พบโควิด0ราย ศบค.เปิดสนาม เอาใจ'คอกีฬา'


เพิ่มเพื่อน    


    ศบค.เผยพบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 0 คน ขณะที่คนไทยจ่อเดินทางกลับจากต่างประเทศอีกเพียบ คอกีฬาได้เฮ! เปิดตัวเลขให้เข้าชมฟุตบอลได้ไม่เกิน 4 พันคนต่อความจุสนาม ส่วนสนามกีฬาในร่ม “บาสฯ-วอลเลย์ฯ-มวย” ได้ไม่เกิน 1 พันคน
    เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่าไม่มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,390 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักตัวของรัฐ 453 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 1 ราย ยอดหายป่วยสะสม 3,220 ราย มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 112 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย 
    สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 23,108,150 ราย อาการรุนแรง 61,827 ราย รักษาหายแล้ว 15,705,300 ราย เสียชีวิต 802,971 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 5,796,727 ราย 2. บราซิล จำนวน 3,536,488 ราย 3.อินเดีย จำนวน 2,973,368 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 946,976 ราย และ 5. แอฟริกาใต้ จำนวน 603,338 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 117 จำนวน 3,390 ราย 
    ขณะที่เที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับประเทศ วันที่ 22 ส.ค. จำนวน 300 คน จากเนเธอร์แลนด์ (อัมสเตอร์ดัม) 101 คน,  เยอรมนี (แฟรงก์เฟิร์ต) 194 คน และกาตาร์ (โดฮา) 5 คน  ส่วนวันที่ 23 ส.ค. มีจำนวน 388 คน จากสหรัฐอเมริกา (ผ่านเกาหลีใต้) 3 คน, กาตาร์ (โดฮา) 300 คน, เนเธอร์แลนด์ (อัมสเตอร์ดัม) 7 คน และแคนาดา (ผ่านญี่ปุ่น) 78 คน 
    นอกจากนี้ ทาง ศบค.ได้วางแนวทางกิจกรรมและกิจการที่ได้รับการผ่อนคลายเพิ่มเติม 3 ในส่วนของการอนุญาตแข่งขันกีฬาแบบมีผู้ชม โดยกำหนดประเภทกีฬาให้เป็นสนามกีฬากลางแจ้งชนิดที่มีการตะโกนเชียร์และไม่มีการตะโกนเชียร์ สนามกีฬาในร่มชนิดมีการตะโกนเชียร์และไม่มีการตะโกนเชียร์ 
    ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในระดับสีเขียว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศ แต่ยังต้องทำตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เพราะยังไม่มีวัคซีนรักษา และสถานการณ์รอบประเทศไทยยังมีผู้ยืนยันติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ดังนั้น หากช่วงทดลองดำเนินการเป็นไปได้ด้วยดีจำนวนผู้ชมจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก
    โดย ศบค.ได้เปิดเผยร่างแนวทางการจัดการแข่งขันกีฬาในระดับสีเขียว ดังนี้ สนามกีฬากลางแจ้ง มีการตะโกนเชียร์ ให้มีผู้ชมได้ 25 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม อาทิ ฟุตบอล รักบี้ หรือจำนวนผู้เข้าชมในสนามต่อความจุไม่เกิน 4,000 คน ส่วนสนามกีฬากลางแจ้ง ไม่มีการตะโกนเชียร์ ให้มีผู้ชมได้ 50 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม เช่น เทนนิส ยิงธนู และยิงปืน หรือจำนวนผู้เข้าชมในสนามต่อความจุไม่เกิน 6,000 คน
    ขณะที่สนามกีฬาในร่ม มีการตะโกนเชียร์ ให้มีผู้ชมได้ 15 เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม อาทิ บาสเกตบอล วอลเลย์บอล และมวย หรือจำนวนผู้เข้าชมในสนามต่อความจุไม่เกิน 1,000 คน ส่วนสนามกีฬาในร่มแบบไม่มีการตะโกนเชียร์ ให้มีผู้ชมได้ 25เปอร์เซ็นต์ของความจุสนาม เช่น สนุกเกอร์ และหมากรุก หรือจำนวนผู้เข้าชมในสนามต่อความจุไม่เกิน 2,000 คน
    รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อ้างอิงผลการวิจัยกลุ่มชาวเกาหลีที่เดินทางกลับมาจากอิตาลี แล้วมีผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อในช่วงวันท้ายๆ ของการกักตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 หากไม่มีการป้องกันที่ดี หรือผู้โดยสารไม่มีความระมัดระวังตัว
    โดยระบุว่า Bae SH และคณะผู้วิจัยทั้งจากเกาหลีและอเมริกา ได้ทำการศึกษาในกลุ่มชาวเกาหลีในเที่ยวบินที่รับกลับจากอิตาลีเพื่อเดินทางกลับประเทศ จำนวน 2 เที่ยวบิน ประกอบด้วย 299 คน และ 205 คนในวันที่ 31 มีนาคม และ 3 เมษายน 2563 ตามลำดับ
    แม้จะมีการตรวจคัดกรองก่อนการขึ้นเครื่อง และให้ใส่หน้ากาก N95 ระหว่างเดินทางแล้วก็ตาม พบว่ามีผู้โดยสารที่ต่อมาได้รับการกักตัว 14 วันหลังเดินทางกลับมาถึงเกาหลี แล้วพบว่าติดเชื้อในวันท้ายๆ ของการกักตัว โดยไม่มีประวัติเสี่ยงอื่นๆ และตรวจครั้งแรกก็ไม่พบเชื้อ
    ทีมวิจัยได้ประเมินแล้วพบว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการแพร่เชื้อระหว่างเดินทางในเครื่องบิน ทั้งจากการนั่งใกล้กับผู้ที่พบว่าติดเชื้อโดยไม่มีอาการ และจากการหยิบจับอุปกรณ์ ที่นั่ง การใช้ห้องน้ำร่วมกันในเครื่องบิน และความเสี่ยงในการรับเชื้อระหว่างการกินอาหาร ซึ่งต้องถอดหน้ากาก เคสติดเชื้อที่พบในลักษณะเดียวกันนั้น พบในทั้งสองเที่ยวบิน
    ดังนั้นจึงย้ำเตือนว่า แม้จะมีการวิจัยก่อนหน้านี้ที่พยายามประเมินความเสี่ยงของการติดเชื้อในเครื่องบินว่าน้อยแล้วนั้น แต่การวิจัยนี้ก็เน้นว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการติดเชื้อ หากระบบการป้องกันไม่ดี หรือผู้โดยสารไม่ได้ระวังตัว
    การใส่หน้ากากเสมอเวลาเดินทาง…การล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการหยิบจับที่นั่ง สิ่งของสาธารณะ รวมถึงการเว้นระยะห่างระหว่างกันตั้งแต่การเข้าแถวรอขึ้นเครื่อง ที่นั่งระหว่างเดินทาง และตอนรอลงจากเครื่องบิน ยังคงเป็นนโยบายที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อปกป้องผู้โดยสารในเที่ยวบินไม่ให้เกิดการติดเชื้อโรค COVID-19.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"