19 ส.ค. 2563 นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสลากฯ วาระเร่งด่วน เมื่อวันที่ 19 ส.ค.2563 เพื่อแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา พบว่าระยะนี้ สลากเริ่มมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะในตลาดขายส่ง ซึ่งพบว่ามีคนรับสลากในระบบจองซื้อไปขายต่อ และด้วยภาวะเศรษฐกิจทำให้ประชาชนสนใจขายสลาก มีผู้ค้าหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น มีความต้องการขายเกินกว่าจำนวนพิมพ์ที่ 100 ล้านฉบับต่องวด
ทั้งนี้ กองสลากไม่ได้นิ่งนอนใจปัญหาที่เกิดขึ้น และมุ่งมั่นจะแก้ปัญหาสลากเกินราคาให้มากที่สุด แต่การเพิ่มปริมาณสลากเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังและต้องมีการประเมินอย่างถี่ถ้วน มีสลากในตลาดมาเกินไปก็ไม่มีผลเชิงบวก แม้ความต้องการขายจะสูง แต่ความต้องการซื้อยังไม่มาก เห็นได้จากมีสลากเหลือในแผงอยู่บ้างช่วงก่อนออกรางวัล
ดังนั้น แนวทางการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาในระยะสั้น โดยเร็วที่สุด แต่ไม่ได้มีกรอบเวลา คณะกรรมการเห็นว่าควรมีการจัดระบบโควตา และซื้อ-จอง ให้ถี่ถ้วน โดยอาจจะมีการปรับโครงสร้าง กฎระเบียบใหม่ ซึ่งอาจจะกำหนดชัดเจนว่า ผู้ที่รับสลากไปต้องขายด้วยตนเองไม่ขายต่อ และขายในราคา 80 บาท แต่ให้ทำรายละเอียดที่ถี่ถ้วนชัดเจนก่อน
“คณะกรรมการสลาก สั่งการให้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนให้มากที่สุดเต็มที่ ทั้งจากกลุ่มที่ได้โควตา 33 ล้านฉบับ ในระบบซื้อจอง 67 ล้านฉบับ และ คนที่เข้าไม่ถึงโควตาจำหน่าย ว่าจะปรับโครงสร้างการกระจายสลากอย่างไร ผ่านเว็บไซต์ แอพลิเคชัน โฟกัสกรุ๊ป เปิดห้องประชุม และรับจดหมายเปิดผนึก” นายธนวรรธน์ กล่าว
ส่วนการแก้ไขสลากเกินราคาในระยะยาว จะต้องมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นการดำเนินการตามเจตนารมย์ของกฎหมาย และข้อเรียกร้องของประชาชน แต่ที่เป็นห่วงมากคือเรื่องผลกระทบต่ออาชีพของผู้ขายเดิม คนพิการ รวมถึงคนขายที่ยังไม่ได้เข้าถึงระบบโควตา จึงต้องศึกษาให้ชัดเจนผลกระทบ และเปิดกว้างให้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นก่อน จากจำนวนผู้ซื้อในระบบกว่า 20 ล้านคน และผู้ขายกว่า 2 แสนราย
ทั้งนี้ เห็นชอบให้ว่าจ้างสถาบันการศึกษามาศึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้างไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ขายรายเดิมและสังคมในทุกมิติและเป็นประโยชน์ต่อผู้ซื้อให้มากที่สุด แต่ไม่กระทบผู้ขาย และอยากเปิดช่องรับฟังความคิดเห็นจากผู้ขายเป็นสำคัญ ทั้งผู้ขายเดิม ผู้ขายใหม่ ผู้ขายที่มีหรือไม่มีโควตา จะได้เข้าสู่กระบวนการว่าเราจะจัดสรรอย่างไร
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า กองสลาก ยอมรับว่าดำเนินการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคามาหลายระยะ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะตลาดปรับตัวไปกับนโยบาย ทั้งจากการเพิ่มจำนวนสลากให้พอเพียง ตั้งแต่ปี 2557 เพื่อให้ครอบคลุมคนขายกว่า 1.4 แสนคน ก็ถูกนำไปรวมชุดจำหน่าย คนรับสลากไปขายช่วงต่อทันที อีกทั้งมีข่าวคนถูกรางวัลสลากชุดมากขึ้น ตลาดก็ตอบรับกับสลากรวมชุดมากขึ้นด้วย
สำหรับกรณีสลากรวมชุดที่มีการจำหน่ายในตลาด เกิดจากบางคนพร้อมจ่ายเพราะแม้ว่าราคาแพง แต่ก็ทำให้คนซื้อประหยัดต้นทุนในการตามหาสลากชุด ทำให้เกิดเป็นความต้องการ ทำให้โครงสร้างของสลากใบของสำนักงาน ฯ กลายเป็นสลากชุด
ขณะเดียวกัน แม้ว่าสำนักงานกำหนดราคาใบละ80 บาท แต่ในความเป็นจริง มันเหมือนทะเบียนรถยนต์ที่เลขสวย ก็จะเหมือนการประมูลทะเบียนรถ ทำให้เกิดการคล้าย ๆ การประมูลเลขสลากเหมือนกัน และตัวเลขสวยๆ แต่ละงวดก็ไม่เหมือนกันและโครงสร้างเหล่านี้ถูกปลูกฝังมาเป็นเวลานาน การรื้อโครงสร้างไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าพูดแบบธุรกิจมันทำได้ยาก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องของการกึ่งเสี่ยงโชคที่มีผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจเยอะ
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |