พวกเขาบอกว่า เขาไม่พอใจการทำงานของรัฐบาลที่พวกเขาบอกว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการ เขาจึงต้องออกมาชุมนุมประท้วง เรื่องนี้ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ในระบอบประชาธิปไตย แต่เมื่อเขาออกมาประท้วงกันที่นั่นที่นี่หลายครั้งหลายครา ผู้คนก็คงเห็นแล้วว่าพวกเขาไม่ได้แค่ชังรัฐบาล แต่พวกเขาชังชาติ พวกเขาชังสถาบันหลักของประเทศ ปรากฏการณ์ในการประท้วงจึงมีการกระทำที่มันเกินเลยไปมาก เป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจของประชาชนคนไทยเกือบทั้งประเทศ หลายคนเริ่มจะทนไม่ได้กับพฤติกรรมของผู้ชุมนุม แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ ไม่ออกมาต่อกรด้วย เพราะหากออกมาต่อกรด้วยก็จะเข้าทาง เพราะพวกเขาคงต้องการให้เกิดการปะทะกันระหว่างพวกเขาที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย กับคนไทยที่จงรักภักดีและเชื่อมั่นในสถาบันที่เป็นเสาหลักของประเทศ พวกเขาคงไม่ได้ต้องการประชาธิปไตยเท่านั้น (เพราะจริงๆ แล้ว ประเทศไทยก็เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว) สิ่งที่พวกเขาต้องการมันไม่ใช่แค่ประชาธิปไตย
สำหรับผู้จงรักภักดีที่บอกว่าจะทนพวกที่ออกมาชุมนุมไม่ไหว ขอให้อดทนเอาไว้ ต่อไปคนที่ออกมาร่วมชุมนุมเพราะคิดว่าเป็นการมาทวงความเป็นประชาธิปไตย เมื่อรู้ว่าเป้าหมายของคนที่นำการชุมนุมต้องการที่จะถอนเสาหลักของประเทศคงจะถอยออกไป เพราะเวลานี้ก็มีหลายคนออกมาแสตงตนเปล่งวาจาว่าไม่เอาด้วยกับคนพวกนี้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นการชุมนุมก็จะแผ่วไปเอง ถึงเวลานั้นก็จะถึงจุดที่พวกเขาไม่อาจจะอยู่ได้อีกต่อไป พวกเราไม่ควรจะไปต่อสู้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะนั่นหมายถึงการทำให้เกิดความรุนแรงที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ เวลานี้น่าจะมีคนบางคนอยากเห็นความรุนแรง อยากเห็นความวุ่นวาย หรืออาจจะไปไกลถึงอยากให้มีคนตาย เพื่อจะใช้ศพในการสร้างวาทกรรมรัฐบาลหรือทหารฆ่าประชาชน ดังนั้นพวกเราต้องรู้ทันความต้องการของพวกนี้ แล้วอย่าตกหลุมพรางที่เขาวางไว้ คนไทยมีมากกว่า 67 ล้านคน ถ้าจะนับกันจริงๆ ว่าคนที่เห็นด้วยกับแนวคิดล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นเสาหลักของประเทศมีไม่ถึง 10 ล้านแน่
พวกเขาบอกว่าออกมาเรียกหาประชาธิปไตย แล้วเวลานี้ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตยตรงไหน เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีการเลือกตั้งกันในสภา จะมีอะไรอีกที่ทำให้เราต้องมาเรียกหาประชาธิปไตย จะบอกว่ารัฐบาลทำงานไม่ดี มีแต่ความล้มเหลว แล้วการที่เราสามารถจัดการกับโควิด-19 ได้เป็นอันดับหนึ่งของโลกนี่เป็นความไม่เอาไหนของรัฐบาลกระนั้นหรือ จะบอกว่ารัฐบาลล้มเหลวในการจัดการเศรษฐกิจของประเทศ แล้วปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเวลานี้มันเกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยกระนั้นหรือ มันเกิดขึ้นทั่วโลกก่อนจะมีโควิดด้วยซ้ำไป และมีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อมีโควิด แต่ไม่ใช่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเพียงประเทศเดียว และรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งเฉย ก็พยายามแก้ไขอยู่ ในการแก้ไขปัญหาโควิด นายกรัฐมนตรีก็ปรึกษาบรรดาหมอผู้เชี่ยวชาญ และในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีก็ปรึกษาบรรดาเจ้าสัวผู้มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ และบรรดาเจ้าสัวทั้งหลายก็ยินดีที่จะมีโครงการต่างๆ มาช่วยรัฐบาลกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ แต่ทุกอย่างคงต้องค่อยเป็นค่อยไป จะให้เศรษฐกิจที่ทรุดลงไปเพราะพิษโควิดฟื้นฟูได้ในเวลาสั้นๆ นั้นคงเป็นไปไม่ได้ หรือจะหาว่ารัฐบาลนี้มีการโกงแล้วตรวจสอบไม่ได้ ขอถามจริงๆ เถอะว่าตรวจสอบไม่ได้ หรือว่าตรวจสอบแล้วไม่เจอ ตอนนี้ข่าวการโกงที่ได้ยินส่วนใหญ่จะเป็นการโกงของข้าราชการประจำ และนักการเมืองท้องถิ่น (บางพื้นที่) เท่านั้น ถ้าหากรัฐบาลนี้มีการโกง ฝ่ายค้าน รวมทั้งพวกที่ออกมาประท้วงต้องหาให้เจอ แล้วจัดการตามกฎหมายเลย แต่ถ้ายังไม่เจอก็ไม่ควรจะสร้างวาทกรรมกล่าวหาให้ประชาชนเกลียดชังรัฐบาล
อยากจะถามตรงๆ ว่า ที่ออกมาชุมนุมกันทุกวันนี้ มาตามหาประชาธิปไตย (ที่ไม่ได้หายไป) หรือออกมาเพื่อล้มล้างสถาบันหลักของประเทศ หรือออกมาสร้าง “ความชัง” ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นความชังรัฐบาลเท่านั้น มันไปไกลถึงขนาดพยายามที่จะสร้างความชังสถาบันหลักของชาติ ในขณะที่พวกเขาออกมาไล่รัฐบาล และเลยไปถึงถอนเสาหลักของประเทศเช่นนี้แล้ว เขาต้องการให้ใครมาเป็นรัฐบาล เขาต้องการให้ใครมาเป็นประมุข เขามั่นใจแค่ไหนว่าเขาจะได้คนที่มีความสามารถมาบริหารบ้านเมือง และเขาจะมั่นใจได้อย่างไรเขาจะได้คนดีมีคุณธรรมมาเป็นประมุขของประเทศ พวกเขาเคยคิดบ้างไหมว่าที่เขาทำนี้มันน่าจะเกินขอบเขตของสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ การใช้สิทธิตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญไม่ใช่การทำอะไรได้ทุกอย่างตามอำเภอใจ การเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่การมีเสรีภาพอย่างไร้ขอบเขต การที่พวกเขาทำอะไรที่เกินเลยกว่าขอบเขตที่กฎหมายกำหนด พวกเขาอาจจะทำผิดกฎหมาย และจะต้องรับโทษตามบทกำหนดของกฎหมาย แล้วพวกเขาเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าทำไมคนที่ชื่นชมการกระทำของพวกเขา ทำไมไม่ออกมานำขบวนการชุมนุม
พวกเขาเคยถามตัวเองบ้างไหมว่าปัญหาของประเทศที่พวกเขาไม่พอใจในเวลานี้เกิดจากอะไร เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ตรงไหน ทุกวันนี้พระมหากษัตริย์ของประเทศไทยทรงอยู่เหนือการเมือง ไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่มีคนบางกลุ่มบางพวกพยายามที่จะโยงพระองค์ท่านเข้ามา เพื่อสร้าง “ความชัง” ด้วยเจตนาที่จะด้อยค่าสถาบันหลักของประเทศ สำหรับเยาวชนที่ออกมาชุมนุมนั้นน่าเป็นห่วง เพราะป้ายที่ยกกันในที่ชุมนุม ถ้อยคำที่ปาฐกถากันในที่ชุมนุม ข้อความที่ติดอยู่ฉากหลังของเวทีชุมนุม ล้วนสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย แม้ว่าพระมหากษัตริย์จะทรงมีเมตตาไม่ให้ดำเนินคดีความผิดตามมาตรา 112 ก็ไม่ได้หมายความว่าการกระทำเหล่านั้นจะไม่มีความผิดตามมาตราอื่นๆ ถึงเวลานั้นคนที่จะตกเป็นจำเลยก็จะเป็นเยาวชนที่มีบทบาทต่างๆ ในการชุมนุม แต่ไม่ใช่คนที่กล่าวชมเชยและสนับสนุนการชุมนุมของเยาวชน และคนที่จะเสียใจก็คงไม่ใช่คนที่ชื่นชมการชุมนุม แต่จะเป็นพ่อแม่ของเยาวชนที่ออกมาชุมนุม
เยาวชนทั้งหลายที่ออกมาชุมนุมน่าจะคิดได้แล้วว่า กลุ่มคนที่พยายามยุให้เยาวชนเกลียดชังสถาบันหลักของประเทศ เขาไม่ได้ต้องการไล่รัฐบาลเท่านั้น เขาไม่ได้ให้เยาวชนออกมาเรียกหาประชาธิปไตยเท่านั้น พวกเขามีวาระซ่อนเร้นในการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประเทศ เขาไม่ได้มีความต้องการเพียงเพื่อไล่รัฐบาลเท่านั้น สิ่งที่เขาทำมันย่ำยีหัวใจของคนไทยที่จงรักภักดี และตระหนักดีว่าประเทศไทยเจริญพัฒนาก้าวหน้ามาได้ทุกวันนี้เพราะเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมใจของไทยทั้งชาติ เรามีพระมหากษัตริย์ที่ทรงทศพิธราชธรรม และมีพระปรีชาสามารถในการจะทำให้ประเทศไทยก้าวไกลมาอย่างมั่นคงเฉกเช่นทุกวันนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |