เมื่อถึงเวลา กองทัพประชาชน
จะออกมาปกป้องสถาบัน
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หนึ่งในข้อเรียกร้องของการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่นำโดยคณะประชาชนปลดแอก ที่ทำกิจกรรมการชุมนุมม็อบนักศึกษา ประชาชน พบว่าพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านกำลังมีการเดินหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประเด็นเรื่องข้อเรียกร้องเกี่ยวกับ สถาบันเบื้องสูง ที่เคยตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากเวทีธรรมศาสตร์ รังสิต ก็ยังมีการพูดถึงกันอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่โซเชียลมีเดียของบางฝ่าย ขณะเดียวกันเวลานี้เริ่มมีการจัดตั้งกลุ่มต่างๆ เพื่อคัดค้านการแตะต้องสถาบันเบื้องสูงแล้ว เช่น กลุ่มไทยภักดีของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
สถานการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป มุมวิเคราะห์ของ พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่แสดงออกและเคลื่อนไหวในเรื่องการปกป้องสถาบันเบื้องสูงมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มองปรากฏการณ์ม็อบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ตลอดจนกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของประชาชนต่อการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่หลายฝ่ายสนใจว่าจะมีการเคลื่อนไหวหลังจากนี้อย่างไร
-ความเห็นต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบนักศึกษา คนรุ่นใหม่ ในช่วงเวลานี้ โดยเฉพาะที่มีการออกข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ที่เวทีธรรมศาสตร์ รังสิต เกี่ยวกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์?
ไม่อยากเรียกว่ากลุ่มม็อบนักศึกษา แต่เป็นกลุ่มม็อบประชาชนกลุ่มหนึ่งที่มีแกนนำเป็นนักศึกษา แต่ไม่ได้หมายถึงมีแต่นักศึกษา เพราะมีประชาชนบางส่วนไปร่วมด้วย
ในมุมมองของผมในฐานะประชาชนคนหนึ่ง มองความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ว่า ข้อเรียกร้องที่ออกมา 10 ข้อ ที่ธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อ 10 สิงหาคม เป็นข้อเรียกร้องที่บั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ บั่นทอนพระราชอำนาจ เป็นการบั่นทอนสิทธิ ยิ่งกว่าสิทธิของบุคคลทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ ผมไม่เห็นว่า 10 ข้อเรียกร้องดังกล่าวจะทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีความมั่นคงได้อย่างไร ผมกลับมองว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกบั่นทอนลง 10 ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นการบั่นทอนความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ
-กลุ่มบุคคลที่สนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าว เช่น นักการเมือง หรือนักวิชาการ ให้เหตุผลว่าถึงเวลาที่ต้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์?
ผมมองว่าที่ผ่านมาสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยทำร้ายเบียดเบียนประชาชน มีแต่ประชาชนบางกลุ่มและนักการเมืองกลุ่มหนึ่งที่ไปคุกคามท่าน ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ไม่เคยออกมาโต้ตอบอะไรเลย ไม่เข้าใจที่บางคนออกมาพูดเรื่องนี้ โดยอ้างเรื่องการปฏิรูปสถาบันนั้นจะปฏิรูปเพื่ออะไร ปฏิรูปแล้วความมั่นคงของชาติจะดีขึ้นได้อย่างไร ผมกลับมองว่ามีแต่จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศอย่างรุนแรงเสียด้วยซ้ำ
-คิดว่าเป้าหมายสูงสุดของคนที่ออกมาเคลื่อนไหวต้องการอะไร?
ผมขอเรียนว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ขบวนการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์มีการยุยง ปลุกปั่น ใส่ชุดความคิด ให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อสร้างความเข้าใจผิดๆ ต่อสถาบัน โดยเฉพาะเป้าหมายเยาวชน ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา กลุ่มคนรุ่นใหม่ๆ ที่เติบโตขึ้นมาโดยไม่ทันได้รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจที่ผ่านๆ มา ไม่ทันได้เห็นสิ่งต่างๆ ที่สถาบันพระมหากษัตริย์ได้ทรงมีคุณูปการ ประกอบกับการให้ชุดความคิดให้ร้ายนั้นอาศัยช่องทางสังคมออนไลน์ สื่อโซเชียลมีเดียที่เผยแพร่ง่าย รวดเร็ว ควบคุมการตรวจสอบยาก และสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่สามารถไปโต้ตอบได้ กระบวนการให้ข้อมูลแบบผิดๆ ให้ร้ายเหล่านี้จึงกลายเป็นช่องทางในการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์สร้างปัญหาดังที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน
เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ในประเทศไทยเรามีขบวนการที่มีแนวคิดต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ต้องการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ลง ในประเทศเรามีกลุ่มแบบนี้มาช้านานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี เพียงแต่ปัจจุบันเป็นโลกของสังคมออนไลน์ จึงทำให้มีการใช้ช่องทางตรงนี้เผยแพร่ชุดความคิดดังกล่าวได้ง่าย แทรกซึมไปทุกอณูของสังคม เลยกลายเป็นเครื่องมือในการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ส่งผลอย่างที่สุด
-กลุ่มที่เคลื่อนไหว เช่นที่เคลื่อนไหวในรั้วมหาวิทยาลัย และคนรุ่นใหม่ๆ ต่างอ้างว่าเขามีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นและการแสดงออก เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ไม่เหมือนเดิม?
เสรีภาพต้องมีขอบเขตนะครับ ไม่ใช่เสรีภาพแบบไร้ขอบเขตแล้วไปล้ำเส้นบุคคลอื่นๆ ที่มีการไปอ้างว่าต้องมีสิทธิเสรีภาพเชิงความคิด ก็ต้องดูด้วยว่าล้ำเส้นแล้วไปล่วงละเมิดทำให้คนอื่นเดือดร้อนเสียหายหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งไม่สามารถออกมาโต้ตอบกับประชาชนได้ เพราะดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม ทำให้ท่านต้องวางตัว นิ่งเฉย และให้อภัย ในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งกลับพูดเอาๆ ใส่ชุดความคิดให้ร้าย สร้างความเข้าใจผิดๆ เข้าไปในสังคม แล้วมาอ้างว่านี่คือมีเสรีภาพ เสรีภาพเกินเลยล้ำเส้นอย่างนี้ใช้ไม่ได้ครับ มันไม่ใช่เสรีภาพแล้ว มันสามานย์แล้วนะครับ
มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนพระองค์ ถามว่าสถาบันพระมหากษัตริย์จะมีโอกาสอะไรที่จะมาโต้ตอบ แก้ตัว แล้วคนที่ออกมาพูดผิดๆ แล้วจะมาอ้างแต่เรื่องเสรีภาพแบบนี้มันใช้ได้หรือ มันไม่ถูกต้อง ใช้ไม่ได้ครับ เลวทรามมาก
กระบวนการที่เกิดขึ้นเวลานี้ ผมมองว่าเป็นกระบวนการที่ต้องการให้กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย การบังคับใช้กฎระเบียบ ทั้งของทางราชการและของสถานศึกษาต่างๆ ล้มเหลว ซึ่งหมายรวมหมดทั้ง กฎ ระเบียบ วินัยของนักศึกษาด้วย วันนี้เห็นชัดกันแล้วว่า การบังคับใช้วินัยต่างๆ ไม่สามารถทำได้ เพราะต้องการสร้างให้เกิดความวุ่นวาย ให้เกิดการยั่วยุ โดยอ้างแต่เรื่องเสรีภาพ ทั้งๆ ที่การใช้เสรีภาพต้องอย่าเกินขอบเขต ต้องอย่าทำแบบไร้ขีดจำกัด ไปล้ำเส้นผู้อื่น
-มองบทบาทนักการเมืองที่ไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ของการชุมนุมในช่วงนี้อย่างไร เพราะก็มีภาพนักการเมือง ส.ส.ของพรรคการเมืองอย่างเพื่อไทย-ก้าวไกล ไปร่วมปรากฏตัวในการจัดชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ถนนราชดำเนิน?
คือขบวนการที่ทำลักษณะดังกล่าว มันมีการสนับสนุนซ่อนเร้น คือส่วนหนึ่งต้องการเพียงให้มีการเปลี่ยนอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือเปลี่ยนรัฐบาลซึ่งเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดิน พูดง่ายๆ คือส่วนหนึ่งต้องการล้มล้างรัฐบาลเท่านั้น ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งอาจต้องการเลยเถิดหรือต้องการเกินเลยมากไปกว่านั้น คือต้องการบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ คนใน 2 กลุ่มนี้มีแนวคิดร่วมกันในบางส่วนครับ
การที่มีพรรคการเมืองบางส่วนไปร่วมเกี่ยวข้อง ก็อาจมีเป้าหมายบางส่วน เช่น ต้องการให้แก้ไข รธน.แล้วให้มีการยุบสภา ซึ่งดูเหมือนว่าอาจจะรับฟังได้ แต่จะหยุดเพียงแค่นี้จริงหรือไม่นั้นต้องคิดให้รอบคอบนะครับ ส่วนตัวของผม ผมไม่เห็นว่า รธน.ฉบับนี้มีปัญหาต่อประชาชน นอกจากมีปัญหาต่อนักการเมืองบางกลุ่ม และผมไม่เห็นว่ามีเหตุผลอันใดที่นายกรัฐมนตรีจะยุบสภา
ผมติดตามสถานการณ์และประเมินสถานการณ์อยู่ แต่ผมบอกตรงๆ ผมไม่ไว้วางใจ ดูแล้วไม่สบายใจ เพราะความมั่นคงของชาติจะต้องประกอบด้วยความมั่นคงของสถาบันหลัก คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผมรู้สึกประหลาดใจกับนักการเมืองบางคน บางกลุ่มที่อ้างตนว่าจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่กลับคบค้าสมาคมกับขบวนการให้ร้ายบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ได้อย่างกลมเกลียว มันสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไรกันล่ะครับระหว่างคนจงรักภักดีกับคนจาบจ้วงให้ร้ายพระเจ้าแผ่นดิน พูดง่ายๆ ก็คือ หากเรามีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริง ก็ต้องไม่คบหาด้วยกับคนเหล่านี้ แล้วมีการไปคบกันได้อย่างไร เป็นเรื่องต้องติดตามกันนะครับ
-มองว่าเป้าหมายสูงสุดของกลุ่มที่บอกว่ามีขบวนการบั่นทอนสถาบัน พวกนี้มีเป้าหมายสูงสุดคืออะไร ต้องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองไปสู่ระบอบประธานาธิบดี หรืออะไร?
มันมีความเป็นไปได้ครับ คือคนกลุ่มหนึ่งต้องการอย่างนั้น แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ไม่ได้ต้องการแบบนั้น เพียงแต่ต้องการเปลี่ยนอำนาจบริหารราชการแผ่นดินมาอยู่กับฝ่ายตนเองเท่านั้น เราต้องติดตามกันให้ดีว่า สิ่งเหล่านี้หากมันลงตัว ประสานสอดคล้องแล้ว มันจะบั่นทอนต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์หรือไม่ อย่างไร ถ้าหากว่ามีผลต่อความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ผมคิดว่าพรรคการเมืองเหล่านี้คงต้องเผชิญกับประชาชนผู้จงรักภักดีอย่างยากที่จะมีที่ยืน ที่อาศัยอยู่บนราชอาณาจักรนี้นะครับ
-รัฐบาลควรวางตัวอย่างไรในการควบคุมสถานการณ์ เพราะกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวจะไม่เหมือนมวลชนการเมืองปกติที่เป็นกลุ่มสีเสื้อ แต่รอบนี้เป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนรุ่นใหม่ นักศึกษา?
ปัจจุบันรัฐบาลทำได้ดีแล้ว สถานการณ์ขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่ต้องการยั่วยุให้เกิดการบังคับใช้กฎหมาย ใช้กำลังในการควบคุมความสงบเรียบร้อย ซึ่งผมเห็นด้วยกับท่าทีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น ประชาชนก็ต้องอดทนอดกลั้น อย่าไปหลงกับเรื่องการยั่วยุ เพราะสถานการณ์เวลานี้ต้องการให้กลุ่มประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เกิดอารมณ์โกรธและเกิดการปะทะกันของประชาชน ทำให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์กลายเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะความสงบเรียบร้อยเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารราชการแผ่นดิน หรือหากสามารถต่อยอดขยายผลเกินเลยต่อไปได้ในความคิดจัญไรก็คือ การเปลี่ยนแปลงระบอบที่มีผลต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ สิ่งเหล่านี้ประชาชนต้องอดทนอดกลั้นนะครับ
โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลที่มีอำนาจรัฐในมือ ต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ให้ดี ต้องประคับประคองสถานการณ์ อย่าให้เกิดความรุนแรง เพราะหากฝ่ายไหนก่อเหตุรุนแรงขึ้น ก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบและเพลี่ยงพล้ำ โดยเฉพาะฝ่ายประชาชนปกป้องสถาบันชาติ พระมหากษัตริย์ จะต้องอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด
สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ การสร้างสถานการณ์จาก "มือที่สาม" ในช่วงการชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วป้ายสีให้กับฝ่ายรัฐที่ถืออำนาจตามกฎหมาย ป้ายสีกองทัพ รวมถึงป้ายสีประชาชนฝ่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ต้องระมัดระวังด้วยเช่นกัน
-มองการเคลื่อนไหวของบางกลุ่มที่ออกมาเวลานี้อย่างไร อย่างเช่น กลุ่มไทยภักดี ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่เปิดตัวไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา?
มันเป็นธรรมชาตินะครับ ถึงแม้ผมไม่ได้ไปร่วมเป็นแกนนำด้วย แต่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับทุกๆ กลุ่ม ซึ่งหมายรวมถึงกลุ่มไทยภักดีที่คุณหมอวรงค์ริเริ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ก็เพราะเมื่อสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกคุกคามแล้วจะให้ประชาชนอดทนอดกลั้นแต่เพียงอย่างเดียวนั้น มันก็รู้สึกผิดธรรมชาติเกินไปนะครับ มันต้องมีปฏิกิริยาโต้ตอบออกมาบ้าง การจัดตั้งกลุ่มแบบนี้ผมถือว่าไม่เป็นไร และต้องยอมรับกันนะครับว่า คนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมีมหาศาลมาก จนผมถือเป็นพลังแผ่นดินครับ
เมื่อวันนี้สถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันหลักของชาติถูกคุกคามอย่างเห็นได้ชัด จะบอกให้ทุกคนอดทนอดกลั้น แต่ปฏิกิริยามันก็ต้องมีเกิดขึ้นบ้าง การตั้ง "กลุ่มไทยภักดี" จึงเป็นเรื่องที่ดี และคนไทยที่จงรักภักดีก็ควรไปร่วมสนับสนุนด้วย ผมคนหนึ่งล่ะครับที่จะร่วมสนับสนุน
-หลายฝ่ายเกรงว่าจะเกิดการจัดตั้งกลุ่มต่างๆ ออกมาเผชิญหน้ากัน บางฝ่ายบอกว่าขวาจัดกำลังคืนชีพ กลุ่มอาชีวะกลับมาแล้ว บางคนก็ห่วงว่าจะเกิดการเผชิญหน้าแบบช่วง 6 ตุลาคม 2519?
อย่างที่ผมตอบไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา เป็นธรรมชาติอีกเหมือนกัน เพราะเมื่อมีฝ่ายหนึ่งไปคุกคาม ก็ต้องมีอีกฝ่ายออกมาปกป้อง ก็เป็นปฏิกิริยา reaction โต้ตอบ มันเป็นธรรมดา ไม่ได้มีใครบงการจัดตั้ง มันเป็นธรรมชาติของสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเกิดขึ้นจากความรู้สึกร่วมกันของคนที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสถาบันฯ แต่แน่นอนว่าเมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้น มันก็เหมือนกับเป็นสถานการณ์ที่จะนำไปสู่สถานการณ์เผชิญหน้า ผมไม่เห็นด้วยกับการที่จะจัดกำลังเข้าไปเผชิญหน้ากัน แต่เป็นเรื่องธรรมชาติอีกล่ะครับ เพียงแต่เราก็ต้องอดทนอดกลั้น ควบคุมสถานการณ์ไว้อย่าให้เกิดการประจันหน้ากัน
เราจะห้ามไม่ให้คนที่เขาจงรักภักดีอยู่เฉยๆ อดทนอดกลั้นอยู่นิ่งๆ มันไม่ใช่ การอยู่นิ่งๆ คืออย่าไปใช้ความรุนแรง ส่วนจะมีใครจัดตั้งก็เป็นเรื่องของเขา หากจะตั้งเป็นกองทัพประชาชนก็ยังสามารถทำได้เลย ถ้าสถานการณ์มันเลวร้ายจนอาจเป็นอันตรายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ มันก็จำเป็นต้องทำ
ในความเห็นของผม เท่าที่ติดตามสถานการณ์ ตอนนี้ยังเป็นสถานการณ์ในช่วงเริ่มต้นซึ่งยังเป็นเรื่องธรรมดา ที่ก็จะต้องมีสองฝ่ายอย่างแน่นอน และปฏิกิริยาโต้ตอบของสองฝ่ายมันก็ต้องเกิดขึ้นเป็นปกติ จะไปหยุดมันก็คงไม่ได้ มันก็คงต้องเกิด เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดความรุนแรงอันเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น อันนี้คือสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องคำนึง อย่าให้เกิดการเผชิญหน้า ถึงกับเลือดตกยางออก วันนี้เรามาที่ปลายทางเพราะเกิดขบวนการยั่วยุ ที่มีการใส่ชุดความคิดที่เป็นการมาดร้ายต่อสถาบันฯ มาสิบกว่าปีแล้ว ทำให้ ณ วันนี้เกิดสถานการณ์ของคนสองฝ่าย มันเกิดขึ้นแน่ครับ เพียงแต่เราจะทำอย่างไรเพื่อควบคุมไม่ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศเท่านั้น
สิ่งที่ผมห่วงที่สุดคือ สถานการณ์เลวร้ายจนถึงขั้นประหัตประหาร เป็น มิคสัญญี ที่เลวร้ายถึงกับไล่ฆ่ากันเลย อันนั้นคือสิ่งที่เราเป็นห่วง จึงต้องประคับประคองสถานการณ์ไว้ให้ได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคนในชาติ เราจัดตั้งฝ่ายปกป้องสถาบันฯ แต่เราก็ต้องอดทนอดกลั้นต่อการยั่วยุ อย่าไปใช้กำลังในการตัดสิน
-มองยังไงที่การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อ 16 ส.ค.ลดโทนลง ไม่มีการพูดถึงหรือนำเสนอข้อเรียกร้อง 10 ข้อเกี่ยวกับสถาบันฯ มาพูดบนเวที?
ข้อเรียกร้องที่บั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ถือว่าเป็น จุดผกผัน เลยนะครับ การชุมนุมที่ธรรมศาสตร์ รังสิต ผมบอกตรงๆ ฟังแล้วไม่ใช่แค่ไม่สบายใจนะครับ แต่รู้สึกโกรธมากด้วย ก็เช่นเดียวกับประชาชนจำนวนมากแหละครับ และผมรู้เลยว่าการชุมนุมดังกล่าวได้ทำให้การตัดสินใจของพลังเงียบได้เห็นความจริงตรงนี้มาก ทำให้เขาผู้จัดการชุมนุมต่อไปเสียมวลชนจำนวนมาก
มันเป็นจุดผกผันที่ทำให้ความพยายามที่จะบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกตีกลับ จะเห็นได้ว่า กระแสตีกลับรุนแรงมาก ซึ่งอาจทำให้การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อ 16 ส.ค.ไม่มีการพูดถึงเรื่องสิบข้อเรียกร้องต่อสถาบันฯ โดยไม่มีการถูกพูดถึงบนเวที อันแสดงให้เห็นว่าข้อเสนออะไรก็ตามที่เป็นการล้ำเส้น ล่วงละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ บั่นทอนพระราชอำนาจ นั้นเป็นจุดอ่อนของฝ่ายผู้จัดการชุมนุม และยิ่งทำให้ฝ่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ฮึกเหิม รวมตัว พร้อมโต้ตอบอย่างเป็นปึกแผ่นด้วย
สถานการณ์วันนี้ หากดูกันให้ดีฝ่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์มีการเตรียมความพร้อม การรวมกันเป็นปึกแผ่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต้องบอกตรงๆ ว่าฝ่ายที่จัดการชุมนุมรอบนี้ต้องพึงระมัดระวังให้มาก ผมไม่ได้ข่มขู่ว่าจะเกิดความรุนแรง เราไม่ต้องการให้เกิดความรุนแรงอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยากเตือนก็คือ แนวร่วมของเขาจะมีความต่อเนื่องระยะยาวลดน้อยถอยลง อย่าไปมองแค่จำนวนผู้ไปร่วมชุมนุมกันแล้วบอกว่ามาเยอะมามาก มันเป็นแค่ภาพหยิบมือหนึ่งเท่านั้น เราต้องมองภาพรวมของคนทั้งประเทศ คนที่อยู่ในบ้านอีกตั้งเท่าไหร่ หรืออย่าไปมองแต่พวกเกรียนคีย์บอร์ดในโซเชียลมีเดียที่ปั่นโพสต์ ปั่นทวิตเตอร์ ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่เขายังไม่ได้แสดงตนอีกมหาศาล เมื่อใดก็ตามที่สถาบันพระมหากษัตริย์ตกอยู่ในความสุ่มเสี่ยง คนไทยที่จงรักภักดีจะออกมาอย่างมหาศาล รวดเร็วและเต็มกำลัง
-กองทัพประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ก็พร้อมจะออกมา?
ใช่ครับ เราต้องยอมรับว่าสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นสถาบันความมั่นคงหลักของชาติ หากประเทศไทยไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นหมายถึงว่า ความเป็นชาติไม่สามารถดำรงอยู่ได้อีกต่อไป ความไม่สงบสุขภายในประเทศจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง บ้านเมืองอาจเป็นมิคสัญญี เกิดการประหัตประหารกันอย่างรุนแรง เมื่อใดที่สถาบันพระมหากษัตริย์สุ่มเสี่ยงต่อการถูกบั่นทอนอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อนั้นประชาชนจะออกมา ประชาชนที่ออกมาผมถือว่าคือ กองทัพประชาชน และจะเป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่มาก ภาพเหล่านี้ผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้น และผมก็ไม่ต้องการเห็น ผมถึงบอกเสมอๆ ว่าเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้งแบบอดทนอดกลั้น ไม่ได้จะไปรุกไปประหัตประหารกัน การอยู่ในที่ตั้งกองทัพประชาชนก็สามารถโต้ตอบหรือทำอะไรต่างๆ ได้ เช่น ดูแลครอบครัวของตัวเองให้ดี ช่วยกันทำความเข้าใจแก่คนในครอบครัว อย่าได้หลงผิด ยิ่งวันนี้โลกสังคมออนไลน์แทรกซึมไปอยู่ในทุกอณูของทุกครอบครัว ครอบครัวกองทัพประชาชนก็ดูแลครอบครัวของตัวเอง นี่คือสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด ทำความเข้าใจกับบุตรหลาน เยาวชนคนรุ่นใหม่ ญาติพี่น้อง กองทัพประชาชนไม่ต้องมาสมัคร ไม่ต้องลงทะเบียน ไม่ต้องมีบัตร ไม่มีเครื่องแบบ อยู่ที่จิตวิญญาณของคนจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้นเอง
คนที่จะเป็นกองทัพประชาชนปกป้องสถาบันฯ หรือไม่ แต่ละคนก็ต้องถามใจตัวเอง หากจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริงแล้ว ท่านก็คือกองทัพประชาชนอยู่แล้ว ท่านก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ลำดับแรกก็คือดูแลครอบครัวของตัวเอง ทำความเข้าใจกับลูกหลานของตัวเอง ญาติพี่น้อง เอาง่าย ๆ แค่นี้ก่อน พูดคุยทำความเข้าใจกันถึงความจำเป็นของชาติที่ต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้ง่ายๆ
“แต่อะไรก็ตาม ที่มันเลวร้ายจนเป็นชนวนเหตุแห่งความร้ายแรง เป็นชนวนเหตุแห่งมิคสัญญี การประหัตประหาร กองทัพประชาชนก็จะเป็นฝ่ายที่จะออกมาเผชิญหน้า เมื่อความรุนแรงมันหยุดกันไม่ได้ กองทัพประชาชนก็จะเผชิญกับความรุนแรงนั้นเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเทิดทูน”
-ก็คือกองทัพประชาชนพร้อมที่จะออกมาปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์?
ทุกรูปแบบครับ โดยในสถานการณ์ปกติเราก็ทำความเข้าใจ แจ้งความดำเนินคดีกันไป มีอะไรก็ลงชื่อคัดค้านหรือออกแถลงการณ์ต่อต้าน ไม่มีการใช้ความรุนแรง แต่เมื่อใดที่เกิดความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นรัฐล้มเหลวแล้ว เราก็พร้อม ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้นนะครับ แต่ถ้าความรุนแรงมันเกิดขึ้นและมีแนวโน้มเป็นอันตรายต่อการธำรงไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว มันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ผมก็คือหนึ่งในกองทัพประชาชนเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
-บางฝ่ายวิจารณ์กันว่า นพ.เหรียญทองเป็นพวกขวาจัด โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียของบางกลุ่ม?
ผมยอมรับด้วยความยินดียิ่งครับ ก็ไม่ว่าอะไรที่บางคนบอกผมเป็นขวาจัด บางคนก็บอกว่าผมเป็น Ultra Royalist ผมก็ไม่เห็นเป็นอะไร บางคนว่าผมเป็นหมอปากหมา ผมขวาจัดหรือไม่ ก็ไม่เสียหายอะไร จะขวาจัดก็ขวาจัด บอกเป็น Ultra Royalist แล้วผมเป็นแบบนี้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ผมมันเป็นแบบนี้ ไม่ได้ถือสาอะไร ภูมิใจเสียด้วยซ้ำ
ผมยอมรับว่าผมสุดโต่ง ถ้าผมไม่สุดโต่งก็มีคนอื่นๆ ที่สุดโต่งกว่าผมอีก มีเยอะแยะ ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว การสุดโต่งของผม คนที่เดือดร้อนก็คือพวกสุดโต่งที่อยู่ตรงข้าม ที่คนพูดถึงผมอะไรต่างๆ นานา ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร รู้สึกภูมิใจเสียด้วยซ้ำ คือผมเป็นคนไม่เสแสร้ง ไม่ดัดจริต จะบอกว่าผมขวาจัด ก็ขวาจัด ผมก็เป็นแบบนี้ ก็มีคนสนับสนุนผมเยอะแยะไปหมดจนไม่รู้ใครเป็นใคร
-คิดว่าประชาชนที่รักสถาบันฯ จะมีขีดความอดทนถึงแค่ไหน จะออกมาเมื่อใด หรือจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ?
สถานการณ์จะบอกเราเองว่าความอดกลั้นของคนไทยจะอยู่ได้ถึงระดับไหน ผมตอบแทนความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศไม่ได้ สถานการณ์จะทวีความรุนแรงจนถึงกับเกิดเรื่องเกิดราว เกิดความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นหรือไม่ ผมตอบไม่ได้ แล้วความอดทนอดกลั้นของคนไทยจะถึงจุดระเบิดหรือไม่ และเมื่อใด ผมก็ตอบไม่ได้ แต่โดยหลักแล้วเราก็ต้องอดทนอดกลั้น ทนดูการยั่วยุ ทนดูสิ่งที่คนไทยรับไม่ได้
ผมเชื่อว่าการตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ถ้าเราไม่ไปเอากับเขาด้วย อดทนอดกลั้นนิ่งไว้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้ หากเขาจะใช้กำลังความรุนแรงเพื่อบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อนั้นคือสถานการณ์ที่ชัดเจน แต่ถามว่าเขาจะกล้าใช้ไหม กล้าเริ่มไหม เราก็รอดู ถ้าเขากล้าที่จะเริ่มใช้กำลังความรุนแรง สร้างความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ เพื่อบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ วันนั้นก็คือจุดที่คนไทยจะอดกลั้นไม่ได้ แต่วันนี้คนที่จงรักภักดีต้องอดทนอดกลั้น อย่าไปเป็นฝ่ายริเริ่มเสียเองนะครับ.
อะไรก็ตามที่มันเลวร้ายจนเป็นชนวนเหตุแห่งความร้ายแรง เป็นชนวนเหตุแห่งมิคสัญญี การประหัตประหาร กองทัพประชาชนก็จะเป็นฝ่ายที่จะออกมาเผชิญหน้า เมื่อความรุนแรงมันหยุดกันไม่ได้ กองทัพประชาชนก็จะเผชิญกับความรุนแรงนั้นเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเทิดทูน
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |