ในปัจจุบันการดำเนินการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายได้มีพัฒนาการและความก้าวหน้าเกิดขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะประเด็นการปฏิรูปเกี่ยวกับการกำหนดกลไกให้มีการตรากฎหมายที่ดีและเท่าที่จำเป็น รวมทั้งมีกลไกในการทบทวนกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว ให้สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในการดำเนินการดังกล่าว คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในฐานะองค์กรหนึ่งของรัฐในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ได้ดำเนินการตรวจสอบบทบััญญัติของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน พบว่า มีกฎหมายจำนวนมากที่มีบทบัญญัติที่ไม่เหมาะสมกับกาลสมัยและไม่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสร้างภาระและต้นทุนที่ไม่จำเป็นให้เกิดแก่ประชาชน
ดังนั้น สมควรที่คณะรัฐมนตรีจะได้วางแนวทางในการร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการมีกฎหมายที่ดีเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน (Better Regulation for Better Life) ตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน
คณะกรรมการพัฒนากฎหมายจึงได้เสนอแนวทางการร่างกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 เห็นชอบกับแนวทางดังกล่าว และให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด โดยแนวทางการร่างกฎหมายนี้มีสาระสำคัญ 7 ประการ ดังนี้
1. ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าการอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต ใบแทน ใบอนุาต ให้กระทำด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
เป็นหลัก ในกรณีที่ยังไม่สามารถดำเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ขัดข้อง จึงให้มาติดต่อกับเจ้าหน้าที่
2. ไม่ควรกำหนดให้เป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องแจ้งข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลซึ่งอยู่ในความครอบครองหรือควบคุมดูแลของหน่วยงานของรัฐ หรือเป็นข้อมูลซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐทราบอยู่แล้ว และหากจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกำหนดเช่นนั้น ก็ไม่ควรใช้โทษอาญาแก่ผู้ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัตินั้น
3. ไม่ควรกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตซึ่งไม่ขอรับใบแทนใบอนุญาตที่สูหาย ถูกทำลาย หรือชำรุดในสาระสำคัญ ต้องรับโทษอาา เนื่องจากมิใช่ความผิดร้ายแรง
4. ไม่ควรกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องแสดงใบอนุาตไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ สถานประกอบการของผู้ได้รับใบ
อนุญาติ เพราะไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ และไม่ควรกำหนดโทษอาญาในกรณีที่มีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบท
บััญญัติดังกล่าว ตรงกันข้าม สมควรที่จะกำหนดกลไกหรือมาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระให้แก่ผู้ประกอบกิจการซึ่งเข้ามาอยู่ในระบบและขออนุญาตอย่างถูกต้องแทน เช่น การแสดงใบอนุญาตในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ทำนองเดียวกับใบอนุญาตขับขี่ตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก
5. ควรใช้มาตรการซึ่งเป็นการจูงใจให้ดำเนินการ แทนมาตรการบังคับลงโทษ เพื่อมิให้กฎหมายสร้างภาระโดยไม่จำเป็นแก่ประชาชน
6. มิให้กำหนดให้การไม่อำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นความผิดอาา เนื่องจากไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนในการใช้ดุลพินิจ อีกทั้งมีความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญาอยู่แล้ว
7. ควรยกเลิกการใช้โทษอาญาในเรื่องที่เป็นเรื่องทางแพ่งโดยแท้ เช่น ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
จากสาระสำคัญของแนวทางการร่างกฎหมายข้างต้นย่อมแสดงให้เห็นได้โดยชัดแจ้งว่า ทิศทางการปฏิรูปกฎหมายที่จะ
เกิดขึ้นในอนาคตจากนี้ต่อไป จะเป็นการปฏิรูปกฎหมายทั้งในเชิงกระบวนการตรากฎหมาย การตรวจสอบเนื้อหาของร่างกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิรูปกฎหมายของประเทศเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนต่อไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |