‘ทอน’อ้างประเทศลำบาก ตัดงบราชการในพระองค์


เพิ่มเพื่อน    

 "ธนาธร" ขอตัดงบ "ราชการในพระองค์" 13% เพราะประเทศกำลังยากลำบาก เก็บภาษีไม่เข้าเป้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นในอัตราน่าใจหาย ประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับการอยู่บ้านต่อสู้โควิดทำให้รายได้ลดลงต้องอยู่อย่างยากลำบาก ข้องใจส่วนราชการในพระองค์ไม่ต้องมีเอกสาร ไม่ต้องมาชี้แจงต่อ กมธ. ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพและความเหมาะสมได้ ยันพระมหากษัตริย์ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างสมพระเกียรติ

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 สิงหาคม ที่รัฐสภา (เกียกกาย) ในการประชุมของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2564 เป็นการพิจารณางบประมาณส่วนราชการในพระองค์ โดยมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงบประมาณเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ  ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะที่ปรึกษา กมธ. ซึ่งเป็นสัดส่วนพรรคก้าวไกลร่วมซักถามด้วย
    ทั้งนี้ ตามปกติในการพิจารณาของที่ประชุมจะมีการถ่ายทอดสดให้ผู้ที่มาชี้แจงคนอื่นๆ ที่อยู่ภายนอกห้องประชุมได้รับชมรับฟังด้วย แต่ในการพิจารณางบประมาณส่วนราชการในพระองค์ กลับมีการตัดเสียงออก ให้เห็นเพียงแต่ภาพผ่านหน้าจอทีวีเท่านั้น โดยเริ่มต้นนายธนาธรได้ขอให้สำนักงบประมาณช่วยชี้แจงว่าทำไมงบประมาณส่วนราชการในพระองค์เพิ่มขึ้นในอัตราสูงมาก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงบฯ ชี้แจงว่า ที่วงเงินเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นงบบุคลากรของหน่วยงานที่รับโอนมาตาม พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ.2562 ซึ่งนายธนาธรเห็นต่างในกรณีดังกล่าว
    ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวว่า งบที่เพิ่มขึ้นนี้ตอนแรกคิดว่างบที่เพิ่มขึ้นมาจากในส่วนนั้น คือแบกรับมาจากกระทรวงกลาโหมตาม พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ เพราะงบของกองทัพบกเองก็ลดลง แต่พอไปดูเอกสารของกระทรวงกลาโหม ก็พบว่ามีการโอนแต่บุคลากร กระทรวงกลาโหมยังถืองบประมาณตรงนี้ไว้อยู่ ปีละประมาณ 1,200 ล้านบาท ดังนั้นถ้าตามนี้หมายความว่างบที่เพิ่มขึ้นเกิดจากส่วนราชการในพระองค์เอง
    "ผมเชื่อว่าพระองค์ท่านไม่ได้มีส่วนร่วมในการกำหนดงบประมาณ แต่เป็นหน่วยงานนำเสนอขึ้นมาเอง ผมอยากถามผู้บริหารหน่วยงานว่า การนำเสนองบประมาณเพิ่มขึ้นปีละ 16.8 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ประเทศกำลังยากลำบาก เก็บภาษีไม่เข้าเป้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นในอัตราน่าใจหาย ประชาชนที่ให้ความร่วมมือกับการอยู่บ้านต่อสู้โควิด ทำให้รายได้ลดลง ต้องอยู่อย่างยากลำบาก การที่ท่านเพิ่มงบประมาณ 16.8 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเหมาะสมหรือไม่ การนำเสนองบประมาณเช่นนี้ทำให้พระองค์ท่านเสื่อมเสียพระเกียรติหรือไม่ ที่มากไปกว่านั้น และเหตุผลที่ตนต้องตั้งคำถามก็คือ งบประมาณส่วนงานในพระองค์เพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าตกใจและเพิ่มไม่หยุด"
    จากนั้นนายธนาธรได้ขอแสดงสไลด์ต่อที่ประชุม ซึ่งเป็นสไลด์ที่ให้รายละเอียดเปรียบเทียบงบประมาณส่วนราชการในพระองค์แต่ละปีงบประมาณ โดยยึดมาจากเอกสารงบประมาณปี 2561-2564  โดยนายธนาธรกล่าวด้วยว่า งบประมาณส่วนราชการในพระองค์เพิ่มขึ้นในอัตราที่น่าตกใจมาก และเพิ่มขึ้นทุกปี เฉพาะปีนี้ปีเดียว เพิ่มขึ้น 16.8 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่งบภาพรวมเพิ่มขึ้น 3.1 เปอร์เซ็นต์ และถ้าเทียบจากปีแรกคือปี 2561 จนถึงแผนปี 2567 เพิ่มขึ้น 67 เปอร์เซ็นต์ใน  6 ปี ซึ่งเติบโตเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อ เติบโตเร็วกว่าจีดีพี เติบโตเร็วกว่าการเพิ่มขึ้นของงบประมาณโดยภาพรวม และที่สำคัญคือมีการเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งนี้ ถ้าเราปิดชื่อหน่วยงานเอาไว้ก่อน แล้วมีหน่วยรับงบประมาณหนึ่งนำเสนองบประมาณแบบนี้ให้กับ กมธ.โดยไม่มีคำอธิบาย
    "ผมเชื่อว่าเราคงเห็นว่าไม่เหมาะสมและคงเสนอตัดตามสมควร ผมยืนยันว่าพระมหากษัตริย์ต้องได้รับการปฏิบัติอย่างสมพระเกียรติ ซึ่งผมเชื่อว่าพระองค์ท่านไม่ได้ทำงบประมาณ หากแต่เป็นผู้บริหารในส่วนราชการในพระองค์เป็นผู้ทำ การให้งบประมาณหน่วยงานเพิ่มขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ มีแต่จะทำให้พระองค์เสื่อมเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศและประชาชนย่ำแย่ยากลำบาก ดังนั้นผมอยากได้รายละเอียด ช่วยชี้แจงรายละเอียดในเอกสาร เพราะผมคิดว่าถ้าเราได้รายละเอียดจะทำให้เราช่วยส่วนราชการในพระองค์พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ช่วยรับรองและชี้แจงต่อสาธารณะได้ว่างบประมาณเหมาะสม หรือมิเช่นนั้นขอให้ทางหน่วยงานปรับลดลง โดยให้เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 3.1 เท่ากับภาพรวม ถ้าเป็นจำนวนเงินคือเพิ่มขึ้น 243 ล้านบาท จากปีที่แล้ว หรือลดลง 873 ล้านบาทจากงบประมาณปี 2564 ที่ขอมา"
    นายธนาธรกล่าวอีกว่า เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติ ในสภาวะวิกฤติ เมื่อทุกหน่วยงานพยายามตัดลดงบประมาณ เมื่อพี่น้องประชาชนและข้าราชการต่างก็ร่วมมือร่วมใจกันเสียสละ อดทน ต่อสู้ไปด้วยกัน หากส่วนราชการในพระองค์ยอมตัดงบประมาณลง ย่อมทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์สูงเด่นขึ้น เพราะเมื่อประชาชนมองมาก็จะเห็นได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ทรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน
     ประธานคณะก้าวหน้าบอกว่า ยังกังวลในเรื่องหลักการ การที่ส่วนราชการในพระองค์ไม่ต้องมีเอกสาร ไม่ต้องมาชี้แจงต่อ กมธ.นั้น ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประสิทธิภาพและความเหมาะสมในการใช้งบประมาณได้ เห็นว่าผิดหลักการในการทำงาน เพราะเงินไม่ว่าจะไปที่หน่วยงานไหนก็มาจากภาษีประชาชน ดังนั้นอยากให้ กมธ.ปรับการทำงานให้ส่วนราชการในพระองค์นำเสนอในกระบวนการปกติ เพื่อเงินที่มาจากภาษีประชาชนจะถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ทุกหน่วยงานได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในปีต่อๆ ไป
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการซักถามของธนาธร ทางสำนักงบประมาณได้ชี้แจงด้วยวาจาว่า มีการโอนจากกระทรวงกลาโหมไปส่วนราชการในพระองค์จริง และงบประมาณที่เป็นของส่วนราชการในพระองค์เดิมลดลงในปี 2564 ประมาณ 80 ล้าน
    นายธนาธรได้ขอเอกสารชี้แจงงบประมาณของส่วนราชการในพระองค์ไป ซึ่งสำนักงบประมาณบอกว่าที่ผ่านมาไม่มีทำ แต่จะจัดทำให้
         นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ในส่วนของกระทรวงกลาโหม พบว่ามีการจัดทำงบประมาณที่ไม่สอดคล้องกับภาวะการเงินการคลังของประเทศและไม่สะท้อนบริบทของสังคมไทย กองทัพยังคงมีการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าไม่ควรมีการจัดซื้ออาวุธในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ การจัดซื้ออาวุธไม่ว่าจะเป็นเรือดำน้ำ รถถัง เครื่องบิน รวมไปถึงครุภัณฑ์ รวมไปถึงการซ่อมรถยนต์ที่เป็นส่วนกำลังบำรุง มีข้อกังขามากมาย โดยเฉพาะในปีนี้มีกรณีการจัดซื้อกระสุนปืนนัดละ 5,000 บาท ไม่รู้เป็นกระสุนทองคำหรือเปล่า ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ มีการสอบถามจนออกมายอมรับในที่สุดว่าเอกสารผิด
    ส่วนการพิจารณางบประมาณของหน่วยรับงบประมาณคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาชี้แจงด้วยตัวนั้น นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตว่า ในยุคนี้เป็นยุคที่ประชาชนถูกคุกคามเป็นอย่างมาก อีกทั้งตั้งคำถามไปยังตำรวจด้วยว่า ถ้าประชาชนถูกฟ้องด้วยมาตรา 116 กลับกันหากประชาชนจะฟ้องมาตรา 157 ต่อตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่บ้าง ควรจะฟ้องใครถึงจะเกิดความยุติธรรม
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ชี้แจงว่า ในส่วนของมาตรา 116 พ.ร.บ.ความสะอาด ตนจะรับข้อสังเกตไปดำเนินการแก้ไข พร้อมขอให้กรรมาธิการพิจารณาไม่ตัดงบประมาณของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"