"มทภ.4" สั่งหน่วยความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนใต้และ 4 อำเภอ จ.สงขลา เพิ่มมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด หลังเหตุปะทะเดือดวิสามัญ 7 ศพ จ.ปัตตานี หวั่นกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบแก้แค้น กำชับกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวทุกหมู่บ้าน
ความคืบหน้าสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ หลังเกิดเหตุปะทะพื้นที่ป่าละเมาะในหมู่บ้านบือแนจือแล ม.2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 3 นาย และกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิต 7 รายนั้น
เมื่อวันที่ 17 ส.ค.63 พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้แจ้งเตือนหน่วยความมั่นคงใน 3 จังหวัดและ 4 อำเภอใน จ.สงขลา เพิ่มมาตรการป้องกันขั้นสูงสุด และแจ้งเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายให้สนธิกำลังทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ระดมกำลังเพิ่มมาตรการเข้มงวดตรวจค้นยานพาหนะทุกชนิดที่ผ่านเข้าออกจุดตรวจต่างๆ และให้เพิ่มความเข้มงวดเส้นทางเข้าเมืองปัตตานี 4 มุมเมืองเป็นหลัก รวมทั้งตั้งจุดตรวจรอง จุดตรวจสกัดเฉพาะกิจเสริมอีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ กำชับให้วางกำลังจุดตรวจร่วมตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ตามแยกต่างๆ โดยด่านตรวจค้นต่างๆ ในจังหวัดปัตตานีให้ตรวจสอบข้อมูลของบุคคลที่เดินทางเข้าสู่จังหวัดปัตตานีอย่างเข้มงวด รวมทั้งออกตรวจตามบ้านต่างๆ บริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าว เพื่อป้องกันการลอบเข้ามาก่อเหตุหวังตอบโต้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งได้มีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะตลอดสัปดาห์นี้ที่มีการปะทะอย่างต่อเนื่อง
"คำสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังเป็นพิเศษตลอดสัปดาห์นี้ หลังเกิดเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะมีแหล่งข่าวแจ้งว่ากลุ่มคนร้ายมีการเคลื่อนไหวในการที่จะสร้างสถานการณ์เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ" แหล่งข่าวกล่าว
ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี อ.เมืองปัตตานี พล.ท.พรศักดิ์พร้อมด้วย พล.ต. เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เดินทางมาพบปะกำนันผู้ใหญ่บ้านเพื่อสร้างความเข้าใจ หลังเกิดเหตุปะทะที่บ้านกอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี คนร้ายถูกวิสามัญ 7 ราย และเน้นย้ำผู้นำท้องถิ่นว่าหัวใจสำคัญที่จะร่วมกันสร้างสันติสุข คือต้องดูแลปกป้องพี่น้องประชาชนให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในชีวิต โดยมีนายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พล.ต.ปิยพงษ์ วงศ์จันทร์ ผบ.ฉก.ปัตตานี นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่จังหวัดปัตตานีและ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาร่วมประชุมกว่า 500 คน
พล.ท.พรศักดิ์กล่าวว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ทำให้สถานการณ์การเข้าพิสูจน์ทราบและบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่หมู่ที่ 2 ตำบลกอลำ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานีคลี่คลาย วันนี้ตั้งใจมาพบกับกำนันและผู้ใหญ่บ้าน เพื่อพูดคุยสร้างความเข้าใจในการร่วมกันสร้างสันติสุข ดูแลปกป้องพี่น้องประชาชน เพราะทุกคนเป็นหัวใจสำคัญในการดูแลพื้นที่
แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า การแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การใช้ความรุนแรงไม่ก่อให้เกิดความสันติสุข การพูดคุยเพื่อสันติสุขผ่านสภาสันติสุขตำบลเท่านั้นที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน แต่สำหรับกลุ่มที่ยังคงก่อเหตุกระทำผิดกฎหมาย ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมไปถึงผู้ที่ให้การช่วยเหลือหรือให้ที่พักพิงผู้ก่อเหตุรุนแรงด้วย
"ถ้ายังมีความเคลื่อนไหวอยู่ในหมู่บ้านจะต้องมีการสอบสวน ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เพื่อดูแลพื้นที่ สร้างความปลอดภัยให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ทั้งนี้ที่ผ่านมาต้องขอบคุณกำนันผู้ใหญ่บ้านที่ช่วยดูแลประชาชน ทั้งเรื่องโควิดและเรื่องสถานการณ์ความไม่สงบ การดูแลรักษาป่าไม้ รวมถึงปัญหายาเสพติด แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีอีกส่วนน้อย 1-2 เปอร์เซ็นต์ที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการสูญเสีย ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขเอาน้ำดีไล่น้ำเลวให้ได้ อยากให้กำนันผู้ใหญ่บ้านช่วยกันดูแลอย่างต่อเนื่อง ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ให้เกิดความมั่นใจ ไว้ใจ และเชื่อมั่น เพื่อร่วมกันสร้างความปลอดภัยและสร้างสันติสุขให้แก่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
พล.ท.พรศักดิ์กล่าวว่า ถ้าพื้นที่ปลอดเหตุประชาชนปลอดภัย ความสันติสุขก็จะตามมา และหากพบเห็นสิ่งปกติ บุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่รับผิดชอบของตน ขอให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ หรือแจ้งไปยังหมายเลขโทรศัพท์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่ยังเข้าควบคุมพื้นที่หมู่บ้านบือแนจือแล ม.2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี โดยวางกำลังกระชับวงล้อมเข้าพื้นที่ตามยุทธวิธี เน้นตรวจค้นตามจุดต่างๆ รอบพื้นที่เกิดเหตุในรัศมี 1-5 กิโลเมตร เพื่อตรวจค้นและหาหลักฐานอย่างละเอียด ให้มั่นใจว่าในพื้นที่จุดปะทะไม่มีคนร้ายหลบซ่อนอยู่อีก หรือจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่าพื้นที่ดังกล่าวปลอดภัยแล้วจึงจะถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออกได้
ขณะที่เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำ 2 ศพสุดท้ายจากเหตุปะทะที่ไม่ทราบชื่อส่งโรงพยาบาลปัตตานี โดยมีญาติเดินทางมาติดต่อเพื่อยืนยันศพ ซึ่งหนึ่งในญาติที่มาแสดงตัวระบุว่าต้องการมาติดต่อรับศพของนายลุดฟี บาเหะ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 87/1 ม.2 ต.กอลำ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และนายอิสมาแอ แลแร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 ม.3 ต.คลองมานิง อ.เมืองปัตตานี ซึ่งเชื่อว่าทั้ง 2 ศพที่ส่งมาที่โรงพยาบาลน่าจะเป็นญาติของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ญาติที่มารับศพทั้งสองระบุว่าการยืนยันศพนั้นลำบากมาก เนื่องจากศพมีสภาพที่บวมยากต่อการจำได้ อีกทั้งไม่ได้เจอมาหลายปีแล้ว แต่โชคดีที่มีบางจุดทำให้จำได้ว่าเป็นศพญาติตนจริงๆ โดยตำรวจ สภ.โสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้ให้ญาติเซ็นชื่อรับศพนำกลับไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |