วันที่ 19 ส.ค. 2563 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา นายอานนท์ นำภา ทนายความและแกนนำคณะประชาชนปลดแอก เปิดเผยหลังเดินทางมาปฏิบัติงานว่าความคดีว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีบุคคลลักษณะเหมือนเจ้าหน้าที่รัฐแต่งกายนอกเครื่องแบบ ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจหรือทหาร ขี่รถจักรยานยนต์วนเวียน 2 คัน เฝ้าติดตามระหว่างตนมาว่าความในคดีปาระเบิดหน้าศาลอาญา ส่วนคดีที่ตนน่าจะถูกจับ คาดว่าเป็นเรื่องการชุมนุมที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ท้องที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี กับการชุมนุมเสกคาถาผู้พิทักษ์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้องที่ สน.ชนะสงคราม

นายอานนท์ กล่าวต่อไปว่า หากจะจับจริง ตนก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ถามว่าการจับกุมบริเวณศาลนั้น สมควรหรือไม่ อีกทั้งหากมีหมายเรียกแจ้งให้ตนไปรับทราบข้อกล่าวหาเองไม่ดีกว่าหรือ ทั้งนี้ตนได้ยื่นหนังสือคำร้องถึงอธิบดีศาลขอให้พิจารณาเพิกถอนหมายจับ หมายค้น และหมายยึดคอมพิวเตอร์ที่เป็นการละเมิดสิทธิของตน และขอให้ศาลดูแลความปลอดภัยไปแล้ว แต่ยังไม่มีการตอบรับกลับมา

ต่อมาเวลา 18.45 น. น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เข้ามาสังเกตการณ์ภายหลังทราบเรื่องดังกล่าว ระบุว่า หากทนายอานนท์ ถูกจับจริงก็จะดูว่าสามารถดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้อย่างไรบ้าง ที่ผ่านมา มีแกนนำการชุมนุมหลายคนถูกจับ แต่ก็มีคณาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมถึง ส.ส.หลายท่านที่คอยให้ความช่วยเหลือในการประกันตัว ทั้งนี้ ตนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดการจับกุมของเจ้าหน้าที่จึงใช้ชุดนอกเครื่องแบบ กรณีของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ก็ถูกชุดนอกเครื่องแบบจับกุมเช่นกัน

ล่าสุด เวลา 19.15น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวพร้อมหมายจับ ขอจับกุมนายอานนท์ ที่หน้าศาลอาญา ในข้อหายุยงปลุกปั่นตาม ป.อาญา ม.116 และข้อหาอื่น จากกรณีชุมนุมวันที่ 3 ส.ค. 2563 กิจกรรมเสกคาถาผู้พิทักษ์ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ท้องที่ สน.ชนะสงคราม และตำรวจได้ทำการควบคุมตัวขึ้นรถไป สน.ชนะสงคราม ต่อไป


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขั้นตอนปฏิบัติในกรณีที่จะมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่มาติดตามจับกุมตัวบุคคลตามหมายจับ ในบริเวณพื้นที่ศาลนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะต้องแจ้งประสานข้อมูล เพื่อขออนุญาตจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ผู้บริหารศาลเสียก่อน ซึ่งกรณีจับกุมนายอานนท์ 1.ไม่ปรากฏว่า มีการแจ้งประสานข้อมูลเพื่อขออนุญาตจับกุมบุคคลตามหมายจับในบริเวณศาล 2.เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการขออนุญาตก่อน จึงไม่อาจทำการจับกุมในบริเวณศาลได้ เป็นสาเหตุที่ทำให้นายอานนท์กับทีมทนายความต้องตั้งท่าดูสถานการณ์ในบริเวณศาลอยู่เป็นเวลากว่าชั่วโมง เกรงถูกตำรวจนอกเครื่องแบบที่สังเกตการณ์เข้าควบคุมตัว จนกระทั่งมีตำรวจในเครื่องแบบที่แสดงตัวเข้าเจรจา และตำรวจในเครื่องแบบที่ถือหมายจับเดินทางมาถึง นายอานนท์พร้อมทีมทนายความจึงเดินมารับทราบข้อหาตามหมายจับที่หน้าศาลอาญา