ฮื่ออ์อ์อ์...ก็ไม่รู้สินะ!!! เอาเป็นว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่แห่แหน ตามแห่ ออกมายกย่อง สรรเสริญ เชิดชู พวกเด็กๆ หรืออาจถึงขั้น เลียตูดเด็ก ตามสำบัด สำนวน ที่ ป๋าเปลว สีเงิน ท่านว่าไว้ อันนั้น...คงต้องแล้วแต่พ่อเจ้าประคุณรุนช่องจะว่ากันไปตามสบาย แต่สำหรับคนแก่ คนชรา อย่าง ท่านขุนน้อย คงต้องขออนุญาตถอยออกมาห่างๆ ห่างทั้งตูด ทั้งตีน ของพวกเด็กๆ ตามแบบฉบับ ขอปลอดภัยเอาไว้ก่อน หรือ ขอลุงก่อน...ลุงแก่แล้ว อะไรประมาณนั้น...
---------------------------------------------------------
คือไม่ว่าจะเป็น วีรกรรมชู 3 นิ้ว ข้อเรียกร้อง 10 ประการ รวมทั้ง ข้อเรียกร้อง 11 ประการ ประเภทขอเงินเดือนขั้นแรกห้าหมื่น ห้ามให้เกรดศูนย์ ห้ามไม่ให้เรียนเกินอาทิตย์ละสี่วัน หรือช่วยผ่อนค่ารถยนต์ให้ด้วย ฯลฯ อะไรประมาณนั้น คงต้องแล้วแต่บรรดากุลบุตร กุลธิดา ทั้งหลาย ท่านจะว่าไปตามความปรารถนา ความต้องการของท่าน อันถือเป็น เสรีภาพ ชนิดหนึ่ง ที่คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากเสรีภาพแบบที่บรรดาชาวอิสลามิกชนทั้งหลาย เขาเคยว่าๆ ไว้แล้วนั่นแหล่ะว่า... “พระผู้เป็นเจ้ามอบเสรีภาพให้กับมนุษย์ทั้งมวล ในอันจะทำดีก็ได้-ทำชั่วก็ได้ เพียงแต่เขาเหล่านั้นย่อมต้องได้รับผลแห่งการกระทำนั้นๆ โดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่อณูเดียว”...
--------------------------------------------------------
แต่จะให้ถึงขั้น น้ำตาซึม แบบที่คุณพี่ อ้วน-ภูมิธรรม ออกมาสารภาพเอาไว้ หลังฟังคำปราศรัยของพวกเด็กๆ อะไรทำนองนั้น คงต้องสารภาพตรงๆ ว่าออกจะเป็นอะไรที่ครั่นเนื้อ-ครั่นตัวเป็นอย่างยิ่ง คือคงไม่ถึงกับ อิน ไม่ถึงกับ ดรามา ไปได้ถึงขั้นนั้น เพราะการออกมาทำโน่น ทำนี่ พูดโน่น พูดนี่ คิดนั่น คิดนี่ ของพวกเด็กๆ ในช่วงนี้ ก็คงต้องถือเป็นแค่ การแสดงออกของเด็กๆ ไปตามเรื่อง ตามราว ตามประสาเด็กๆ ทั้งหลายเขานั่นแหละ ไม่ถึงกับเป็นอะไรที่ต้องตามไปแห่ ไปแหน ไปยกย่อง เชิดชู สรรเสริญ เยินยอ จนอาจกลายเป็นการ ให้ท้าย หรือเผลอๆ...อาจกลายเป็นการยุ-แยง-ตะแคงรั่ว อันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเหมาะ ไม่น่าจะควร สำหรับบรรดาผู้ที่เคยผ่านบทเรียนและประสบการณ์ต่างๆ นานา จนอาจได้รับคำเรียกขานในนาม ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ทั้งหลาย ทั้งปวง...
-------------------------------------------------
เพราะยังไงๆ...ด้วย ความเป็นเด็ก เขาคงต้อง เป็นอยู่ และ เป็นไป ตามแบบฉบับเด็กๆ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แม้กระทั่ง เด็กรุ่น 14 ตุลา ที่ใครต่อใครหยิบมายกย่อง เชิดชู จนแทบกลายเป็น แบบฉบับ ของเด็กรุ่นหลัง หรือทำให้บรรดา ผู้เฒ่า 14 ตุลา ทั้งหลาย พลอยได้รับอานิสงส์จากมรดกตกทอดเหล่านี้ จนสามารถใช้ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จากป่าล้อมเมืองและเข้ายึดแต่ละกระทรวงในท้ายที่สุด หรือพลอยได้ดิบ ได้ดี ได้กลายสภาพเป็น รัฐมนตรี กันในแต่ละราย แต่ก็ด้วยเพราะ ความเป็นเด็ก นั่นเอง ที่ทำให้ ชัยชนะ ของบรรดานิสิต นักศึกษา ของคนหนุ่ม-คนสาวและเด็กๆ เมื่อช่วงวันที่ 14 ตุลาคม ปีพุทธศักราช 2516 เลยออกอาการเละเทอะ เลอะเทะ ภายในชั่วเวลาแค่ไม่ถึงครึ่งปี-หนึ่งปี เกิดอาการสุดโต่ง สุดสวิง ไปในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี ส่งผลให้สังคมทั้งสังคม ต้องถูกแยกออกเป็น ฝ่ายซ้าย กับ ฝ่ายขวา และท้ายที่สุด...หนีไม่พ้นต้องจบลงด้วย ความพ่ายแพ้ ของบรรดานิสิต นักศึกษา คนหนุ่ม-คนสาวและเด็กๆ ในวันที่ 6 ตุลาคม ปีพุทธศักราช 2519 นั่นเอง...
---------------------------------------------------
จากบทเรียนและประสบการณ์ทำนองนี้...มันเลยควรต้องหันมา ประคับประคอง หรือหันมาช่วยชี้แนะ ชี้นำ ในสิ่งที่ถูก-ที่ต้อง ที่เหมาะ-ที่ควร น่าจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ โดยเฉพาะสำหรับใครก็ตาม ที่พอมีสถานะจัดอยู่ในประเภท ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ได้บ้าง อย่าถึงกับต้องไปแลบลิ้น ไกวไป-ไกวมา อยู่แถวๆ บั้นท้ายของพวกเด็กๆ เขา อันไม่เพียงแต่เป็นอะไรที่น่า อ้วกแตก ซะเหลือเกิน ยังอาจส่งผลให้ความเป็นไปของชาติบ้านเมือง ของส่วนรวม อาจต้องวิปริต ผิดเพี้ยน หรือไม่เป็นไปตามครรลองที่ควรจะเป็น เกิดอาการสุดโต่ง สุดสวิง ไปในด้านใด ด้านหนึ่ง เอาง่ายๆ โอกาสที่จะเป็นไปในแบบ กลางๆ ตามแนวทาง มัชฌิมาปฏิปทา อันเป็นสิ่งที่ระดับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้ชี้แนะ ชี้นำเอาไว้ มานับพันๆ ปีที่แล้ว อาจยิ่งยากซ์ซ์ซ์ยิ่งเข้าไปทุกที...
---------------------------------------------------
เพราะไม่ว่าบ้านไหน เมืองไหน ประเทศใด สังคมใดก็เถอะ...ถ้าลองหาแนวทางกลางๆ ยังไม่เจอ หรือไม่อาจหา ความสมดุล ภายในบ้าน ในเมือง ในสังคมตัวเองได้เลย โอกาสที่จะ อยู่-เย็น-เป็นสุข อยู่อย่างสงบและเรียบร้อย ตามความเป็นไปโดย ปกติ ตามครรลองคลองธรรม ตามหลักศีล หลักธรรม อันจะนำมาซึ่ง การอยู่ร่วมกันโดยสันติ ภายในสังคมนั้นๆ ย่อมแทบเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าสังคมเผด็จการ สังคมประชาธิปไตย หรือกระทั่งสังคมคอมมิวนิสต์ ฯลฯ ก็แล้วแต่ เพราะอย่างช่วงที่เด็กๆ เมืองจีน ที่เรียกตัวเองว่าพวก เรดการ์ด ทั้งหลาย เขาเคยมาแรง แซงโค้ง จนใครต่อใครในประเทศคอมมิวนิสต์แท้ๆ ต้องหันไป เลียตูดเด็ก กันไปเป็นรายๆ ไม่ก็หันไป ยุ-แยง-ตะแคงรั่ว เพื่อใช้เป็น เครื่องมือ หรือใช้ประโยชน์จากเด็กๆ เหล่านี้ ประเทศจีนทั้งประเทศ ก็ถึงขั้นแทบ ล่มสลาย เอาเลยถึงขั้นนั้น...
----------------------------------------------------
แม้แต่ในสังคมประชาธิปไตยอย่างอเมริกา ยุโรป หรือประเทศใดๆ ก็แล้วแต่ ลองถ้าปราศจากเสียซึ่ง ความสมดุล ซะอย่าง โอกาสที่จะฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงไปด้วยกันทั้งสิ้น และส่วนหนึ่งรวมทั้งน่าจะเป็นส่วนสำคัญมิใช่น้อย ก็คือ ช่องว่างระหว่างวัย ที่เริ่มเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่น้อยไปกว่า ช่องว่างระหว่างความรวย-ความจน อันเป็นตัวก่อให้เกิดปัญหาแต่ละปัญหา อยู่ในแทบทุกประเทศจนตราบเท่าทุกวันนี้ ด้วยเหตุนี้...ระหว่างที่ยกย่อง เชิดชู สรรเสริญ เยินยอ หรือ เลียตูดเด็ก ไปตามรสนิยมของใคร-ของมันก็แล้วแต่ ก็ควรคิดๆ ถึงสิ่งเหล่านี้เอาไว้มั่ง เพราะอะไรก็ตามที่มันสุดโต่ง สุดสวิงไปในด้านใด ด้านหนึ่ง สุดท้าย...มันก็คงหนีไม่พ้นต้องกลายเป็นตัวเพิ่มแรงสวิงในด้านตรงข้าม อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...
--------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “Muhammad Ali”... “The man who views the world at 50 the same as he did at 20 has wasted 3o years of his life.- คนที่เมื่ออายุ 50 ยังมองโลกเหมือนตอนอายุ 20 ก็เท่ากับเสียเวลาไปเปล่าๆ 30 ปี...”.
----------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |