"บิ๊กตู่" เซ็นตั้งศูนย์บริหารเศรษฐกิจ นั่งคุมเองลุยฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด ครม.เคาะ 4 และ 7 ก.ย.ชดเชยสงกรานต์ หยุดยาว 4 วันกระตุ้น ศก. ยังไม่ไฟเขียวงบ 600 ล้านพัฒนาวัคซีนโควิด สธ.รอญี่ปุ่นตรวจเชื้อซ้ำหลังพบติดโควิดหลังกลับจากไทย ยันเมีย-ลูกที่อยู่ กทม.ผลเป็นลบ
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยแพร่ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 3 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,359 ราย ยอดหายป่วยสะสม 3,169 ราย มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 132 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่เดินทางมาจากสิงคโปร์ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้างงานก่อสร้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 7 ส.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 11 ส.ค. ไม่มีอาการ และอีก 2 ราย เดินทางมาจากอินเดีย เป็นหญิงอายุ 30 ปี พนักงานนวด ถึงไทยวันที่ 8 ส.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ กรุงเทพฯ ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 11 ส.ค. โดยหญิงรายแรกมีอาการมีน้ำมูกและจมูกไม่ได้กลิ่น ส่วนหญิงอีกรายมีอาการไอและปวดกล้ามเนื้อ
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 20,806,983 ราย อาการรุนแรง 64,607 ราย รักษาหายแล้ว 13,706,678 ราย เสียชีวิต 747,258 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 5,360,302 ราย 2.บราซิล จำนวน 3,170,474 ราย 3.อินเดีย จำนวน 2,395,471 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 902,701 ราย และ 5.แอฟริกาใต้ จำนวน 568,919 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 114 จำนวน 3,359 ราย ขณะที่เที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับประเทศวันที่ 13 ส.ค. จำนวน 552 ราย จากอุซเบกิสถาน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนวันที่ 14 ส.ค. จำนวน 807 ราย จากสวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบให้วันศุกร์ที่ 4 ก.ย. และวันจันทร์ที่ 7 ก.ย.เป็นวันหยุดราชการชดเชยวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากในเดือน ก.ย. เป็นเดือนเดียวที่ไม่มีวันหยุดราชการเลย ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นวันหยุดยาว ทำให้ประชาชนไปท่องเที่ยวเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ
น.ส.รัชดาเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง "ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ "ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ" มีคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยนายกฯ เป็นประธาน พร้อมด้วยรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้แทนจากสภาหอการค้าฯ สภาอุตสาหกรรมฯ สมาคมธนาคารไทยและนักธุรกิจชั้นนำ ร่วมเป็นกรรมการ
มีอำนาจหน้าที่สำคัญในการจัดทำข้อเสนอและกรอบแนวทางการดำเนินมาตรการเศรษฐกิจทั้งระยะเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และระยะปานกลางและระยะยาว เพื่อยกระดับศักยภาพและวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตหลังโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลง รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สร้างความรู้และความเข้าใจ
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่จะผลิตวัคซีนร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และร่วมกับบริษัทพัฒนาวิจัยวัคซีนที่อังกฤษ และอีก 2-3 สถาบันในประเทศไทยว่า ทาง ศบค.ได้อนุมัติหลักการแล้ว จึงได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาเรื่องวัคซีนและโรงงานผลิตในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่ผ่านที่ประชุม ครม. เพราะต้องทำรายละเอียดให้ครอบคลุมและมีความชัดเจนให้มากกว่านี้
นายอนุทินยังกล่าวถึงกรณีที่มีการตรวจพบชายชาวญี่ปุ่นติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อายุ 47 ปี เดินทางจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2563 และได้รับการตรวจน้ำลายหาเชื้อโควิด-19 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยผลการตรวจเป็นบวก ว่ากระทรวงสาธารณสุขยังไม่ได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบ แต่เบื้องต้นพบว่าวิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นวิธีการที่ไม่เหมือนกับทั่วไป ซึ่งต้องรอดูผลก่อน เพราะการตรวจที่ไทยที่เป็นไปตามมาตรฐานก็ไม่มีอะไร แต่ทางญี่ปุ่นยังไม่ได้ยืนยัน
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการติดตามและสอบสวนโรคเพิ่มเติม ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ชายชาวญี่ปุ่นรายดังกล่าว ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวที่ยังอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 2 ราย ได้แก่ ภรรยาและลูก ซึ่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ (แล็บ) จากการตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกด้วยวิธี RT-PCR ทั้ง 2 ราย ให้ผลเป็นลบ ไม่พบเชื้อโควิด-19 สำหรับผู้ชายชาวญี่ปุ่นรายดังกล่าว ทางโรงพยาบาลในญี่ปุ่นจะมีการตรวจหาเชื้อซ้ำในวันที่ 14 ส.ค.นี้ หากทราบผลการตรวจหรือมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |