ทั้งรัฐบาล สนช. ประสานเสียง ปฏิเสธเสียงคลิปคว่ำ กสทช. เป็นใครไม่รู้ "บิ๊กตู่" บอกไม่รู้เสียงใคร "พรเพชร" ยันไม่ได้หลุดจากที่ประชุมวิป สนช. เพราะตัวเองอยู่ในที่ประชุมด้วย พิลึก! ตั้งกรรมการสอบแต่ไม่กำหนดเวลาว่าเสร็จเมื่อไหร่  "สมชาย" เผยอาจเป็นการคุยของ สนช.ตามโต๊ะกาแฟ

    หลังมีการเปิดเผยคลิปเสียงที่ประชุมวิปสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เกี่ยวกับการพิจารณาสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งระบุว่านายกฯไม่แฮปปี้กับรายชื่อที่เสนอขึ้นมา ก่อนที่ที่ประชุม สนช.จะมีการลงมติคว่ำทั้ง 14 รายชื่อนั้น 
     พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ส่ายหัวเล็กน้อยก่อนพูดถึงเรื่องนี้ว่า ไม่รู้ เสียงใครไม่รู้  
    เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องชี้แจงหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า “ไม่ต้องชี้แจง” ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าในทันที
    ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ไม่มีใครสามารถไปสั่งสมาชิก สนช. ที่มีจำนวนกว่า 200 คนได้ จึงมองว่าเป็นเรื่องที่พูดกันไปเอง ทำเอง แล้วมาโยนให้คนอื่น
    ส่วนจะต้องเข้ากระบวนการสรรหา กสทช.อีกครั้งหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับที่รัฐธรรมนูญได้เขียนไว้ว่า ถ้าไปไม่ได้จะต้องทำอย่างไรต่อไป
    นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเช่นกันว่า ไม่ทราบ และไม่มีใครบอกอะไร อ่านจากหนังสือพิมพ์ แต่ยังไม่รู้ว่า สนช.มีมติคว่ำ เพราะคงเป็นการประชุมลับ จึงไม่ทราบสาเหตุที่ สนช.ไม่เลือกเป็นเพราะอะไร
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ขั้นตอนจากนี้จะเป็นอย่างไร นายวิษณุตอบว่า จะต้องมีการสรรหา กสทช.ใหม่ ซึ่งเป็นขั้นตอนของ สนช. และคณะกรรมาธิการสามัญทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติฯ ต้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ขณะที่บุคคลรายเดิมสามารถเข้าไปสมัครใหม่ได้ไม่มีอะไรปิดกั้น
    “คลิปที่อ้างถึงนายกฯ ที่ว่าไม่ปลื้มรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหานั้น ผมไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตาม การที่ สนช.ไม่เลือก กสทช.ไม่มีผลอะไรกับรัฐบาล เพราะ กสทช.ชุดเก่ายังสามารถทำงานต่อไปได้ตามปกติ และขณะนี้ยังไม่มีใครพูดถึงการนำมาตรา 44 มาใช้เพื่อแก้ปัญหา เรื่องนี้สื่อรู้คำตอบดีอยู่แล้ว หากผมพูดออกไปจะกลายเป็นการชี้ช่องได้”
    ซักว่าบุคคลที่มีชื่อถูกพาดพิงในคลิปที่ระบุว่าหากเลือกมาจะเป็นกลุ่มคนเดิมๆ เข้ามาทำงาน ตรงนี้สามารถฟ้องร้องกรรมาธิการฯ ได้หรือไม่ รองนายกฯตอบว่า ไม่น่าจะได้ เพราะเป็นเรื่องที่กรรมาธิการฯ เสนอเข้าไปที่ สนช. เมื่อไม่เลือกเป็นเรื่องของ สนช.
ไม่ใช่ในที่ประชุมวิป สนช.
    ถามว่า เป็นเพราะผู้มีอำนาจส่งสัญญาณมาหรือไม่ นายวิษณุระบุว่า ไม่รู้ว่าใช่จริงหรือไม่ หรือเป็นการอ้างกันเองหรือเปล่า แต่เป็นธรรมดาที่ทุกคนอยากรู้ และเชื่อว่าอีกไม่นานคงรู้ คงไม่ถึงขั้นต้องตั้งกรรมการมาตรวจสอบ
    ส่วนที่อ้างว่าถ้ารัฐบาลและนายกฯ ไม่ชอบจะทำให้การพิจารณาในเรื่องต่างๆ ตกไปนั้น นายวิษณุกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ถ้าจะต้องโทษและโยนกันไปมาเพื่อให้น่าเชื่อถือ ขอให้ฟังหูไว้หู และตรวจสอบให้ละเอียด ขนาดตนเคยถูกนำไปแอบอ้าง ทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
    นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคลิปดังกล่าว เชื่อว่าไม่ใช่คลิปจากที่ประชุมของคณะกรรมการสรรหา ส่วนที่มีการแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ตอนนี้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบโดยพยายามสอบสวนให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่ระบุว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด
     ประธาน สนช.กล่าวว่า คลิปดังกล่าวตนดูเพียงรายละเอียดเบื้องต้น แต่ยืนยันว่าไม่ใช่คลิปที่มาจากที่ประชุมวิป สนช. เพราะที่ประชุมวิปฯ เมื่อวันพุธที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้พิจารณาสองเรื่องคือ เรื่องที่ สนช.ถูกฟ้อง และเรื่องคณะกรรมการสรรหารายงานการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการ กสทช. ดังนั้นจึงไม่มีการกล่าวอ้างถึง พล.อ.ประยุทธ์แต่อย่างใด ไม่มีการพูดถึงอย่างที่ปรากฏในคลิปเลย และเสียงในคลิปเป็นการพูดที่ไหนตนไม่ทราบ ต้องรอให้คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบก่อน
     “ข้อมูลการประชุมลับถูกเผยแพร่ และสื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ด้วยก็ต้องถูกตรวจสอบ ข้อมูลการประชุมลับเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา พาดพิงถึงกรรมการสรรหา พาดพิงถึงประธานศาลฎีกาด้วย ซึ่งทางกรรมการสรรหาเดือดร้อน เพราะถือว่าไม่รอบคอบ แน่นอนว่าหากเป็นข้อมูลไม่จริงจะมีความผิด และผมไม่ทราบว่าบทลงโทษนั้นมีอย่างไรบ้าง การตรวจสอบคลิปนี้ก็จะดูว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นคลิปจริงหรือคลิปที่ถูกตกแต่ง ผมยังไม่ฟันธง ซึ่งผมเองก็ยังไม่ได้ดูถึงขนาดนั้น พอดูว่าไม่มีเสียงเราก็หมดเรื่องแล้ว และข้อมูลที่นายกฯ สั่งก็ไม่จริง ” นายพรเพชรกล่าว
     ด้านนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ใจความว่า จุดสังเกตใหญ่ในคลิปช่วงท้ายที่มีคนกล่าวว่าจะไปรายงานให้ท่านพรเพชรทราบนั้น จะไปรายงานทำไม ในเมื่อท่านพรเพชรก็นั่งอยู่ในที่ประชุมตลอด ทำให้สงสัยว่าคลิปนี้จะไม่ใช่การประชุมวิป สนช.หรือไม่ ส่วนกระบวนการตรวจสอบคลิปเสียงนั้น คงต้องเป็นไปตามกระบวนการ จะตั้งกรรมการตรวจสอบหรือไม่ คงต้องหารือกันอีกครั้ง
สุดที่จะมอง
    นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวว่า เสียดายที่ไม่สามารถนำข้อมูลในที่ประชุมลับของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือกเป็น กสทช. เสนอรายงานต่อที่ประชุมมาเผยแพร่ต่อสาธารณะได้ แต่สมาชิกได้ฟังข้อมูลแล้วมีข้อวิตกกังวล ซึ่งส่วนหนึ่งเห็นตรงกัน และวิตกกังวลว่าเลือกไปอาจเกิดปัญหาในอนาคต และนำสู่การฟ้องร้อง ดังนั้น ยืนยันว่าสิ่งที่ สนช.ตัดสินใจไปอยู่บนพื้นฐานที่ต้องการสร้างความถูกต้องในการจะได้คนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญจริงๆ ทางด้านวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม มาทำหน้าที่ กสทช. เราไม่ต้องการให้เป็นบรรทัดฐานนำมาตรา 17 ไปใช้ในช่องทางที่ไม่ถูกต้องต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะการบล็อกตัวบุคคลมาแล้วบังคับให้สภาต้องเลือก
    เมื่อถามต่อว่า คลิปเสียงที่ออกมาอาจถูกครหาว่านายกฯ ครอบงำการลงมติของ สนช.หรือไม่ นายสุรชัยชี้แจงว่า สุดที่จะมอง แต่การทำงานของ สนช.ตัดสินใจบนพื้นฐานประโยชน์ของสังคมและสาธารณะโดยรวม ไม่ใช่ตัดสินใจบนความชอบหรือไม่ชอบ และขอให้ดูกรณีอื่นๆที่ สนช.ลงมติด้วย พร้อมยืนยันว่า สนช.เป็นอิสระและไม่ได้ครอบงำจากฝ่ายใด
    ขณะที่ พล.อ.อู้ด เบื้องบน สมาชิก สนช. ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบประวัติฯ กล่าวปฏิเสธว่า เสียงในคลิปไม่ใช่เสียงของตน
    นายวิษณุ วรัญญู รองประธานศาลปกครองสูงสุดและกรรมการสรรหา กสทช. กล่าวว่า นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ได้นัดประชุมกรรมการสรรหาทั้งหมดในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือกรณี สนช.ไม่โหวตเลือก กสทช. ซึ่งขณะนี้กรรมการต้องขอดูบันทึกรายงานการประชุมมติ สนช.อย่างเป็นทางการก่อนว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร รวมถึงกรณีจะเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการสรรหาฯ หรือไม่ด้วย 
    พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ รักษาการประธานรักษาการผู้ตรวจการแผ่นดิน ในฐานะกรรมการสรรหา กสทช. กล่าวว่า เคารพมติของ สนช. แต่ยืนยันว่า 14 รายชื่อที่เสนอไป คณะกรรมการสรรหาฯ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าดีที่สุดใน 86 คนของผู้ที่ยื่นสมัคร โดยมีคุณสมบัติครบถ้วน และไม่มีลักษณะต้องห้าม 
    “14 คนที่คณะกรรมการสรรหาฯ ส่งไปถือว่าดีที่สุด เท่าที่มีอยู่ให้เราเลือก แต่ถามว่าจะเหมาะไปทำงานใหญ่ใน กสทช.หรือไม่ ส่วนตัวผมก็มองว่าในบางด้านเป็นความลำบากใจเหมือนกันที่จะไว้วางใจ ที่ สนช.บอกว่าจะไม่รับดำเนินการเลือกต่อก็โอเค ผมก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร“ พล.อ.วิทวัสกล่าว
    นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. ให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นคลิปดังกล่าวน่าจะไม่ได้ถ่ายจากในสภา หรือไม่ได้ถ่ายในที่ประชุมวิป สนช. ยังไม่ทราบว่าถ่ายจากที่ไหน ซึ่งอาจจะเป็นการคุยกันในกลุ่มเล็กก็ได้ ดังนั้นคงจะต้องมีการสอบสวนกันต่อไป 
    นายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิป สนช. ยืนยันว่าไม่ใช่เสียงในการประชุมวิป สนช. 100% เพราะไม่มีการพูดในทำนองอย่างในคลิป และในการประชุมวิป สนช.ในวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นการพูดกันในเรื่องข้อกฎหมายของรายงาน 3 ฉบับ อีกทั้งในการประชุมลับก็พูดกันแต่เรื่องของข้อกฎหมาย ว่าเมื่อมีปัญหาการดำเนินการนั้นจะทำอย่างไรในข้อกฎหมายแต่ละข้อ และไม่มีการเอ่ยชื่อบุคคลตามที่มีในคลิปด้วย
    เขาบอกว่า อาจจะเป็นการพูดของบุคคล ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าเป็นสมาชิก สนช.หรือไม่ หรืออาจจะเป็นคนอื่นที่มาพูดคุยกับสมาชิก สนช.ตามโต๊ะกาแฟก็ได้ ซึ่งขณะนี้กำลังสอบสวนกันว่าคืออะไร ทั้งนี้ ตนไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรที่นายกฯ จะสั่งการว่าชอบหรือไม่ชอบคนไหน 
    "ยืนยันว่าผมไม่ได้รับคำสั่งใดๆ และเชื่อว่าไม่มีใครได้รับคำสั่งด้วย เพราะนายกฯ เอง ต่อให้ไม่ชอบแล้วสั่งเราก็ทำไม่ได้ หรือหากนายกฯ ชอบแล้วสั่งให้เอาเราก็ทำไม่ได้ เพราะเรื่องนี้มันขัดคุณสมบัติในตัวมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว” นายสมชายกล่าว
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีการพูดคุยกันของวิปสนช.ในเบื้องต้นด้วยว่าเสียงในคลิปดังกล่าวนั้นเป็นการประชุมจากที่ไหนก็ยังไม่รู้ แต่อาจจะมีบุคคลภายนอก อาทิ คณะกรรมการ กสทช. ที่อาจจะมีการเชิญให้เข้ามาร่วมประชุมที่อาจจะถ่ายคลิปเอาไว้หรือไม่ แล้วคลิปดังกล่าวอาจจะหลุดออกไปก็เป็นได้ จึงทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลที่ปรากฏเป็นเสียงในคลิปดังกล่าวได้ ดังนั้น วิป สนช.บางส่วนจึงเห็นว่าเบื้องต้นน่าจะให้ประธานวิป สนช.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อสอบสวนกรณีดังกล่าว
    นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ตนมีความรู้สึกแบบนี้มานานแล้วว่าทุกอย่างอยู่ในมือ คสช. เพราะทุกอย่างถูกตั้งขึ้นมาโดยคสช. แล้วถามว่าใครคือหัวหน้า คสช.เล่า ดังนั้นด้วยระบบแบบนี้ก็ชัดเจนว่าใครที่มีอำนาจสูงสุดก็สามารถสั่งการไม่โดยตรงก็โดยอ้อมได้ หรือไม่พูดเองก็ให้คนอื่นพูดได้.