ททท.หนุนพาเด็กเรียนรู้นอกห้อง ท่องชุมชนภาคกลาง 


เพิ่มเพื่อน    

ฝอยทอง หนึ่งในขนมมงคลของไทย

 

การเดินทางท่องเที่ยวนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นการทำให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เท่านั้น แต่สำหรับกลุ่มเด็กและเยาวชน การเดินทางคือการเรียนรู้ที่ทำให้น้องๆ ได้เห็นภาพจริงๆ จากสิ่งที่เคยได้อ่าน ได้สัมผัส ได้รับฟังเรื่องราวและได้ลงมือทำ ทำให้เกิดความเข้าใจและจดจำได้ มีความสนุก เพลิดเพลิน และมีความสนใจมากกว่าการนั่งเรียนในห้องเรียนธรรมดา

ด้วยเหตุนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงสนับสนุนให้มีการจัดโครงการ “เรียนนอกห้อง ท่องชุมชน” ซึ่งเป็นโครงการที่ต่อยอดมาจากแนวคิด Community Based Tourism อันเป็นการท่องเที่ยวที่คำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม สังคม และวัฒนธรรมของชุมชนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แก่ผู้มาเยือน โดยกิจกรรมต่างๆ จะถูกกำหนดทิศทางจากชาวชุมชน มีความสอดคล้องและสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของชาวชุมชน ใช้วัตถุดิบหรือผลผลิตในชุมชน และเสนอเรื่องราวงานประเพณีพื้นถิ่นของชุมชน เป็นต้น ทำให้ชุมชนมีบทบาทความเป็นเจ้าของในการจัดการดูแล เกิดความยั่งยืนในการสืบสานกิจกรรมต่อ

 

ขนมไทยมงคลที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้จากการเข้าร่วมกิจกรรม

 

สำหรับปีนี้ โครงการได้คัดเลือก 5 ชุมชนภาคกลางนำร่อง เพื่อร่วมออกแบบ การจัดกิจกรรมเวิร์กช็อปสำหรับเด็กอายุ 3 -10 ปี ภายใต้แนวคิด “เล่นสนุก เรียนกระชับ ลงมือทำจริง” ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดกลุ่มครอบครัวที่มีความใส่ใจและต้องการใช้เวลาร่วมกับลูก และเกิดประโยชน์ทางความคิดสร้างสรรค์ให้กับสมาชิก

นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า โครงการ “เรียนนอกห้อง ท่องชุมชน” มีวัตถุประสงค์ที่จะผลักดันให้การท่องเที่ยวชุมชนเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมพัฒนาการด้านการเรียนรู้ของเด็กผ่านประสบการณ์การทำกิจกรรม (Workshop) ภายในแหล่งท่องเที่ยวชุมชน 5 ชุมชนภาคกลาง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันดีงาม และเสริมศักยภาพด้านสังคม อาทิ ทักษะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น การพัฒนาความแข็งแรงทางด้านร่างกายและจิตใจ 

 

กลุ่มครอบครัวให้ความสนใจกับการเปิดกิจกรรม

   

ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลางกล่าวต่อว่า ททท.ตระหนักถึงความสำคัญของสถาบันครอบครัวซึ่งเป็นสถาบันพื้นฐานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง การเดินทางท่องเที่ยวเป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวผ่านการใช้เวลาร่วมกัน และเป็นการกระตุ้นรายได้ให้หมุนเวียนภายในชุมชน อันจะนำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ช่วงเวลาวัยเด็กของลูกเป็นช่วงสำคัญ การที่ผู้ปกครองและลูกได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีคุณภาพนับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และถือเป็นอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญที่ไม่ควรละเลย งานวิจัยหลายเรื่องชี้ชัดว่าเด็กที่มีผู้ปกครองใส่ใจ และใช้เวลาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้เด็กเป็นผู้ที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ มีความกล้าหาญ ไม่ขลาดกลัว มีความเชื่อมั่นในตนเอง รักการผจญภัย ชอบที่จะออกไปค้นหาและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และเมื่อโตขึ้นจะมีทักษะทางสังคมที่ดีกว่าเด็กที่ผู้ปกครองไม่ค่อยได้ใช้เวลาร่วมกัน ด้วยเหตุนี้การมีกิจกรรมที่สนุกสนาน พร้อมได้ออกไปท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์ จะเป็นตัวกลางให้ครอบครัวได้มีโอกาสใช้เวลาร่วมกัน เพื่อบ่มเพาะความทรงจำและช่วงเวลาดีๆ ให้ลูกมีภูมิคุ้มกันทางจิตใจ พร้อมเติบโตไปเป็นเด็กที่มีคุณภาพ

 

พิธีเปิดตัวโครงการ “เรียนนอกห้อง ท่องชุมชน”

 

สำหรับครอบครัวที่สนใจสามารถเช็กตารางเวลา และสำรองที่นั่งการร่วมทำกิจกรรม Workshop ได้ทาง www.classcandy.net โดยค่าใช้จ่ายสำหรับ Workshop อยู่ในราคา 300-500 บาทต่อท่านเท่านั้น ส่วนครอบครัวที่ต้องการห้องพักสามารถจองห้องพักราคาพิเศษได้ที่ www.traveligo.com/outingnlearning พิเศษสำหรับทุกครอบครัวที่จอง Workshop ในโครงการตั้งแต่วันนี้-30 กันยายน 2563 จะได้รับ Voucher จากศูนย์บริการรถยนต์ครบวงจรค็อกพิท (Cockpit) ในการตรวจสภาพรถฟรีทันทีทุกสาขา
     

สำหรับผู้สนใจสามารถขอข้อมูลเพิ่มเติมโครงการได้ที่ www.เรียนนอกห้องท่องชุมชน.com
    

สำหรับ 5 ชุมชนพื้นที่ภาคกลางที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นชุมชนนำร่องตามโครงการนี้ ได้แก่

1.หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โฮมสเตย์ไทรน้อย จ.อยุธยา เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้เข้ามาเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของขนมทองเอกและขนมเสน่ห์จันทร์ ถือเป็นขนมไทยมงคลที่น้อยคนจะรู้จัก รวมทั้งได้ลงมือทำจริง ซึ่งน้องๆ จะได้รับทั้งความรู้และความสนุกสนาน รวมทั้งได้เรียนรู้ถึงวิถีชีวิตของชุมชนอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

    

น้องๆ ที่มาเข้าร่วมกิจกรรมที่ศูนย์อนุรักษ์ว่าวไทย ต.ถ้ำรงค์ จ.เพชรบุรี

   

2.วิสาหกิจท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลถ้ำรงค์ จ.เพชรบุรี เปิดโอกาสให้ครอบครัวเข้ามาเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับว่าวไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ เป็นทั้งการละเล่นและการสืบสานงานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านที่หาดูได้ยาก เด็กๆ จะได้ลงมือทำว่าวจุฬาจิ๋วและตกแต่งด้วยตนเอง พร้อมนำไปเล่นได้จริง ซึ่งจะช่วยให้น้องๆ มีประสบการณ์และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และใช้เวลาอันมีค่าร่วมกันในครอบครัว โดยกิจกรรมเด่นที่ไม่ควรพลาดคือทำ “ว่าวจุฬา” ซึ่งเป็นการละเล่นไทยและศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านที่หาชมได้ยาก

รู้เรื่องมะพร้าวที่วิสาหกิจชุมชนเพียรหยดตาล ชุมชนนางตะเคียน จังหวัดสมุทรสงคราม

   

3.วิสาหกิจชุมชนเพียรหยดตาล ชุมชนนางตะเคียน จ.สมุทรสงคราม เกิดจากเกษตรกรกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันเพื่อสืบสานภูมิปัญญาดั้งเดิม พร้อมเผยแพร่ความรู้ให้เด็กๆ ได้รู้จัก เรียนรู้ และเห็นคุณค่าของน้ำตาลมะพร้าวที่นำมาประกอบอาหารได้ทั้งอาหารคาวและขนมหวานหลากหลายชนิด 

 

กิจกรรมสาธิตการกวนน้ำตาล

     

เด็กๆ จะได้เรียนรู้เรื่องราวเส้นทางน้ำตาลมะพร้าว ตั้งแต่การปลูกต้นมะพร้าว จนมาถึงกรรมวิธีการทำน้ำตาลออร์แกนิก ได้ลองชิมน้ำตาลมะพร้าวที่ทำสดใหม่ออกมาจากเตา และได้ลงมือหยอดน้ำตาลลงแป้นพิมพ์ เพื่อสร้างสรรค์จินตนาการแบบไม่รู้จบ และยังเป็นการเรียนรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่กำลังจะเลือนหายไปตามกาลเวลา

 

กิจกรรมสาธิตการกวนน้ำตาล

   

4.ชุมชนนิเวศน์สันติวนา กรุงเทพมหานคร มุ่งส่งเสริมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติ รวมถึงการปลูกพืชผักที่ปราศจากสารเคมี มีการพาเด็กๆ สำรวจรอบๆ แปลงผักออร์แกนิก ทำความรู้จักกับเมล็ดพันธุ์พืชและการเพาะต้นกล้า รู้จักปุ๋ยอินทรีย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในแปลงผัก เรียนรู้และเข้าใจเรื่องผักปลอดสารพิษว่าดีต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อมอย่างไร ได้ลงมือเตรียมดินด้วยตนเอง ปลูกต้นกล้าด้วยตนเอง พร้อมฝึกปลูกต้นไม้ในกระถางเล็กๆ เพื่อนำกลับไปดูแลและเรียนรู้ต่อที่บ้าน

 

การสาธิตขั้นตอนผลิตดินสอพองตั้งแต่เริ่มต้น

     

5.กลุ่มพัฒนาอาชีพทำดินสอพอง ชุมชนหินสองก้อน จ.ลพบุรี สร้างโอกาสให้เด็กๆ รู้จัก “ดินสอพอง” ที่หลายคนยังสงสัยว่าคืออะไร เพราะส่วนใหญ่เราจะรู้จักดินสอพองแค่ในช่วงวันสงกรานต์ ที่มักนำมาใช้ผสมน้ำอบ ทาหน้าให้ขาว ใช้สรงน้ำพระ รวมทั้งใช้ประเพื่อนๆ สร้างความสนุกสนานได้ดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าดินสอพองเป็นทั้งสมุนไพรตำรับยาแผนโบราณ ใช้แก้ความร้อน แก้อักเสบ รักษาผดผื่นคัน ขจัดสิวเสี้ยน ลดอาการปวดบวม ขับสารพิษ และอีกหลากหลายสรรพคุณ และยังสามารถนำไปพอกไข่ในกระบวนการผลิตไข่เค็มได้อีกด้วย 

 

ดินสอพอง กลุ่มพัฒนาอาชีพทำดินสอพอง ชุมชนหินสองก้อน จ.ลพบุรี

     

ทั้งนี้ กลุ่มพัฒนาอาชีพทำดินสอพอง จังหวัดลพบุรี จะสอนให้เด็กๆ ได้เรียนรู้เรื่องราวความเป็นมาของดินสอพอง ชมการสาธิตการทำดินสอพอง ได้ลงมือลองบีบก้อนดินสอพองด้วยตนเอง และได้สนุกกับการทำไข่เค็มดินสอพอง เพื่อนำกลับไปรับประทานที่บ้านอีกด้วย   
     

ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง ททท.กล่าวว่า มั่นใจว่าสมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะเด็กๆ จะได้เดินทางออกจากบ้านไปเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องเรียน ที่จะช่วยให้ได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งยังได้สัมผัสกับเรื่องราวของชุมชนและสิ่งแวดล้อม ได้ใช้เวลาว่างกับครอบครัว และได้กระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืนอีกด้วย  
     

สำหรับครอบครัวและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่ทั้ง 5 ชุมชน สามารถติดต่อได้ที่ คุณมัลลิกา ผลอนันต์ (เก๋) โทร.09-5291-9656 Line OA : @outingnlearning  
     

ส่วนผู้ที่ต้องการดูรายละเอียดโครงการเพิ่มเติม เข้าไปดูได้ที่ www.เรียนนอกห้อง ท่องชุมชน.com.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"