ในเวลานี้คนในวงการทีวีดิจิตอล ต่างก็ใจจดใจจ่อกับการตัดสินของศาลปกครองสูงสุด เกี่ยวกับกรณีที่สำนักงาน กสทช.ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ ลงวันที่ 23 ก.ย.2558 (ประกาศเรียงช่อง) ซึ่งในวันที่ 25 ส.ค. ศาลเตรียมนัดไต่สวนนัดแรก
เนื่องจากประเด็นนี้มีความอ่อนไหวต่อการประกอบธุรกิจทีวีอย่างมาก ซึ่งหลังจากศาลปกครองกลางได้ตัดสินชี้ขาดให้เพิกถอนประกาศเรียงช่องไปตั้งแต่ 13 ก.ย.2562 จนถึงปัจจุบันทางสำนักงานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ก็ยังไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวใดๆ กับเรื่องนี้
ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ต้องเชิญตัวแทนมาแถลงจุดยืนเกี่ยวกับเรื่องนี้ด่วน โดยเฉพาะการยื่นคำขาดให้กับ กสทช.ในฐานะผู้กำกับดูแลทีวีดิจิตอล
โดย นายสุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมฯ พร้อมสมาชิกจำนวน 15 สถานีได้ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ ใน 3 ประเด็น คือ 1.เรียกร้องต่อคณะกรรมการ กสทช. เร่งประชุมเพื่อออกประกาศเรียงช่อง หรือแสดงท่าทีว่าจะดูแลเรื่องการเรียงช่องที่ชัดเจน จุดยืนข้อที่ 2 ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีระบบดิจิตอล ทำให้ไม่มีผู้เสียหายจากการเรียงช่อง มีแต่ผู้แสวงประโยชน์จากการยกเลิก "ประกาศเรียงช่อง" ดังนั้นเรื่องที่มีการฟ้องร้องจึงนับเป็นเรื่องไม่ชอบธรรม และข้อที่ 3 หาก กสทช.มีการดำเนินการล่าช้า สมาคมฯ ก็จะยื่นฟ้องที่ทำให้เกิดความเสียหายไม่เป็นไปตามข้อตกลงตั้งแต่เริ่มต้นประมูล
"หากศาลยืนคำพิพากษา จะก่อให้เกิดสุญญากาศสำหรับผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลทันที ลำดับช่องรายการไม่เป็นไปตามเดิม ผู้ชมสับสน หาช่องเดิมไม่เจอ เป็นโอกาสของเทคโนโลยีการรับชมใหม่ทางออนไลน์อย่าง OTT ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยี 5G จะเกิดความเสียหายมหาศาลเกินกว่าจะเยียวยาได้ และอาจถึงจุดล่มสลายของทีวีดิจิตอล สื่อหลักของชาติในที่สุด" นายสุภาพกล่าว
พร้อมกันนี้ท้ายที่สุดหากไม่สามารถยุติและเกิดความชอบธรรมได้ ทางสมาคมฯ อาจจะต้องทำหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีในการเรียกร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งสมาคมและผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลดำเนินงานภายใต้การกำกับของ กสทช.อยู่ ดังนั้นสิ่งที่ทางสมาคมให้ความสำคัญคือการเคารพองค์กรที่กำกับเราอยู่ แต่หาก กสทช.ควบคุมไม่ได้ ทางสมาคมก็ต้องแสวงหาความชอบธรรมจากองค์กรอื่นต่อไป
การที่ทางสมาคมจะต้องออกมาแสดงจุดยืน อันเนื่องมาจากในปัจจุบัน การรับชมทีวีดิจิตอลยังไม่สามารถรับชมได้จากการออกอากาศภาคพื้นได้ทั่วถึง จากผลการศึกษามีเพียง 20% เท่านั้นที่รับชมผ่านเสาอากาศ แต่อีกกว่า 80% รับชมผ่านระบบดาวเทียมและเคเบิล ซึ่งทีวีดิจิตอลก็เหมือนยังต้องพึ่งจมูกคนอื่นหายใจ
แน่นอนหากสุดท้ายประกาศเรียงช่อง ถูกเพิกถอน สิ่งที่ตามว่า คือ ผู้ให้บริการดาวเทียมและเคเบิลก็สามารถที่จะโยกย้ายช่องไปอยู่ที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ และเมื่อประชาชนหรือผู้ชมไม่สามารถจะหาช่องเจอ ก็จะนำไปสู่ความสับสน และสุดท้ายก็จะเลิกรับชมในที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอลมีความกังวลอย่างมาก เพราะประเมินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่ความเสียหายระดับหมื่นล้านบาท จากเม็ดเงินโฆษณาที่หายไป
และปัญหาที่ตามมา ไม่ได้กระทบเฉพาะตัวธุรกิจ ยังกระทบไปยังบริษัทผู้ผลิต ทีมงานโปรดักชั่น ดารา นักแสดงที่จะต้องพึ่งพารายได้ของช่องอีกหลายพันชีวิต และยังกระทบต่อประชาชนที่จะได้รับชมสื่อสาธารณะช่องทางหลักของประเทศด้วย
จากนี้คงต้องลุ้นไปด้วยกันว่า เรื่องนี้จะจบอย่างไร.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |