที่ไปกล่าวโทษ?
ตอนนี้ "หลายคน" เป็นห่วง...........
ไม่ได้ห่วง ๕ พระเถระ ที่ถูกกล่าวโทษ
แต่ "ห่วง" พ.ต.ท.พงศ์พร ที่หาญไปกล่าวโทษพระชั้นผู้ใหญ่ระดับกรรมการมหาเถรสมาคม
โดยเฉพาะ "พระพรหม" ทั้ง ๓ พรหมนั้น พูดกันตามภาษาชาวบ้าน มากยศ-มากบารมี-มากศิษย์
ทั้งในวงการพระ และวงการสงฆ์!
เรียกว่า ครั้งนี้ เดิมพันไม่ใช่แค่ตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธ ไปถึงขั้น "นรก-สวรรค์" นั่นเลย
แต่ในข้อสังเกตผม พ.ต.ท.พงศ์พร เป็นฆราวาส เป็นพุทธมามกะ แถมเน้นไปทางปฏิบัติมากกว่าพิธีกรรม
ในตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธ ยังต้องทำหน้าที่ "เลขาธิการมหาเถรสมาคม" ด้วย
ดูแล้ว ไม่มีเหตุจูงใจอะไร ที่จะปั้นเรื่องเท็จ ใช้เหตุไม่มีมูล ไปกลั่นแกล้ง เจาะจง "กล่าวโทษ" กรรมการ มส.ถึง ๓ รูป
จะว่า "หวังแย่งตำแหน่ง" ก็ขำกลิ้ง.............
เพราะเป็นตำแหน่งทางสงฆ์ปกครอง อันฆราวาส ไม่ว่าใครทั้งนั้น เข้าไปเป็น "รัฐมนตรีสงฆ์" ไม่ได้!
ดังนั้น ที่ พ.ต.ท.พงศ์พร ทำบุญใหญ่ให้พระพุทธศาสนาครั้งนี้มีเหตุผลเดียว คือ
"สำนึก" ไงล่ะ
สำนึกว่า ที่เขาให้มาอยู่ในตำแหน่งนี้-ตรงนี้-ชั่วโมงนี้ ก็เพื่อให้มาชำระ-สะสาง "ด้วง-หนอน"
ที่ซ่อนตัว ชอนไช "พระพุทธศาสนา" มานานเป็นทศวรรษ!
ไม่ใช่ให้มา "จัดระเบียบพระ"
หากแต่ให้มา "ช่วยเหลือพระ" อันเป็นเนื้อนาบุญประเสริฐ ได้จัด "ระเบียบคณะสงฆ์" คล่องตัวขึ้น
เพื่อ ต่อๆ ไป.....
ฝ่ายอาณาจักรกับพุทธจักร จะได้เป็น "จักรธรรม" หมุนตามเฟืองร่วมแกนไปด้วยกัน!
ถ้าใครจะว่า ที่ พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวโทษพระครั้งนี้ จะตกนรก
ผมว่า ถ้าทำ "ตามธรรม-ตามหลักฐาน" แล้วตก
ก็ให้ "พ.ต.ท.พงศ์พร" ตกไปเถอะ
เพราะการตกของท่าน เป็นตกเพื่อหนุนให้คณะสงฆ์และพุทธศาสนาได้ลอยสูงขึ้น
ดูเหมือนมีคนอีกจำนวนมาก อยากตกไปอยู่ขุมเดียวกับท่าน!
อาจมีคนข้องใจ ว่าเมื่อวาน (๒๐ เม.ย.๖๑) คณะกรรมการมหาเถรสมาคมประชุม
ทำไมไม่มี "มาตรการ" เป็นมติอย่างหนึ่ง-อย่างใดออกมา กับกรรมการมหาเถรฯ ๓ รูป ที่ต้องคดี?
ตรงนี้ อยากย้ำเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องสักนิด
"พระพรหมดิลก" เจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร
"พระพรหมสิทธิ" เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร และ
"พระพรหมเมธี" ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร
กระทั่งอีก "๒ ท่านเจ้าคุณ" วัดสระเกศฯ ที่ถูกกล่าวหาด้วย
ขณะนี้ เพียงถูกกล่าวโทษ...........
จึงยังไม่มีสิ่งใด "ทึกทัก-กล่าวอ้าง" ได้ว่า พระเถระทั้ง ๕ มัวหมอง-ต้องมลทิน
ทั้ง ๕ รูป ถือว่าบริสุทธิ์!
เมื่อบริสุทธิ์ จึงไม่มีมูลเหตุใด ที่ "มหาเถรสมาคม" จะต้องหยิบเรื่องขึ้นมาพิจารณา เพื่อมีมติอย่างหนึ่ง-อย่างใด
จนกว่า...........
จนกว่า ป.ป.ช.ที่กำลังพิจารณาข้อมูล-หลักฐานสำนวนกล่าวโทษในขณะนี้
มีมติ "ชี้มูลคดี" ออกมาอย่างหนึ่ง-อย่างใด
ถ้า ป.ป.ช.ชี้ว่า ข้อกล่าวโทษ พระเถระทั้ง ๕ หรือ รูปใด-รูปหนึ่ง มีมูลความผิดจริง
นั่นแหละ จะตกเป็น "ผู้ต้องหา" ตามกฎหมายทันที!
เมื่อเป็นผู้ต้องหา ก็เข้าหลักเกณฑ์ตาม "พ.ร.บ.คณะสงฆ์" ว่าให้ทำอย่างไรในทางคดีอาญา เมื่อพระตกเป็นผู้ต้องหา
ส่วนจะเป็นปาราชิก อันเป็นโทษทางพระวินัยหรือไม่?
ในทางสงฆ์..........
ก็มีทั้ง "พระวินัยบัญญัติ" และ "พ.ร.บ.สงฆ์บัญญัติ" ด้านอธิกรณ์ไว้เสร็จสรรพ ไม่ต้องห่วง
ฉะนั้น ไม่ต้องเร่งเร้า-รีบร้อน ทุกอย่าง "เป็นธรรม-ตามธรรม" ในชั้นนี้ พระคุณเจ้าทั้ง ๕ ถือว่า "บริสุทธิ์"
อดใจรอ ป.ป.ช.ชี้มูล ก่อน จากนั้นค่อยว่ากันอีกที ตอนนี้ พระคุณเจ้าว่าอย่างไร ก็ฟังท่าน
ต่อเมื่อ ป.ป.ช.ชี้ปัง...........
ถ้า "ไม่มีมูล" ตัว พ.ต.ท.พงศ์พรเอง เห็นจะต้องกลายเป็นมูล
แต่ถ้าชี้ว่า "คดีมีมูล"
ในทางโลก ๑.ตกเป็นผู้ต้องหา ๒.ประกันตัว หรือ ๓.จับสึก ส่วนในทางสงฆ์...............
๓ มหาเถรฯ จะดำรงความเป็น "กรรมการ มส." อยู่ได้ฤๅ?
"มหาเถรสมาคม" มีมติแน่!
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |