โลกที่หมุนเปลี่ยนตามกาลเวลา เทคโนโลยีได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของคนมากขึ้น แต่เรายังเชื่อว่าอีกมุมหนึ่งของโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ไม่ยอมแปรเปลี่ยน อย่างหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี จังหวัดสมุทรสาคร ที่ยังคงสืบสานศิลปะไทยชั้นสูงไว้ในการทำเครื่องเบญจรงค์ งานฝีมือของชาวบ้านที่เป็นความวิจิตรบรรจงบนเครื่องกระเบื้อง

    เมื่อเดือนมีนาคม ที่หมู่บ้านเบญจรงค์มีการจัดงาน “สืบสาน..สีสัน..สายเส้น เบญจรงค์ดอนไก่ดี” ต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 8 ไฮไลต์ของงานคือ การโชว์ชุดเบญจรงค์ลวดลายไทยโบราณและชุดกาแฟสีสันฤดูร้อน ซึ่งอากาศในเดือนที่แล้วเป็นใจมาก ไม่ร้อนตับแลบเหมือนช่วงนี้ ทำให้มีผู้คนมาร่วมงานคึกคัก เพราะที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านธุรกิจสร้างสรรค์ของจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงพาณิชย์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนเชื่อมโยงการท่องเที่ยว ที่ยังช่วยรักษาศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นให้คงไว้ อีกทั้งยังได้รับการตอบรับจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างดี

(เครื่องเบญจรงค์บ้านดอนไก่ดี สมุทรสาคร)

    นางทานาดา วิจักขณะ รอง ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงาน จ.สมุทรสงคราม-สมุทรสาคร บอกว่า ชุมชนหมู่บ้านดอนไก่ดีซึ่งมีความโดดเด่นทางด้านการวาดลวดลายไทยลงในเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความรัก ความสามัคคีในชุมชน หากนักท่องเที่ยวมาจะเห็นวิถีชีวิตคนในชุมชนว่าแต่ละบ้านไม่มีรั้วกั้นอย่างชัดเจน แต่ทุกบ้านสามารถเดินเข้าถึงกันหมด เครื่องเบญจรงค์ยังเป็นศิลปะโบราณไทยประยุกต์ และผสมผสานกับศิลปะธรรมชาติ ลวดลายต่างๆ จึงแฝงไปด้วยคติความเชื่อในการดำรงชีวิตของชาวบ้านที่นี่เอาไว้ ผ่านการลงมือทำด้วยฝีมือของชาวบ้านเอง จึงถือว่าชุมชนแห่งนี้ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาสัมผัสดื่มด่ำไปกับวิถีชีวิตของชุมชนและชุมชนอื่นๆ ในพื้นที่ จ.สมุทรสาครได้ด้วย
    ด้านนางอุไร แตงเอี่ยม ประธานกลุ่มหมู่บ้านเบญจรงค์ดอนไก่ดี เล่าว่า เครื่องเบญจรงค์ของที่นี่ ในหมู่บ้านทำกันอยู่ 5 หลังคาเรือน ซึ่งแต่ละบ้านก็จะมีลวดลายที่แตกต่างกัน อย่างลวดลายของตนเอง ลายเบญจรงค์ที่วาด จะเน้นลวดลายโบราณต้นรัตนโกสินทร์และลวดลายไทยประยุกต์ ที่จะมีรูปสัตว์ต่างๆ ทั้งลายนก ปลา ผีเสื้อ หรือสายน้ำ เพื่อให้ดูเย็นสบาย สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวัน และส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก การทำเครื่องเบญจรงค์แต่ละชิ้นต้องใช้ความละเมียดละไม ใส่ใจในการทำทุกขั้นตอน นักท่องเที่ยวได้มาเยี่ยมชมสามารถสัมผัสความสวยงามศิลปะชั้นยอดของไทยด้วย

(เลือกเก็บลูกหม่อนตามใจชอบ)

    นอกจากนี้ ในพื้นที่ชุมชนบริเวณใกล้เคียงนักท่องเที่ยวยังสามารถเที่ยวชม ช็อป กินผลไม้ และกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์ อย่างที่พวกเราได้เดินทางต่อไปยังบ้านสวนแช่มชื่นซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนของบ้านแพ้ว เจ้าของสวน อ.เพียงพร ทองคำ ได้บอกว่า ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นสวนมะพร้าว และมีผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งมะพร้าวของบ้านแพ้วจะแตกต่างจากที่อื่น ด้วยรสชาติที่หอมอร่อย เจ้าของสวนจึงได้ลงมือทำขนม Co-Ba-Rice ที่มีรสชาติหวานมัน หอมกลิ่นคาราเมล อร่อยกลมกล่อม ซึ่งจะคล้ายๆ กระยาสารท

(ล่องเรือคลองดำเนินสะดวก)

    สำหรับ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนก็จะมีโฮมสเตย์ และกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงเกษตร อย่างการล่องเรือชมบ้านเรือนริมคลอง หรือแวะช็อป ชม ที่สวนผลไม้ตลอดคลองดำเนินสะดวก เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกลิ่นอายของวิถีชีวิตริมคลองได้อย่างเต็มอิ่ม

(สวนลูกหม่อน)

    พวกเราไม่รอช้า เมื่อแดดช่วงบ่ายเริ่มอ่อนแสงลงจึงพากันล่องเรือคลองดำเนินสะดวกก่อนกลับกรุงเทพฯ โดยมีจุดมุ่งหมายไปที่ยังสวนมะม่วงอกร่องและสวนลูกหม่อน ตลอดสองข้างทางที่เรือได้แล่นช้าๆ ทำให้พวกเราได้เห็นบ้านเรือนที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมลำคลอง บางหลังยังคงเป็นบ้านไม้เหมือนสมัยก่อน มีโรงจอดเรือตั้งอยู่ท่าหน้าบ้านคล้ายกับบ้านบนบกที่มีโรงจอดรถ แต่ด้วยสังคมที่เปลี่ยนไปทำให้เห็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูน บ้านสไตล์โมเดิร์นผุดขึ้นมาแทรกมากพอสมควร ทางเดินริมน้ำก็ถูกสร้างให้เป็นทางคอนกรีตเพื่อให้รถจักรยานยนต์สามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก

(มะม่วงอกร่องหวานฉ่ำ)

    หลังจากที่เรือแล่นเป็นระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรก็มาถึงที่คลองตาขุน และมาจอดเทียบท่าที่สวนมะม่วงอกร่อง ของลุงสุทัศน์ อร่ามรัตน์ เจ้าของสวนที่ใจดี ให้พวกเราได้ชิมรสชาติของมะม่วงที่หวาน หอม เหลืองสุกกำลังพอดี หรือใครอยากชมสวนและเลือกเด็ดเอาจากต้นก็มีให้เลือกตามสะดวก ที่นี่ยังมีลำไย ที่ผู้กินจากสวนบอกว่ากินเป็นกิโลก็ยังไม่ร้อนในนะ หากได้แวะมา จ.สมุทรสาครก็อย่าลืมแวะมาลิ้มรสผลไม้ที่นี่กันด้วย ห่างกันไม่มากนัก แล่นเรือมาสัก 10 นาทีก็จะได้ชิมลูกหม่อนที่สวนตั้มปลูก ที่นี่สามารถเก็บลูกหม่อนเองได้ด้วยนะ แม้ว่าจะยังไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอย่างเป็นทางการ แต่ก็สามารถแวะเข้าไปเยี่ยมชมสวนลูกหม่อนกันได้
    อิ่มกับผลไม้ และได้ช็อปกลับบ้านกันคนละถุงสองถุง พวกเราก็ได้แล่นเรือไปยังท่าเรือวัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร กราบไหว้หลวงพ่อโตที่เคารพนับถือของชาวบ้านริมน้ำคลองดำเนินสะดวกและประชาชนทั่วทุกสารทิศ ซึ่งหากใครได้ปิดทองหลวงพ่อโตก็จะสัมผัสได้ทันทีว่ามีความนิ่มคล้ายกับได้สัมผัสเนื้อของคน ซึ่งมาจากการที่ผู้คนหลั่งไหลมาปิดทองจนทำให้เหมือนเนื้อของท่านนิ่มนั่นเอง
    สำหรับใครที่ชอบการท่องเที่ยวที่มีหลากหลายรูปแบบแต่คงความเรียบง่าย ชิลๆ แถมยังได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านริมคลองที่นี่ให้คลายร้อน.