สัประยุทธ์ 'สงครามไซเบอร์'


เพิ่มเพื่อน    

    ต้องเข้าใจกันไว้ด้วย

            in trend.........

            ของ "นิสิต-นักศึกษา" วันนี้

            ต้องหยามชาติ-หยามสถาบัน, ต้องแหกทุกกฎสังคมและมหา'ลัย, ต้องให้พ่อแม่อยู่ในโอวาทลูก, ต้องทำให้ครู-อาจารย์กราบตีนศิษย์

            คนรุ่นใหม่ "นิสิต-นักศึกษา-นักเรียน" ต้องการแบบไหน ต้องเป็นแบบนั้น

            ต้องให้ ตุ๊ด, แต๋ว, กะเทย พวกสับสนทางเพศ บวชได้

            ต้องเลิกระบบบุญคุณในความเป็นลูก, เป็นศิษย์, เป็นประชาชน ที่ต้องเคารพ-เทิดทูน

            ทุกคนต้องเท่าเทียมกันตามหลัก "เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ" ตาม "สามสัส" บอก

            และต้องเปลี่ยนประเทศเป็นระบบ "ประธานาธิบดี" เหมือนยุโรป, สหรัฐฯ

            อย่างที่ "พิธา-ชัยธวัช" ร่างทรง "ธนาธร-ปิยบุตร" พรรคก้าวไกล ตีรุกในแนวรบสภา

            ต้องแก้รัฐธรรมนูญ หมวด ๑ ที่ว่าด้วย........

            "ไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้"

            "ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" เป็นต้น

            และหมวด ๒ ว่าด้วยพระมหากษัตริย์.......

            "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้" เป็นต้น

            นี่...

            ๒ หมวดนี้ "พรรคตัวแทน" ธนาธร-ปิยบุตร ยื่นคำขาด ต้อง "โละทิ้ง-เขียนใหม่" สถานเดียว

            New Normal มิติ "นิสิต-นักศึกษา" หัวใหม่ ตามประเด็นเหล่านี้

            ตอนนี้ กำลัง in trend

            ลามในหมู่นักเรียนระดับ "ประถม-มัธยม" ไปเกือบทั่วประเทศแล้ว!

            ถามว่า น่ากลัวมั้ย?

            น่ากลัวซี ไม่กลัวเด็กวันนี้ แล้วจะไปกลัววันไหนล่ะ!

            แล้วจะทำไง?

            ก็ไม่ต้องทำยังไง คนไหนใคร่ชู-ชู คนไหนใคร่ติดโบขาว-ติด ตามดูวิวัฒนาการทางเซลล์สมองเด็กไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปห้ามหรือสนับสนุน

            ข้อสำคัญ ถ้ามีการกระทำก้าวข้ามเส้นแบ่ง จากกฎโรงเรียนไปถึงกฎหมาย ต้องเป็นไปตามกฎหมาย จะอ้างเด็ก-อ้างผู้ใหญ่ ไม่ได้

            มันจะผิดหลักการ "เสมอภาค" ตามที่เรียกร้องกันน่ะ

            แล้วจะปล่อยไปอย่างนี้น่ะหรือ?

            ก็บอกแล้ว มันไม่เกี่ยวกับปล่อย-ไม่ปล่อย แต่มันเกี่ยวตรงว่า เราต้องแยกให้ออก ว่าการกระทำของเด็กนั้น

            ผิดกฎหมาย หรือ แค่ผิดใจเรา?

            จะไปทำอะไรเด็ก ในยุคที่ "ครู-อาจารย์" ต้องกราบเด็กในฐานะผู้มีพระคุณให้มีงาน มีเงินเดือนเลี้ยงชีพ

            ยิ่งไปดุ ด่า ว่ากล่าว หรือเฆี่ยนตี เป็นเจอข้อหาละเมิดสิทธิฯ ทำร้ายร่างกาย ไปถึงขั้น ครูหมิ่นประมาทลูกศิษย์

            ครู-อาจารย์ เนรคุณลูกศิษย์ ไม่เจริญ ถ้าไม่เชื่อ ไปถามเฒ่านิธิดูก็ได้!

            อยากจะบอกว่า ถ้าต้องการให้ "นิสิต-นักศึกษา-นักเรียน" หยุดการกระทำตามที่ปรากฏขณะนี้

            "ไม่ยาก"

            แต่ไม่ใช่ไปห้าม ไปปิดกั้น ไปพูดจาตีราคาการกระทำของเหล่าอภิชาตบุตรให้ต่ำ หรือไปจับกุม

            ก็บอกแล้ว มันเป็นเทรนด์ที่กำลังมา เหมือนของที่ต้องมี ใครไม่มีเชยแหลก อายถึงขั้นปีนเสาแรงสูงหลบหน้าเพื่อนฝูงเลยทีเดียว

            "นิสิต-นักศึกษา-นักเรียน" เป็นแค่ตัวปลายเหตุ คลั่งไปตามกระแสชั่วคราว ไม่ถึงขั้น "เข้าเส้นเลือด"

            ถ้าจะให้หยุด

            ต้องไปหยุดที่ตัวต้นเหตุ!

            คือเรื่องนี้ คณะสามสัส "สร้างสตอรี" เขียนบท-กำกับบทไม่ต่างการทำโฆษณาสินค้าตัวหนึ่ง ใช้ช่องทางสื่อออนไลน์และสื่อโทรทัศน์ เป็นเครื่องมือทำการตลาด

            ที่อินเทรนด์ ขึ้นมา ตามกลุ่มเป้าหมายหลัก คือกลุ่มคนในแวดวงศึกษา ตั้งแต่ระดับอุดมศึกษาถึงระดับประถม-มัธยม อันเป็นกลุ่ม "คนรุ่นใหม่"

            นั่นเพราะ แก๊งสามสัส "อ่านขาด" ว่า.....

            เมื่อปล่อยธีมนี้ออกไปผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและปลุกกระแสต่อเนื่อง ผ่าน โซเชียล เน็ตเวิร์ก  ทั้งเฟซบุ๊ก สไกป์ อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ แล้ว

            กระแสขึ้นแน่!

            เพราะการ "ปั่นแฮชแท็ก" กระจายได้วงกว้าง ครอบคลุมทั่วโลก เข้าถึงเร็ว มีอิทธิพลครอบงำคนจิตเขลาได้ง่าย ได้ผลชะงัด

            "สามสัส" ให้น้ำหนักหน่วยปฏิบัติการ "ปั่นแฮชแท็ก" มาก แต่ละเดือนใช้เป็นล้านๆ บาทเฉพาะซื้อซิมการ์ด เพื่อปั่นแฮชแท็กในแต่ละวัน

            นับเป็นการทำสงครามไซเบอร์ที่ได้ผลคุ้มค่ากับการลงทุนทีเดียว!

            การใช้โซเชียล เน็ตเวิร์ก อย่างมีประสิทธิภาพเช่นนี้แหละ ยุทธศาสตร์การรบของแก๊งสามสัส จึงไม่ผิดแผน

            แผนของเขา คือ......

            ยืมมือ "สื่อโทรทัศน์" ช่วยขยายเชื้อชั่วให้กระจายออกไปยังคนอีกกลุ่มหนึ่งนอกสังคมเครือข่ายออนไลน์ให้ซึมซับรับรู้ สิ่งที่พวกเขา "พูด-คิด-ทำ" คว่ำฟ้า เปลี่ยนประเทศ

            ซึ่งก็สำเร็จ

            "สื่อโทรทัศน์" ตกเป็นเครื่องมือล่มชาติ-ล่มสถาบันให้ "เต็มใจ" โดยไม่รู้ตัว หรือ รู้ทั้งรู้ แต่ทำเป็นไม่รู้

            อ้างว่า "ก็มันเป็นข่าว"

            วันๆ ก็คอยจ้อง วันนี้ แก๊งสามสัสปั่นแฮชแท็กด้วยหัวข้ออะไร มีปฏิบัติการอะไร ก็เอามากระจายต่อให้พวกที่ไม่รู้ ได้รู้-ขยายกว้างออกไป ทำนองเป็นเดือดเป็นแค้น ต้องลากไส้มัน

            ยิ่งเข้าทางไปใหญ่.......

            เรียกว่า "สื่อโทรทัศน์" เป็นตัวช่วยเผยแพร่-ขยายผลปฏิบัติการล่มชาติ-ล่มสถาบันอย่างแข็งขันทุกวัน วันละหลายๆ รอบ

            เรื่องราว-ข่าว-ภาพ บนการเคลื่อนไหว กระทั่งชูป้ายขายหอย เหยียบย่ำเบื้องสูง ทำแล้วได้ออกโทรทัศน์ทุกวัน

            นิสิต-นักศึกษา นักเรียน ผู้มีบทบาทตามภาพในจอโทรทัศน์ ในคิดมุมกลับ มันโก้ มันเด่น มันดัง

            ทำดีแทบตาย เก็บขยะหน้าโรงเรียน เคารพธงชาติทุกวัน ไม่เคยเป็นข่าว มีภาพ มีเรื่อง มีชื่อปรากฏทางโทรทัศน์

            ชู ๓ นิ้ว หน่อยเดียว ดังทะลุโลก ได้ออกโทรทัศน์, ออกโซเชียล เป็นข่าวหมุนเวียน ๒๔ ชั่วโมง

            มันก็นิยาม "สังคมจิตวิทยา" เลียนแบบ ซึ่งไม่ต่างกัน ทำระยำแล้วดังระยับ ใครก็อยากระยับตามบ้าง

            เหมือนพวกฆาตกรฆ่าข่มขืน พวกปล้นหรือพวกฆ่าโหด เช่นที่ลพบุรี ที่โคราช ทำชั่วได้เป็นพระเอกทะลุจอ โทรทัศน์ตามถ่ายออกเผยแพร่ทุกช็อต

            แบบนี้แหละ.........

            เมื่อรุ่นเดอะ "นิสิต-นักศึกษา" เป็นต้นแบบ "ทรยศ-กบฏชาติ" แล้วดังเปรี้ยง

            ภาพจากสื่อจึงเป็นทั้งตัวปลุกเร้าและตัวกระตุ้นให้รุ่นเด็กนักเรียนเคลิ้มคล้อย เครือข่ายสามสัสส่งสัญญาณให้ทำอะไร-แบบไหน-ตอนไหน

            จึงพรึ่บ ตามเทรนด์!

            ซึ่งก็ได้ดังสมใจ เข้าพวก-เข้าหมู่ ตีคู่รุ่นพี่ในมหา'ลัย โก้จังตามนึกคิดประสาวัยรุ่น

            "สื่อโทรทัศน์-สื่อออนไลน์" นี่แหละ ถึงไม่ใช่ตัวการ-ตัวต้นเหตุ

            แต่ถือเป็นสื่อ "ตัวกลาง" ขยายเรื่อง-ขยายประเด็นสร้างเป็นกระแสเป็นเทรนด์ให้ชื่นชม เกิดอุปาทานหมู่เพื่อทำตาม

            ห้ามนิสิต-นักศึกษา-นักเรียน "ไม่ให้ทำ" ห้ามได้ แต่เขาจะไม่ฟัง

            เพราะที่เขาทำ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล แต่ตะแบงทำ ด้วย "พอใจที่จะทำ-ที่จะเป็น" อย่างนั้น        

            ตามแรงหว่านล้อม-ชักจูง ที่คณะสามสัส ยึดนักศึกษา-นักเรียน เป็นเครื่องมือสู่เป้าหมาย "ล้มเจ้า-ล้มประเทศ" ตามออร์เดอร์ขบวนการนอกชาติ ที่สามสัสสืบสานเป็นสิบปีมาแล้ว

            พวกเขาจะเปลี่ยน "กลยุทธ์กวนตีน" ด้วยรูปแบบทางการตลาดไปเรื่อยๆ จะไม่แช่จำเจอยู่แค่ ๓ นิ้ว  โบขาว แค่นี้หรอก ในการศึก เมื่อยังตัดหัวตัวแม่ทัพไม่ได้ ก็ต้องหาทางตัดกำลังการเดินทัพให้ได้ก่อน

            กรณีนี้เช่นกัน......

            รัฐบาล จะปล่อยให้แก๊งสามสัสใช้การปั่นแฮชแท็ก สร้างข้อมูลเท็จปล่อยตาม "เครือข่ายอินเทอร์เน็ต-โซเชียล เน็ตเวิร์ก" ครองประเทศอย่างนี้ไม่ได้

            จริงอยู่ เราไม่มีอำนาจไปจัดการกับเฟซบุ๊กและโซเชียล เน็ตเวิร์ก เครือข่ายเขาได้โดยตรง

            แต่ลำพัง "เฟซบุ๊ก" โดดๆ ไม่มีผลอะไร เพราะทุกข้อมูล ทั้งภาพ ทั้งข้อความ ทั้งเอกสารซอฟต์แวร์ ต้องส่งผ่าน CDN ทั้งนั้น

            CDN คือระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เชื่อมต่อกัน ผ่านอินเทอร์เน็ต ทำหน้าที่ส่งข้อมูลไปถึงผู้รับปลายทาง

            ............"ให้เร็วที่สุด"!

            ผมได้ยินอ้างกันประจำ ไปสั่งเฟซบุ๊กให้เขาทำโน่น-ทำนี่ไม่ได้

            ไม่ต้องไปสั่งเฟซบุ๊กเขาหรอก

            นายกฯ ให้กระทรวงดิจิทัล หรือไม่ก็บอก กสทช.ให้ไปบอก เอไอเอส, ดีแทค, ทรู เขาหน่อย

            รวยน้อยๆ แต่รวยนานๆ ได้ ไม่ต้องรวยแบบปันใจให้โจรอำนวยความสะดวก "ปั่นแฮชแท็ก" ไวยิ่งกว่าสายฟ้าแลบก็ได้!

            เพราะฮาร์ดแวร์ของพวกเขา ก็วางไว้ที่ค่ายมือถือเหล่านี้แหละ ถ้ารัฐบาลต้องการหยุดเฟซบุ๊ก เรียกค่ายมือถือมาคุย

            แล้วดูซิ พวกเขาจะตอบ "เพื่อชาติ" ว่าอย่างไร?

                สังคมเปลี่ยนยุค..........

                จะล้มคว่ำคะมำหงายหรือไม่ ยุคนี้-พ.ศ.นี้ หัวใจอยู่ที่ "สงครามไซเบอร์" โดยตรง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"