ห่วงประเทศล่มสลาย นายกฯห้าม‘ม็อบ-แก้รธน.’ก้าวล่วงสถาบัน/นร.ไล่รมว.ศธ.


เพิ่มเพื่อน    

  "ลุงตู่" ชู 2 นิ้วทั้งการชุมนุม-แก้ รธน. ขออย่าก้าวล่วงสถาบันที่มีความสัมพันธ์กับสังคมไทยมา 700 ปี ลั่นล้มพิธีไหว้ครู-ไม่เคารพครูพ่อแม่อันตราย เสี่ยงประเทศล่มสลาย เกิดจลาจลสงครามกลางเมือง ภท.จ่อเสนอร่างแก้ไข รธน. แก้ ม.256 ตั้ง ส.ส.ร.ร่าง รธน.ใหม่ก่อนยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ พท.ยอมรับไม่แก้หมวด 1-2 หวั่นเสี่ยงล้มทั้งฉบับ "ก้าวไกล" ปัดจ้องเปลี่ยนหมวดกษัตริย์ แต่ไม่ควรล็อกไว้ว่าแก้ไขไม่ได้ "นักเรียนเลว" ก่อม็อบหน้าศธ.ไล่ รมว.ศธ. กร้าวด่าครูบ้าอำนาจ "ณัฏฐพล" ยันไม่มีการคุกคามจากครู ตร.จับ "อานนท์" อีกรอบ

    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 19 สิงหาคม ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. นัดแรก ระหว่างที่เดินกลับเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ได้มีกลุ่มผู้สื่อข่าวดักรอสัมภาษณ์เพื่อสอบถามถึงผลการประชุม ซึ่งนายกฯ ได้หันมาโบกมือพร้อมชูสองนิ้วให้ ระหว่างนั้นได้มีสื่อมวลชนจากสถานีโทรทัศน์ Channel 4 ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะของอังกฤษได้ตะโกนถามว่า "มีเด็กๆ เรียกว่าท่านเป็นนายกฯ เผด็จการรู้สึกอย่างไร" ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ตอบคำถามพร้อมกับเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าไป
     วันเดียวกัน ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)  พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ  ภายหลังการประชุม พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า เรื่องที่ทุกคนอยากจะทราบคือการดำเนินการกรณีผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นหลักการประชาธิปไตยของทุกประเทศ ตนเข้าใจ หลายคนมองตนว่ามาอย่างไร เผด็จการอย่างไร วันนี้อย่าลืมว่าเราเข้ามาด้วยกระบวนการประชาธิปไตย เรามีรัฐธรรมนูญ ส่วนที่จะแก้อะไร ก็ไปว่ากันต่อไปในอนาคต แต่ขออย่าก้าวล่วงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ คิดว่าทุกประเทศก็คงเผชิญสถานการณ์แบบนี้มาด้วยกัน ฉะนั้นสิ่งที่เรากังวลในขณะนี้ หากเกิดความวุ่นวายมากยิ่งขึ้น โอเคละอาจจะมีผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่มีก็ตาม ซึ่งทุกคนทราบดีอยู่แล้ว และหลายคนก็บอกว่าไม่ใช่ ไม่ได้เกี่ยวข้อง อยากให้มองไกลไปอีกนิดหนึ่ง นั่นคืออนาคตของพวกเราทุกคนว่าอยู่ที่ประเทศชาติใช่หรือไม่ ถ้าเกิดสถานการณ์บานปลายไปเรื่อยๆ และทุกคนมุ่งหวังให้เกิดความรุนแรง ให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ สิ่งที่จะเกิดตามมาคือความไม่สงบเรียบร้อย จะกลับไปสู่สถานการณ์เดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว  
    “วันนี้อยากให้ทุกคนมองว่าเด็กๆ เหล่านั้นคือพลังที่บริสุทธิ์ อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ส่วนหนึ่งอาจจะถูกชักนำ ฉะนั้นขอให้ทุกคนมองถึงอนาคตเด็กๆ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในวันนี้ต้องมองถึงอนาคตของเด็กในวันหน้า ผมเห็นหัวข้อเรียกร้องมีมากขึ้นเรื่อยๆ  หลายข้อ ซึ่งมีความเป็นไปไม่ได้ แต่อาจจะทำให้เด็กมีความคาดหวังหลายเรื่อง และผมเห็นหลายสิบข้อที่ตามมา ยกเลิกการไหว้ครู ไม่ต้องเคารพครู พ่อแม่ก็ไม่ต้องเคารพ ผมถามว่าถ้าไม่ใช่ผมแล้วเป็นคนอื่นที่เข้ามา สิ่งที่มันเกิดขึ้นในลักษณะเช่นนี้ ในสถานการณ์แบบนี้ จะมีใครแก้ปัญหานี้ได้ต่อไป นั่นหมายความว่าประเทศเราก็ล่มสลาย แกนนำ หลักการต่างๆ ของประเทศชาติทั้งหมดล้มไปทั้งหมด สถาบันครอบครัวล้ม สถาบันการศึกษา ครู ล้มหมด นี่หรือ คืออนาคต” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ถ้ามีคนที่เจตนาไม่บริสุทธิ์ต้องการให้เกิดความรุนแรงขึ้น ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ถามว่ากฎหมาย เจ้าหน้าที่เขาจะทำอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น เด็กพวกนี้จะเป็นกันชนให้กับเขาหรือเปล่า นั่นคืออันตรายที่จะเกิดกับเด็ก ขอให้ทุกคนได้สำนึกเรื่องเหล่านี้ไว้ด้วย และรัฐบาลไม่มีนโยบายใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว จะเห็นว่าเราดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทุกประการ เราไม่มีการห้ามการชุมนุม แต่ขอให้ชุมนุมโดยสันติ คำว่าสันติไม่ใช่เฉพาะแต่ในเรื่องการใช้อาวุธหรือไม่ใช้อาวุธ ใช้ความรุนแรง การกล่าวด้วยความอาฆาตมาดร้าย ด่าหยาบคาย เหล่านี้ตนคิดว่าไม่เคยเกิดในสังคมไทย
    “วันนี้ทุกคนเอาแต่ละอันมาเชื่อมโยงไปหมด ท้ายที่สุดรัฐบาลไม่ดี ผมถามว่ารัฐบาลที่ดีควรจะทำอย่างไร อย่างข้อเรียกร้องทุกคนจบมาต้องมีงานทำ เงินเดือนเดือนละ 5 หมื่นบาท มีที่ไหนทำได้ อันที่สองผ่อนรถให้ทุกคน อันที่สามเก็บภาษีเฉพาะคนรวย สิ่งเหล่านี้มันไม่มีความเป็นไปได้ในข้อเท็จจริง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ย้ำอย่าก้าวล่วงสถาบันฯ
      จากนั้นสื่อมวลชนต่างประเทศจากสถานีโทรทัศน์ Channel 4 ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะของอังกฤษถามว่าที่ผ่านมานายกฯ ยืนยันว่ามีการรับฟังเสียงของเด็ก แต่บนเวทีการชุมนุมยังยืนยันว่านายกฯ ไม่ได้รับฟัง โดยเฉพาะข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในเรื่องของสถาบันฯ พวกคุณต้องเข้าใจว่าสถาบันฯ กับประเทศไทยมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เพราะฉะนั้นจะไม่ตอบในประเด็นนี้ เพราะตนเองก็ไม่เคยไปก้าวล่วงต่างประเทศ ไม่เคยไปสนับสนุนการเมืองที่มาเคลื่อนไหวในประเทศไทยต่อต้านประเทศอื่นๆ ไม่เคยสนับสนุนแบบนั้น ตนต้องดำเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างสมดุล ตนก็รับฟังจากข้อมูลในด้านต่างๆ ขอร้องของพวกเขา ขอร้องอย่างเดียว ไม่อยากให้มาแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนเคารพนับถือ
    นายกฯ กล่าวต่อว่า ถามว่าเขาพร้อมหรือไม่ในการที่จะเข้ามาแก้ปัญหาเหล่านี้ มันจะนำพาท่านเสื่อมลงไปทั้งหมดหรือเปล่า แล้วในวันข้างหน้าจะควบคุมกันไหวหรือไม่ ตราบใดที่ยังมีเรื่องแบบนี้ขึ้นมา วันข้างหน้าก็จะมีอีกฝ่ายเกิดขึ้น แล้วดำเนินการเช่นนี้อีกเช่นกัน ถามว่าแล้วประเทศไทยจะอยู่อย่างไร ก็ขอให้เคารพความเป็นอัตลักษณ์ของประเทศไทยด้วย เรามีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่คู่กับแผ่นดินเรามาหลายร้อยปี ไม่ใช่เพิ่งมีมาเพียง 2-3 วัน เรามีมาโดยตลอดหลายรัชกาล เรามีความเป็นมากว่า 700 ปีแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์มีคุณูปการต่อประเทศไทยตลอดเวลา ขอร้องว่าอย่าลืมในสิ่งเหล่านี้ เป็นพื้นฐานศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ สิ่งเหล่านี้จะต้องถูกทำลายหรือความแตกต่างของสถาบันเรากับสถาบันต่างประเทศ ทุกประเทศมีสถาบันมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศทั้งสิ้น แต่สถาบันของเราทำแบบประเทศอื่นหรือไม่ ต้องกลับไปทบทวนตรงนี้
    "สมมติว่าประเทศอังกฤษมีการเรียกร้องว่าเมื่อจบการศึกษา มาแล้วจะต้องการเงินเดือนละ 50,000 ดอลลาร์ จะให้ได้หรือไม่ ก็คงไม่ได้ หรือข้อเรียกร้องไม่ต้องไหว้ครู ประเทศไทยมีแบบและธรรมเนียมปฏิบัติมาอยู่ วันนี้พยายามสร้างว่าครูเป็นลูกจ้างของเด็ก เป็นลูกจ้างของพ่อแม่ แต่วันนี้ลูกกับพ่อคิดเห็นไม่ตรงกัน ลูกประกาศตัดพ่อ แล้วเราจะอยู่กันอย่างนี้หรือ สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศล่มสลาย จากนั้นก็จะเกิดจลาจล  และสงครามกลางเมืองต่อไป ตนไม่อยากให้ไปถึงจุดดังกล่าว" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว  
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 จะทำให้เกิดปัญหาในภาพรวมหรือไม่ เพราะเป็นหมวดสถาบันพระมหากษัตริย์ ว่า เรื่องนี้ต้องคุยกันก่อน เพราะพรรคพลังประชารัฐก็กำลังไปคุยกันอยู่เรื่องของการที่จะแก้อะไรบ้าง ส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย แต่เดี๋ยวต้องดูในรายละเอียดต่างๆ ส่วนเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาที่ขยายไปยังเด็กนักเรียนมัธยม ถ้าเขาทำไปตามกฎหมายก็ทำได้ แต่ว่าเป็นสิทธิของกลุ่มบุคคล
    ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร.ในฐานะประธานวิปรัฐบาล แถลงภายหลังการประชุมวิปรัฐบาล ว่า ที่ประชุมมีมติจะแก้รัฐธรรมนูญปี 60 โดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 และให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ส่วนมาตราอื่นๆ จะแก้ไขหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการหารือ วิปรัฐบาลจะได้มีการออกแบบโครงสร้างของ ส.ส.ร.ด้วยว่าจะเป็นอย่างไร โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งอาจประกอบไปด้วยตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ และอาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเป็นพี่เลี้ยงให้ด้วย คาดจะได้ข้อสรุปเร็วที่สุดก่อนที่ กมธ.วิสามัญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญจะเสนอรายงาน ทั้งนี้เราจะยื่นแบบเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว
    น.ส.พัชรินทร์ ซําศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 และโฆษกพรรคพปชร. กล่าวว่า พรรค พปชร.ได้มีมติเห็นชอบยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยได้เสนอจัดตั้ง ส.ส.ร. แก้ไขบางหมวด จะไม่มีการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ยืนยันว่าข้อเรียกร้องถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ซึ่งพร้อมที่จะเร่งดำเนินการผ่านกลไกสภานิติบัญญัติ และไม่มีการประวิงเวลา
ภท.ยื่อแก้รธน.ตั้งสสร.
    ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย ส.ส.ของพรรคทั้ง 61 คน แถลงถึงข้อเสนอของพรรคต่อกรณีข้อเรียกร้องของภาคประชาชนว่า 1.พรรคภูมิใจไทยสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร. ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่กระทบหมวด 1 และหมวด 2 อันเป็นลักษณะสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 3.เสนอให้ ส.ส.ร.ที่มาจากประชาชนมีความเป็นอิสระในการยกร่างรัฐธรรมนูญทุกขั้นตอน เมื่อมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนแล้วพรรคเห็นด้วยที่จะให้มีการยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์และข้อเสนอของภาคประชาชน
    ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 คาดว่าจะได้รายชื่อครบตามจำนวนภายในสัปดาห์นี้ และจะยื่นญัตติอย่างช้าคือวันจันทร์ที่ 24 ส.ค.นี้      
     นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ที่ประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มอบหมายให้ผู้แทนวิปของพรรคไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะพรรค ปชป.ไม่สามารถยื่นญัตติโดยลำพังพรรคเดียวได้ เพราะเสียง ส.ส.ไม่พอ โดยพรรคมีจุดยืนชัดเจนตั้งแต่ต้นในการแก้ไขอย่างน้อยในมาตรา 256 และมีจุดยืนชัดเจนที่จะไม่ก้าวล่วงสถาบันฯ
    นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการบรรจุญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านว่า ตามระเบียบข้อบังคับการประชุม หากมีผู้ยื่นมาแล้วก็ให้บรรจุภายใน 15 วัน โดยนับหนึ่งจากวันที่ยื่นญัตติคือวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้ เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความถูกต้องเสร็จสิ้นเรียบร้อย ดังนั้นจึงไม่ต้องรอญัตติของพรรคการเมืองอื่น ส่วนกรณีหากมีการยื่นแก้ไขในหมวด 1 หมวด 2 ฝ่ายกฎหมายจะเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องว่าเป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญหรือไม่
    นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลถอนชื่อออกจากญัตติแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ไม่มีปัญหา เราเคารพเหตุผลซึ่งกันและกัน โดยมีบางอย่างอาจจะทบทวนวิธีการทำงานอย่างเป็นองค์คณะ ต้องมีการทำงานอย่างเป็นระบบ แลกเปลี่ยนกัน แล้วต้องมีมติต้องปฏิบัติอย่างไร มั่นใจว่าฝ่ายค้านยังเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร
     เมื่อถามถึงการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ที่พรรคก้าวไกลบอกว่าไม่ควรจะล็อก นายสุทินกล่าวว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยในที่ประชุมหลายรอบ ซึ่งเป็นเรื่องเทคนิคการเสนอกฎหมาย คนหนึ่งคิดเรื่องเนื้อหา คนหนึ่งคิดเรื่องเทคนิค ถ้าเราเสนอไปแล้วตกตั้งแต่ยกแรกก็ไม่มีประโยชน์ ฉะนั้นเราเสนอรัฐธรรมนูญหวังผลให้แก้ ได้จริง ซึ่งจะต้องปิดจุดเสี่ยงซึ่งความเสี่ยงหนึ่งก็คือ ส.ว. และความเสี่ยงที่ 2 คือผลการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2555 ที่บอกว่าการตั้ง ส.ส.ร.ปลายเปิดหมายถึงการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งคือการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ล้มล้างการปกครอง ซึ่งในเรื่องนี้ก็ดูเหมือน  ส.ว.ตั้งป้อมไว้ว่าจะเล่นเรื่องนี้
     นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการยื่นญัตติร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม และกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ยุบพรรคก้าวไกล ในข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองและล้มล้างสถาบันฯ ว่า การหยิบยกเอาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาโจมตีกันแบบนี้ ไม่ได้ส่งผลดีอย่างใดเลย ปรากฏการณ์ในวันนี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้ว และเรามีความเห็นว่ามีบางฝ่ายบางกลุ่มพยายามยกเรื่องนี้มาเพื่อขัดขวางการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านการตั้ง ส.ส.ร. รวมถึงต้องการกระตุ้นให้เกิดความเกลียดชัง หรือปราบปรามการชุมนุมเรียกร้องของนักศึกษาประชาชนที่กำลังลุกขึ้นมาทั่วประเทศในขณะนี้ ซึ่งจะยิ่งทำให้การเมืองเดินไปสู่ทางตัน  
ก้าวไกลปัดแก้หมวดกษัตริย์
    "ในประเด็นเกี่ยวกับหมวด 1 และหมวด 2  ผมขอย้ำอีกครั้งว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้เสนอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมตอนนี้ เพียงการสงวนความเห็นไว้นั้น ด้วยเหตุผลหลัก 2 ประการ คือ 1.ไม่มีความจำเป็นใดๆ เนื่องจากในส่วนของรัฐธรรมนูญมาตรา 255 ได้จำกัดไว้แล้ว 2.การเขียนล็อกไว้ว่าแก้ไขไม่ได้ เราเห็นว่าไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่มีการชุมนุมเรียกร้องของนักศึกษาและประชาชนข้างนอก" นายชัยธวัชกล่าว
    นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.เเบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงกรณีตั้งกระทู้ถามเรื่องการคุกคามสิทธิเด็กในสถานศึกษา  ต่อนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ แต่ไม่ได้มาชี้แจงโดยอ้างติดภารกิจว่า จากกรณีที่เด็กนักเรียนทั่วประเทศแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองเป็นเหตุให้ถูกคุกคามจากครูและบุคลากรในสถานศึกษาร้อยละ 80%  ซึ่งเป็นการแสดงออกทำโดยสงบ สันติ ปราศจาก อาวุธ มีความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญเมื่อเทียบกับการแสดงออกทางการเมืองในปี 2556-2557 ที่ใช้ริบบิ้นลายธงชาติ ซึ่งในอดีตท่านรัฐมนตรีเองก็เคยร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่ม กปปส. วันนี้ท่านไม่มาตอบ ท่านให้ความสำคัญต่อภารกิจอื่นมากว่าภารกิจของนักศึกษาที่โดนคุกคามเป็นล้านคน กล่าวหาท่านเลยว่าท่านหนีสภา
     ที่ถนนหน้ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เวลา 16.00 น. กลุ่มนักเรียนที่ใช้ชื่อเรียกว่า “นักเรียนเลว” ได้จัดกิจกรรม “เลิกเรียนไปกระทรวง” เพื่อร่วมแสดงความไม่พอใจและขับไล่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 300 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาได้ร่วมชูสัญลักษณ์สามนิ้ว ผูกโบสีขาว และเป่านกหวีด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่นายณัฏฐพลเคยร่วมเป่านกหวีดในฐานะแกนนำการชุมนุมช่วงปี 2556-2557
    “ทำไมเด็กถึงจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ได้ ทั้งๆ ที่เด็กก็เป็นประชาชนคนหนึ่งในประเทศเหมือนกัน” นักเรียนคนหนึ่งกล่าวบนเวที ขณะที่ผู้ร่วมชุมนุมร่วมกันร้องเพลงที่มีเนื้อหาเสียดสีนายณัฏฐพลและรัฐบาล สลับกับการเป่านกหวีด
    ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมว่า แกนนำนักเรียนได้ผลัดกันขึ้นปราศรัย โดยนักเรียนหญิงคนหนึ่งปราศรัยอย่างดุเดือดว่า ไอ้พวกครูที่บ้าอำนาจ เป็นพวกอำนาจนิยม เอากลับไปทำที่บ้าน อย่ามาทำกับนักเรียน บอกว่าครูเป็นพ่อแม่คนที่สอง ทุกคนมีพ่อแม่คนเดียว เลิกลงโทษนักเรียนตามอำเภอใจ เลิกละเมิดสิทธินักเรียน พวกเราไม่ใช่หมูไม่ใช่หมา ไม่ใช่ทาส ถ้าการเมืองดี นักเรียนอย่างพวกเราก็บุคลากรมากกว่านี้
    ระหว่างที่กลุ่มนักเรียนกำลังทำกิจกรรมอยู่นั้น นายณัฏฐพลได้เดินทางมาบริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการเพื่อพูดคุยกับกลุ่มนักเรียน ทำให้เยาวชนที่ชุมนุมอยู่ร่วมกันเป่านกหวีดดังขึ้นกว่าเดิม พร้อมร่วมกันส่งเสียงให้ไปต่อแถวเหมือนกับคนอื่น หากต้องการเข้ามาฟังข้อเสนอของนักศึกษา ท่ามกลางเสียงตะโกนขับไล่
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รมว.ศึกษาธิการได้ใช้เวลารับฟังความเห็นจากกลุ่มนักเรียนเป็นเวลาประมาณ 30 นาที ก่อนเดินทางออกจากบริเวณที่ชุมนุม
"ณัฏฐพล"ยันครูไม่คุกคามเด็ก
    ต่อมา เวลา 17.52 น. นายณัฏฐพลให้สัมภาษณ์ว่า ตนเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นและพร้อมรับฟัง ซึ่งวันนี้ได้ฟังน้องๆ เพียงกลุ่มเล็กๆ เนื่องจากแกนนำให้ไปอยู่ท้ายแถว พบว่าจริงๆ แล้วข้อเรียกร้องของน้องๆ นักเรียนไม่เกี่ยวกับการเมืองมากนัก ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการศึกษาไทย รู้สึกยินดีและดีใจที่นักเรียนให้ความใส่ใจอนาคตของเขา เป็นอนาคตของเราทุกคนด้วย และคิดถึงเพื่อนๆ ที่ไม่ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม ตนและกระทรวงกำลังหาแนวทางปรับหลักสูตรเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์โลก ทันต่อการแข่งขันปัจจุบัน
    ทั้งนี้ สิ่งที่กลุ่มดังกล่าวเรียกร้องไม่ได้เกินความคาดหมาย หลายเรื่องอยู่ในขั้นตอนกระบวนการ แต่ที่เรายังไม่ตกผลึกคือการสื่อสารระหว่างผู้บริหารและนักเรียน เพราะช่องทางยังไม่ได้เปิดกว้าง หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปก็พร้อมที่จะเปิดช่องทางกระบวนการรับฟังประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยให้น้องๆ นักเรียนแสดงความคิดเห็นและข้อเรียกร้องผ่านสภานักเรียนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนของเขาที่จะไปพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียน ก่อนจะนำมารวบรวมเพื่อดูว่าปัญหาอะไรที่น้องๆ ต้องการให้ได้รับการแก้ไขมากที่สุด
    รมว.ศึกษาธิการย้ำว่า ทุกเรื่องที่มีข้อเสนอแนะเข้ามา ได้ขอให้น้องๆ คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ ตนสัญญาด้วยซ้ำว่าจะไม่มีการคุกคามจากครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ ถ้าแสดงออกในขอบเขต หวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ส่วนการชู 3 นิ้วขณะเคารพธงชาติ มองว่าน้องๆ ทุกคนรักชาติ แต่การยืนตรงเพื่อแสดงความเคารพขณะเพลงชาติดังขึ้นก็เป็นมาตรฐานที่โลกทำกัน น้องๆ ก็ถามว่าแล้วทำไมเราต้องเหมือนคนอื่น
    "หากมีเวทีชัดเจนให้ได้แสดงออก เชื่อว่าจะช่วยลดความกดดันผ่านการชุมนุม เราจะรวบรวมมาทั้งประเทศ เด็กๆ คิดอะไร แต่การแสดงออกต้องมีขอบเขต ไม่ได้ให้เป็นความก้าวร้าว หรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ตราบใดที่ไม่หยาบคาย ไม่ก้าวล่วง เรารับฟังได้" นายณัฏฐพลกล่าว
     ที่ห้องประชุมชั้น 5 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี(บก.ภ.จว.ปทุมธานี) พล.ต.ต.ชยุต มารยาตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.ชัชวาล ปี่ทอง รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี, พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ทิมวัฒน์ ผกก.สภ.คลองหลวง ได้ร่วมกันแถลงข่าวออกหมายจับ 6 แกนนำกิจกรรมธรรมศาสตร์จะไม่ทน โดยพนักงานสอบสวนได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเสนอแก่ศาลจังหวัดธัญบุรี ในการออกหมายจับทั้งหมด 6 ราย ได้แก่ 1.น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล 2.นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก 3.นายอานนท์ นำภา 4.นายณัฐชนน ไพโรจน์  5.นายธนวัฒน์ หรือลูกมาร์ค จันผลึก 6.นายสิทธิ์นนท์ หรือไฟช้อน ทรงศิริ โดยศาลธัญบุรี ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ, พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งฐานความผิดเหล่านี้ได้ปรากฏโดยการจัดกิจกรรมบนเวทีการเมืองของกลุ่มผู้จัดในวันที่ 10 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา ณ ลานพญานาค มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต
    เมื่อเวลา 19.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวพร้อมหมายจับ ขอจับกุมนายอานนท์ นำภา ที่หน้าศาลอาญา ในข้อหายุยงปลุกปั่นตาม ป.อาญา ม.116 และข้อหาอื่น จากกรณีชุมนุมวันที่ 3 ส.ค.2563 กิจกรรมเสกคาถาผู้พิทักษ์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้องที่ สน.ชนะสงคราม และตำรวจได้ทำการควบคุมตัวขึ้นรถไป สน.ชนะสงครามต่อไป
"บิ๊กแดง"ปะทะ"ธนาธร"
     ที่โรงแรมยูสาทร นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่ม "ไทยภักดี" แถลงเปิดตัวกลุ่ม "ไทยภักดี" โดยมีผู้ร่วมก่อตั้งจำนวนมาก จากหลากหลายแวดวงร่วมในงานเปิดตัว พร้อมประกาศจุดยืนในการก่อตั้งกลุ่ม "ไทยภักดี" 6 ข้อ อาทิ ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมเรียกร้อง 3 ข้อ 1.ต้องไม่ยุบสภา เพราะวิกฤติโควิด-19 ที่ยังระบาดหนักทั่วโลก 2.ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม กับกลุ่มบุคคลทุกอายุ ทุกกลุ่มที่เสนอการแก้ไขปัญหาว่าด้วยสถาบันกษัตริย์อันไม่ชอบ 3.ต้องไม่แก้รัฐธรรมนูญ 2560 โดยปราศจากฉันทามติของประชาชนที่ลงประชามติไปแล้ว
    วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการพิจารณาของ กมธ.วิสามัญร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ที่เป็นงบของกองทัพบก จำนวน 107,600 ล้านบาทเศษ โดย พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เข้าชี้แจงว่า มีแนวทางการปฏิรูปที่ชัดเจน โดยจัดหายุทโธปกรณ์ที่มีความทันสมัยและใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริม แทนการใช้กำลังพลที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งได้ปรับลดอัตรากำลังพลลงอย่างต่อเนื่อง ได้แก้ไขระเบียบที่ไม่จำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว
    ขณะที่กรรมาธิการได้ซักถามกรณีธุรกิจภายในกองทัพ รวมถึงแนวทางการปฏิรูปที่ยังไม่มีความชัดเจน จึงอยากให้กองทัพนำไปปรับแก้ไข เพื่อให้งบประมาณที่ได้รับไปสอดคล้องกับความเป็นจริงด้วย
    นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษา กมธ. สอบถาม พล.อ.อภิรัชต์ ว่าทหารต้องเป็นประชาธิปไตย ดีใจที่มีกรรมาธิการสอบถามเรื่องรัฐธรรมนูญ แต่ ผบ.ทบ.ไม่ตอบ เห็นว่าทหารประชาธิปไตยที่ดีต้องไม่ยุ่งเรื่องนี้ หากเห็นด้วยกับแนวทางหนึ่งแนวทางใด ก็จะทำให้ ผบ.ทบ.ไม่เป็นกลางทันที หากทหารไม่พูดเรื่องการเมืองจะทำให้สง่างามมาก และสอบถามถึงการนำงบประมาณไปใช้ในปฏิบัติการไอโอที่นำมาใช้กับคนที่คิดต่างทางการเมือง ถือเป็นเครื่องมือทำร้ายกันทางการเมือง ไม่ควรทำ
    ด้าน พล.อ.อภิรัชต์ยืนยันว่า ไม่เคยนำภาษีประชาชนมาใช้เพื่อคุกคามประชาชนด้วยกันเอง เพราะทหารก็คือประชาชนเช่นกัน แต่ปฏิบัติการไอโอนั้นถูกนำมาใช้ในกรณีภัยคุกคามจากต่างประเทศ ส่วนงบประมาณที่ใช้ไม่ใช่งบประมาณด้านการข่าว แต่เป็นการใช้งบด้านสาธารณูปโภค เช่น การจ่ายค่าโทรศัพท์หรือค่าอินเทอร์เน็ต ส่วนการพูดถึงเรื่องรัฐธรรมนูญนั้น  ไม่ได้หวังให้เกิดความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะตนก็คือประชาชนคนหนึ่ง การดำเนินการทุกเรื่องพยายามให้มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เชื่อว่าวันนี้ทหารเข้าใจการเมือง แต่ประชาธิปไตยเสรีภาพต้องมีขอบเขตเช่นกัน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"