'รังสิมันต์'ลั่น!รัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามแก้หมวดพระมหากษัตริย์ อย่าบีบคอคนที่จะเป็นส.ส.ร.ในอนาคต


เพิ่มเพื่อน    

20 ส.ค.63- นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า อย่าเอามือของคนปัจจุบันไปบีบคอคนในอนาคต ส.ส.ร. ต้องเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนได้ทุกเรื่องทุกประเด็นของรัฐธรรมนูญ

ผมได้รับทราบว่ามีหลายคนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่พรรคก้าวไกลไม่ได้ร่วมเข้าชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเงื่อนไขว่าห้ามสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ

ผมขอใช้โพสต์นี้ในการชี้แจงถึงเหตุผลดังกล่าว

โดยก่อนอื่นผมขอให้ข้อมูลก่อนว่าบทบัญญัติว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 หมวด 15 นั้น ไม่ได้กำหนดห้ามมิให้แก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ แต่อย่างใด

ทั้งยังระบุในมาตรา 256(8) ด้วยซ้ำว่าการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และหมวด 2 จะต้องนำไปทำประชามติด้วย ซึ่งสื่อความหมายว่าการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และหมวด 2 สามารถกระทำได้

เพียงแต่กำหนดในมาตรา 255 ว่าห้ามการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ เพียงเท่านั้น

นั่นหมายความว่าการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และหมวด 2 ไม่เท่ากับเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐเสมอไป

ในขณะที่หลักการของ ส.ส.ร. ที่จะตั้งขึ้นมานี้ คือการเลือกตัวแทนของประชาชนมาเป็นผู้รวบรวมความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนทุกภาคส่วนในสังคมให้ได้อย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกประเด็น

ซึ่งรวมถึงประเด็นในหมวด 1 และหมวด 2 ด้วย

ก่อนหน้านี้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้กล่าวไว้ว่าข้อเรียกร้อง 10 ข้อของนักศึกษาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นไม่ถือว่าเป็นการจาบจ้วง ก้าวล่วงเสมอไป และสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ในสังคมประชาธิปไตยที่มีเหตุผล มีวุฒิภาวะ เปิดใจรับฟังกันอย่างสร้างสรรค์

และหากจะมีพื้นที่ใดที่ประชาชนสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้อย่างมีเหตุผล มีวุฒิภาวะ เปิดใจรับฟังกันอย่างสร้างสรรค์ พื้นที่ที่ว่านั้นก็คือ ส.ส.ร. นั่นเอง

แล้วหากเราตั้งข้อจำกัดตั้งแต่ต้นว่าในบางเรื่องบางประเด็นนั้นห้ามพูดว่ามันควรเป็นเช่นไร แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะสร้างพื้นที่แห่งการพูดคุยแลกเปลี่ยนแห่งนี้ขึ้นมา นั่นคงไม่ใช่แนวทางการก้ไขรัฐธรรมนูญที่สังคมไทยอยากเห็นอย่างแน่นอน ผมเห็นว่าในเมื่อจะตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมาทั้งทีแล้ว เราไม่ควรจำกัดว่า ส.ส.ร. ทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ แต่ควรเปิดให้คุยกันได้ในทุกเรื่องในทุกประเด็น

ซึ่งสุดท้ายแล้วผลการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนทั้งประเทศตัดสิน ไม่มีใครมีอำนาจไปบังคับให้ต้องแก้ไขตาม 10 ข้อเรียกร้องของนักศึกษาเท่านั้น พรรคก้าวไกลเองก็ไม่ได้มีอำนาจจะไปควบคุมความเห็นของประชาชนได้ สิ่งที่ทุกฝ่ายทำได้เหมือนกันหมดคือการรณรงค์ในประเด็นที่อยากให้แก้ไขเท่านั้น

ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะได้ถกเถียงกันอย่างตรงไปตรงมาและเต็มที่ในทุกประเด็น ว่าอนาคตของประเทศไทยภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นควรเป็นเช่นไร อย่าได้เอามือของคนปัจจุบันไปบีบคอคนในอนาคต อย่าปิดปากประชาชนไม่ให้พูดในสิ่งที่ควรพูด ในสิ่งที่พวกเขาอยากพูดอีกเลยครับ อนาคตของพวกเขา ให้พวกเขาได้กำหนดเองเถิดครับ.


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"