20 เม.ย.61- นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ครั้งที่ 1/2561 ว่า ในที่ประชุมนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ได้รายงานความคืบหน้าการสืบข้อเท็จจริงกรณีทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต และถือว่าระยะเวลา 1 เดือน กระบวนการสืบข้อเท็จจริงต่างๆ สามารถดำเนินการได้อย่างก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งทำให้เห็นรอยรั่วและความผิดพลาดของกระบวนการดำเนินการ เช่น การจ่าย รับเงินที่ไม่มีใบเสร็จ การเสนอคณะกรรมการกองทุนพิจารณาในเรื่องต่างๆ และเรื่องการปลอมแปลงเอกสารโดยบุคคลคนเดียว เป็นต้น ซึ่งเราจะนำข้อผิดพลาดตรงนี้มาปรับใช้กับการดำเนินการในกองทุนอื่นๆ ด้วย รวมถึงเรื่องการรวบรวมข้อมูลผู้เสียหาย และการดำเนินการความผิดทางละเมิด ซึ่งตนได้ทำการซักซ้อมกับนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ. ว่าตัวแทนผู้เสีย เช่น กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจาก ศธ. ได้อย่างไร โดยดำเนินการตามกระบวนกฎหมายเรื่องละเมิด
“นอกจากนี้ผมยังได้รายงานความคืบหน้าเรื่องสืบข้อเท็จจริงกระบวนการเช่าสัญญาณอินเทอร์ของระบบ MOENet ของ ศธ. ในที่ประชุมรับทราบด้วย รวมถึงเรื่องแก้ปัญหาโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา จังหวัดสงขลา หรือ อควาเรียม และก่อสร้างหลังคาคลุมลานอเนกประสงค์ของโรงเรียน 11 แห่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่รายงานโดยพล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศธ.ด้วย เพราะผมต้องการให้ทุกคนใน ศธ. รับรู้ ไม่ใช่ว่าจะอ่านตามข่าวอย่างเดียว และยังชี้แจงให้ข้าราชการ ศธ.ทราบว่าไม่ต้องกุ้มใจ ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะคนที่ไม่ได้ทำผิดและรู้เห็นก็จะให้เป็นพยาน คนที่ยังอยู่ระหว่างสืบฯ ว่าจะเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่ ก็จะต้องเข้าอีกกระบวนการหนึ่ง”รมว.ศธ.กล่าว
ด้านนายอรรถพล กล่าวว่า ตนได้รายงานข้อมูลสรุปล่าสุดให้ที่ประชุมรับทราบว่า จากข้อมูลที่สรุปเมื่อวันที่ 18 เมษายน พบว่า จำนวนเงินที่กองทุนได้จ่ายให้กับโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 41 แห่ง วิทยาลัยพยาบาล 26 แห่ง สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) จังหวัด 3 แห่ง และโอนเข้าบัญชีบุคคลอื่นที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง 39 คน และโอนเข้าบัญชีที่ไม่ทราบเจ้าของ 68 บัญชี รวมเป็นเงินที่ใช้โอนไปตั้งแต่ปี 2548 จำนวน 230,251,144 ล้านบาท และจากข้อมูลจะพบว่ามีอัตราการโกงเงินเพิ่มขึ้นทุกปี และในปี 2554, 2555, 2556, 2557 และ 2560 มีการโกงเงินเกินกว่าครึ่งของจำนวนเงินทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ถือว่าเราได้ข้อมูลจำนวนมากแล้ว แต่ก็ยังรอข้อมูลในหลายส่วน เช่น คำชี้แจ้งของอดีตผู้บริหารระดับสูงที่หลายรายมีการขอยืดเวลา
อีกทั้งยังพบว่าบางรายปรากฏลายเซ็นต์หลายครั้ง ซึ่งต้องมีการชี้แจงใหม่ ผลการตรวจสอบยืนยันจำนวนผู้ได้รับและไม่ได้รับเงินจากกองทุนจากศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) อีก 12 จังหวัด ที่ยังไม่ได้ส่งข้อมูลมา ข้อมูลสเตทเมนท์ของสถานศึกษา เพราะที่ผ่านมามีบางสถานศึกษาได้ส่งสเตทเมนท์มาให้ตรวจ ทำให้คณะกรรมการสืบฯ พบว่าถ้าเป็นการโอนจากสำนักงานปลัด ศธ. จะมีชื่อเป็นภาษาไทยขึ้นในสเตทเมนท์ทันที แต่ในกรณีที่โอนจากบัญชีอื่นจะมีเพียงหมายเลขบัญชีเท่านั้น ซึ่งมีการโอนจากบัญชีอื่นค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเมื่อได้เสตทเมนท์มาครบแล้ว จะสามารถขยายผลไปยังเลขที่บัญชี เพื่อนำสืบต่อและอาจจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้นก็ได้ และสำเนาหนังสือแจ้งการโอนเงินจากสถานศึกษา 65 แห่ง ตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ที่พบว่าเกินครึ่งเป็นหนังสือปลอม โดยเริ่มปลอมตั้งแต่ปี 2551 อย่างไรก็ตาม เมื่อมีประเด็นความผิดเพิ่มตนจะรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทันที และที่ตนทราบขณะนี้ ป.ป.ท.ได้ส่งหนังสือไปยังผู้เกี่ยวข้องเกือบทุกคนแล้ว และในส่วนของคณะกรรมการสืบฯ เองก็จะเร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้
“รอยรั่วที่เราพบถือว่ามีหลายจุด โดยผมได้แบ่งสภาพปัญหาเป็น 4 กระบวนงาน คือ 1.ปัญหาจากการประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ที่ไม่มีการแจ้งผลการอนุมัติกองทุนให้สถานศึกษา 2.การเสนอเพื่อขออนุมัติโอนเงินตามมติ ที่มีการอนุมัติคราวเดียวแต่ขออนุมัติโอนเงินหลายครั้ง โดยไม่ได้อธิบายเหตุผล และบันทึกการเสนอขออนุมัติ บางครั้งไม่ชัดเจน 3.การโอนเงินกองทุนไปสถานศึกษา ขาดการควบคุม ตรวจสอบขั้นสุดท้าย รับหลักฐานการจ่ายไม่สมบูรณ์มาประกอบบัญชี และ 4.การติดตามและประเมินผล ไม่มีการติดตามประเมินผลการดำเนินการ”กล่าว
นอกจากนี้ยังมีบางวิทยาลัยพยาบาทที่รับเงินเกินและยังไม่ได้มีการเรียกเงินคืน จำนวน 60,000 บาท และโรงเรียนสังกัด สพฐ. จำนวน 2,114,633 บาทด้วย โดยหลังจากนี้คงต้องมีการดำเนินการเรียกเงินคืน และในส่วนของจำนวนเงินที่ จะต้องจ่ายเพิ่มให้กับวิทยาลัยพยาบาล เบื้องต้นจำนวน 30,414,000 บาท แต่ต้องรอข้อมูลจากวิทยาลัยพยาบาลอีก 12 แห่ง และสถานศึกษาในสังกัด สพฐ. เบื้องต้น ขาดเงิน 11,447,181 บาท และต้องรอข้อมูลยืนยันจาก ศธจ.อีก 18 โรง ดังนั้น กองทุนฯ จะต้องหาเงินเพิ่มอีกประมาณ 42 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการแล้วจะมีการเสนอเข้าคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อพิจารณาเยียวยาต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |