ขึงขังเชือดพระเลว! จักรทิพย์ลั่นไม่มีกม.ห้าม‘พงศ์พร’แจงฟ้องไร้อคติ


เพิ่มเพื่อน    

 

วงประชุม มส.มอบ "พงศ์พร" แจงปมร้องทุกข์ 5 พระชั้นผู้ใหญ่เอี่ยวทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษา รร.พระปริยัติธรรม ปัดตอบรายละเอียดคดี โยนถาม "ปปป.-ป.ป.ช." แต่ยันทำทุกอย่างตามหลักฐาน ไม่มีอคติ ย้ำผู้ถูกกล่าวหายังบริสุทธิ์จนกว่าศาลพิพากษา  "จักรทิพย์" ขึงขังไม่มี กม.ห้ามจับพระ "สนช." ชี้ 3 กรรมการ มส.เข้าข่ายมัวหมองแล้ว เชื่อ "สมเด็จพระสังฆราชฯ" ทรงอึดอัดหากต้องตัดสิน

    ที่วัดสามพระยา วันที่ 20 เม.ย. ตั้งแต่ช่วงเช้า มีการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาส ในเขตปกครองคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร จำนวน 816 รูป ซึ่งเป็นวันที่ 2 โดยตามกำหนดการ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะเดินทางมาบรรยายในหัวข้อ "สร้างความเข้าใจในอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" แต่เมื่อถึงเวลาปรากฏว่า พ.ต.ท.พงศ์พรไม่ได้เดินทางมาแต่อย่างใด โดยนายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม มาเป็นตัวแทนในการบรรยาย ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
    นายสิปป์บวรกล่าวภายหลังบรรยายเสร็จว่า พ.ต.ท.พงศ์พรติดราชการ เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีการคัดเลือกบุคคลที่จะให้ไปดำรงตำแหน่งในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดที่ว่างจำนวน 14 จังหวัด และ 1 สำนักในส่วนกลาง การคัดเลือกบุคคลถือเป็นภารกิจที่สำคัญ ผอ.พศ.จึงมอบให้ผมมาทำหน้าที่แทน รวมทั้งช่วงบ่ายจะมีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งตามวาระปกติ พ.ต.ท.พงศ์พรไม่ติดภารกิจก็จะเข้าประชุมด้วย
    ถามว่า ได้พูดคุยกับพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา หนึ่งในพระที่ถูกกล่าวหาเกี่ยวข้องการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมหรือไม่ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมกล่าวว่า ได้ไปกราบท่านในฐานะพระชั้นผู้ใหญ่ ไม่ได้คุยเรื่องใดๆ และท่านก็ไม่ได้บอกกล่าวเรื่องใดๆ ด้วย การมาบรรยายไม่ได้พูดเรื่องเกี่ยวกับการเบิกงบอะไร แต่เป็นการบอกกล่าวพระสังฆาธิการในระดับวัดว่าในแต่ละส่วนที่เป็นสำนักและกองในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติสำนักไหนมีบทบาท มีหน้าที่อย่างไร ในการขับเคลื่อนภารกิจการส่งเสริมงานกิจการคณะสงฆ์เท่านั้นเอง
    ขณะที่มหาเถรสมาคม พุทธมณฑล จ.นครปฐม เวลา 14.00 น. มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) โดยมีสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธานการประชุม พร้อมกรรมการ มส. อีก 18 รูป รวมทั้ง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) เข้าร่วมประชุม 
แจ้งความไม่มีอคติ
    ทั้งนี้ ในการประชุม มส.ครั้งนี้ 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร 2.พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7  3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 ซึ่งเป็น 3 ใน 5 พระชั้นผู้ใหญ่ที่ถูก พ.ต.ท.พงศ์พร ร้องทุกข์กล่าวโทษกระทำความผิดอาญาคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
    ผู้สื่อข่าวคาดว่า ในการประชุม มส.ครั้งนี้ อาจจะมีการนำกรณี พ.ต.ท.พงศ์พรเดินทางไปร้องทุกข์กล่าวโทษ 5 พระชั้นผู้ใหญ่ คือ 1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7 3.พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 4.พระเมธีสุทธิกร (สังคม ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และ 5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ คดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม เข้าพิจารณาด้วย
    ข่าวแจ้งว่า การประชุมในครั้งนี้ พระชั้นผู้ใหญ่ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการเถรสมาคม ต่างเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ขาดเพียงพระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวาเพียงรูปเดียว ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง 15 นาที
    จากนั้น พ.ต.ท.พงศ์พรแถลงข่าวว่า ที่ประชุม มส.ได้มีมติให้ตน ในฐานะเลขาธิการ มส. เป็นผู้แถลงข่าวเพื่อสร้างความเข้าใจ และจะไม่ขอตอบคำถามแก่สื่อมวลชนอย่างใด โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ ปปป.และ ป.ป.ช. หากสื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ขอให้สอบถามไปยังหน่วยงานข้างต้น 
    "การกล่าวหาที่ดำเนินไปนั้น เป็นการกล่าวหาตามหลักฐานที่ปรากฏ และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ไปแจ้งความ ซึ่งขอยืนยันการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้ทำไปเพราะอคติแต่อย่างใด แต่เป็นหน้าที่ที่ผมต้องกระทำ เมื่อกระทำแล้ว ก็มิได้ทำให้ถูกกล่าวหาทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ หรือพระที่มีรายชื่อปรากฏเป็นผู้กระทำผิด เนื่องจากขณะนี้ กรณีดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการไต่สวนและวินิจฉัย ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการเริ่มดำเนินการแต่อย่างใด จึงยังไม่มีพยานหลักฐานครบถ้วนที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครผิด ใครถูก ยังไม่มีผู้กระทำผิด ซึ่งรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ว่า บุคคลจะได้รับการสันนิษฐานว่าบริสุทธิ์ จนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำผิด” ผอ.พศ.ระบุ
    ถามว่า จะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษอีก 7 วัดที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อใด ผอ.พศ.ปฏิเสธที่จะตอบ กล่าวเพียง “ขอบคุณครับ” ก่อนเดินออกจากห้องแถลงข่าวทันที
    ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร้องทุกข์กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ดำเนินคดีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป เกี่ยวข้องคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม กับการทุจริตเงินทอนวัดว่า เบื้องต้นทราบว่าทาง ปปป.ได้ส่งสำนวนไปที่ ป.ป.ช.แล้ว ส่วนพฤติการณ์ก็เป็นไปตามที่ ปปป.เขาสอบอยู่ในสำนวน 
ไม่มี กม.ห้ามจับพระ
    ถามว่า มีกระแสข่าวม็อบพระจะมาขวางการแจ้งข้อกล่าวหาพระชั้นผู้ใหญ่เพิ่มเติมอีก 7 วัด พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เรามีการบังคับใช้กฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่เห็นมีกฎหมายใดห้ามจับพระ
    เมื่อถามว่า รู้สึกกังวลหรือไม่ที่ต้องดำเนินคดีกับพระชั้นผู้ใหญ่ เพราะพระแต่ละรูปมีมวลชนเป็นของตัวเองที่ศรัทธา พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า กังวลซิครับ ถ้าเป็นพระดี แต่พระไม่ดีพระเลวไม่เห็นมีอะไร ก็ปกติ     "ต้องไปถามพระหนักใจหรือเปล่าไปทำอะไรมา ถ้าไม่ได้ทำอะไรมาก็ไม่ต้องหนักใจ ผมจะหนักใจไปทำไมผมบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว ส่วน ปปป.เขาก็ดำเนินการในกรอบของกฎหมายอยู่แล้ว คดีพระใหญ่ๆ ก็ทำมาเยอะ อย่างคดีวัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องปกติ อย่าไปตื่นเต้นตกใจ อาจจะเป็นของใหม่สำหรับผู้สื่อข่าวในการดำเนินคดีกับพระ" ผบ.ตร.กล่าว
    พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. กล่าวว่า การเลื่อนเข้าให้ข้อมูลคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมอีก 7 วัด ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทราบว่า พ.ต.ท.พงศ์พรติดภารกิจจริงๆ จึงทำให้ไม่สามารถมาให้ข้อมูลและร้องทุกข์เพิ่มเติมได้
    วันเดียวกัน นายสมพร เทพสิทธา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการศาสนา ในคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวถึงการที่ทางประชุม มส.ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ กับกรรมการมหาเถรสมาคม 3 รูปที่ถูกร้องทุกข์เกี่ยวข้องคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมว่า รู้สึกเป็นห่วง มส. ตอนนี้สมเด็จพระสังฆราชฯ ท่านอยู่ในสถานะอึดอัดมาก เพราะกรรมการ มส.มี 2 ฝ่าย คือฝ่ายธรรมยุตและมหานิกาย แล้วสมเด็จพระสังฆราชฯ ท่านเป็นธรรมยุต จะทำอะไรก็จะถูกมองว่าเห็นแก่ธรรมยุต จึงต้องกระจายอำนาจการปกครองคณะสงฆ์ได้แล้ว
    "ไม่เหมาะสมไม่ควรที่จะให้สมเด็จพระสังฆราชฯมาทรงตัดสินใจเรื่องนี้โดยตัวท่านเอง การที่ มส.ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ในการประชุมวันนี้ ทุกฝ่ายก็ต้องคอยจับตาดูไปเรื่อยๆ รัฐบาลเมื่อรู้ว่ามีปัญหาก็ต้องช่วยแก้ ไม่ใช่ปล่อยให้ มส.ทำฝ่ายเดียว ผมรู้ดีว่าสมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงอยู่ในฐานะอึดอัดใจมาก เพราะพระ 3 รูปดังกล่าวก็อยู่ฝ่ายมหานิกาย จะไปทำอะไรรุนแรงก็ไม่เหมาะ แต่ตอนนี้เมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหา ก็ต้องถือว่ามัวหมองแล้ว จะบอกว่าไม่มัวหมองได้อย่างไร ถ้าเป็นข้าราชการหากถูกกล่าวหาแบบนี้ เขาสั่งย้าย พักการทำงานไป ย้ายออกจากตำแหน่งแล้ว คนเราถูกกล่าวหา ก็มัวหมองแล้ว แล้ว ผอ.สำนักพุทธฯ คนอย่างเขา คงไม่ไปกล่าวหาใครลอยๆ หากไม่มีหลักฐาน ไม่อย่างนั้นก็จะโดนเด้งอีก“ สนช.ผู้นี้ระบุ
    นายไพศาล พืชมงคล ผู้ช่วยที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ก็คือเรื่องการปลุกม็อบพระ มาข่มขู่ ไม่ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทำกันมานานแล้ว และจะทำกันต่อไป ตราบใดที่ยังมีคนสร้างความกลัว คอยหลอกหลอน เพื่อไม่ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขาเก่าทั้งนั้น"
    เช่นเดียวกับหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่องที่มีการกล่าวหา พ.ต.ท.พงศ์พร พยายามจับพระเป็นแพะ อ้างโครงการที่มีปัญหาทุจริตนั้นล้วนเป็นการดำเนินงานของ พศ.ทั้งหมด โดยเอกสารต่างๆ ที่พระชั้นผู้ใหญ่ได้ลงชื่อไปก็จัดทำโดย พศ. และเซ็นชื่อด้วยใจบริสุทธิ์ ดังนั้นการแจ้งความดำเนินคดีกับพระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป จึงเป็นกลยุทธ์สร้างความมัวหมอง และทำลายความน่าเชื่อถือของพระพุทธศาสนา ตอนหนึ่งระบุว่า ข้ออ้างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเข้าข่ายทำนอง “คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว” โดยมีความพยายามแถกแถเสียจนหนังกำพร้าถลอกปอกเปิก
    ด้านพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร เจ้าคณะภาค 16, 17, 18 และประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการดำเนินคดีพระชั้นผู้ใหญ่ว่า จะต้องดูในระเบียบของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ว่าสามารถทำได้หรือไม่ และมีขั้นตอนอย่างไร ซึ่งคงมีช่องทางที่ให้อำนาจ ผอ.พศ. จึงดำเนินการดังกล่าวไป 
    "ก็เป็นไปได้ที่จะส่งผลให้พระสงฆ์กับฆราวาสเกิดความขัดแย้งกันได้ เพราะลูกศิษย์ของพระเถระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 3 อาจเกิดความไม่พอใจ และหากเหตุการณ์จะบานปลายและเกิดความรุนแรง ก็คงต้องยอมรับว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่หน้าที่ของทุกคน ก็ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น" พระธรรมกิตติเมธีกล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"