ส.ว.คามาลา แฮร์ริส ขึ้นเวทีคู่โจ ไบเดน ครั้งแรกในฐานะคู่หูท้าชิงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งปลายปีนี้ ชี้คนอเมริกันโหยหาผู้นำที่จะเอาชนะวิกฤติโควิด, เศรษฐกิจและความอยุติธรรมด้านสีผิว ด้านไบเดนชูคำขวัญ "สร้างอเมริกาขึ้นใหม่" หลังยุคทรัมป์
อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน (ซ้ายสุด) พร้อม ดร.จิล ไบเดน ภรรยา กับ ส.ว.คามาลา แฮร์ริส (ขวาสุด) ในการขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกันครั้งแรกนับแต่ไบเดนเลือกแฮร์ริสเป็นคู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดี ที่โรงเรียนอเล็กซิสดูพอนต์ เมื่อวันที่ 12 ส.ค.2563
อดีตรองประธานาธิบดีไบเดนประกาศเมื่อวันอังคารว่า เขาเลือก ส.ว.หญิงจากแคลิฟอร์เนียวัย 55 ปี เป็นรองประธานาธิบดีของเขาหากสามารถเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ในการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายนปีนี้ ไบเดนและแฮร์ริสควงคู่กันขึ้นเวทีปราศรัยที่โรงเรียนมัธยมปลายในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ เมื่อวันพุธโดยมีเพียงทีมงานและผู้สื่อข่าวร่วมฟังเท่านั้น เนื่องจากความกังวลเรื่องโรคระบาด ทั้งสองต่างให้คำมั่นว่าจะเอาชนะทรัมป์ และ "สร้างประเทศนี้ขึ้นใหม่" ตามคำขวัญของไบเดน
แฮร์ริสซึ่งมีพ่อเป็นชาวจาเมกาและแม่เป็นชาวอินเดียที่ย้ายมาตั้งรกรากในสหรัฐ สร้างประวัติศาสตร์เป็นหญิงผิวสีคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมืองใหญ่ในตำแหน่งนี้ เธอกล่าวว่า สหรัฐอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ทรัมป์ไร้ความสามารถในตำแหน่งประธานาธิบดีและทำให้ประเทศนี้ขาดวิ่น
"อเมริกากำลังโหยหาผู้นำ ทว่าเรากลับมีประธานาธิบดีที่ห่วงตัวเองมากกว่าประชาชนที่เลือกเขามา" ส.ว.แฮร์ริสกล่าว โดยโจมตีทรัมป์ว่าเป็นผู้นำที่ล้มเหลวทั้งในการควบคุมโรคระบาด, ประคับประคองเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรค รวมไปถึงปัญหาการใช้ความรุนแรงของตำรวจและความเหลื่อมล้ำทางสีผิว
แม้จะไม่สามารถจัดปราศรัยและเดินสายหาเสียงได้ตามปกติ แต่โพลระดับชาติส่วนใหญ่ชี้ว่าไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์ รวมถึงในรัฐที่คะแนนพลิกผันได้ เช่น ฟลอริดาและวิสคอนซิน การเปิดตัวแฮร์ริสเป็นคู่หูในตำแหน่งรองประธานาธิบดียังเพิ่มความสดใหม่และดึงคะแนนในกลุ่มคนหนุ่มสาวและสตรีได้ด้วย ไบเดนเผยว่าพวกเขาระดมทุนสนับสนุนได้ถึง 26 ล้านดอลลาร์ในเวลา 24 ชั่วโมงนับแต่ประกาศข่าวเลือกแฮร์ริส ซึ่งเป็นสถิติใหม่สำหรับยอดบริจาครายวัน
ไบเดนยังตอบโต้ที่ทรัมป์แขวะแฮร์ริสว่าเป็นคนน่ารังเกียจ ด้วยการตอกทรัมป์กลับว่า ทรัมป์ดีแต่คร่ำครวญว่าแฮร์ริสใจร้ายกับคนที่ทรัมป์แต่งตั้ง แต่ไม่น่าประหลาดใจเพราะการคร่ำครวญคือสิ่งที่ทรัมป์ทำได้ดีกว่าประธานาธิบดีคนใดในประวัติศาสตร์ และคงไม่มีใครประหลาดใจที่ทรัมป์มีปัญหากับผู้หญิงแกร่ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |