ประเด็นการปฏิรูปกฎหมายที่มีความสำคัญมากที่สุด คือ การกำหนดให้มีกลไกการออกกฎหมายที่ดีและเท่าที่จำเป็น รวมทั้งมีกลไกการทบทวนกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งในปัจจุบันได้มีการดำเนินการในเรื่องนี้แล้วโดยมีการตรา “พระราชบััญัญติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562” ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นมา พระราชบััญญัติดังกล่าวมีสาระ
สำคัญ 6 เรื่อง ได้แก่ (1) กำหนดหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมาย (2) กำหนดหลักเกณฑ์การตรวจสอบ
เนื้อหาของร่างกฎหมาย (3) กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย (4) กำหนดกลไกเกี่ยวกับการเข้าถึงบทบััญญัติของกฎหมาย (5) กำหนดกลไกการโต้แย้งหรือตรวจสอบบทบััญญัติแห่งกฎหมายที่มีโทษอาา โทษทางปกครอง หรือสภาพบังคับที่มีผลร้ายอื่น และ (6) กำหนดกลไกเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐต้องออกกฎหรือดำเนินการอื่นใดโดยเร็ว
แต่อย่างไรก็ดี สาระสำคัญเรื่องที่ 3
หลักเกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย และสาระสำคัญเรื่องที่ 6 กลไกเร่งรัดให้หน่วยงานของรัฐต้องออกกฎหรือดำเนินการอื่นใดโดยเร็ว ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติบางประการ ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและสร้างความชัดเจนในการดำเนินการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงได้เสนอแนวทางการดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบััญัญติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2563 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 เห็นชอบกับแนวทางดังกล่าวและให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ โดยแนวทางการดำเนินการนี้ มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้
1. การดำเนินการเกี่ยวกับการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
1.1 มอบหมายให้ผู้รักษาการตามกฎหมายตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรายชื่อกฎหมายและหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการซึ่งแยกตามผู้รักษาการ
1.2 มอบหมายให้ผู้รักษาการตามกฎหมายประกาศรายชื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินการสำหรับกฎหมายที่นายกรัฐมนตรีกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบแล้วให้ถูกต้อง
1.3 มอบหมายให้ผู้รักษาการตามกฎหมายเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายและกฎเกณฑ์ในความรับผิดชอบของตนทั้งหมดผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวง
1.4 กรณีกฎหมายที่มีผู้รักษาการตามกฎหมายร่วมกันหลายคน ให้ผู้รักษาการตามกฎหมายหารือร่วมกันเพื่อกำหนดผู้รับผิดชอบ
การประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย การจัดทำคำอธิบายและคำแปล และการเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายและกฎเกณฑ์
1.5 มอบหมายให้ผู้รักษาการตามกฎหมาย สำนักงานสถิติแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำฐานข้อมูลและสถิติเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย การร้องเรียน
2. การดำเนินการเกี่ยวกับการเร่งรัดการออกกฎหรือดำเนินการอื่นใดตามมาตรา 22 แห่งพระราชบััญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562
มอบหมายให้หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบการบังคับใช้กฎหมายเร่งตรวจสอบกฎหมายในความรับผิดชอบของตนว่า มีกรณีที่ต้องมีการออกกฎหรือดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อที่ประชาชนจะสามารถปฏิบัติตามกฎหมายหรือได้รับสิทธิประโยชน์จากกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 22 หรือไม่ หากมี ต้องเร่งออกกฎหรือดำเนินการใดให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาภายใน
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 สำหรับกฎหมายที่มีผลใช้บังคับก่อนวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 และภายใน 2 ปี นับแต่กฎหมายมีผลใช้บังคับ สำหรับกฎหมายที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ ในการออกกฎดังกล่าวหน่วยงานของรัฐต้องคำนึงถึงระยะเวลาในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี และระยะเวลาที่จะ
ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาด้วย โดยต้องไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนวันครบกำหนดดังกล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |