พอ วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า มอสโกสามารถพัฒนาวัคซีนสำหรับสู้โควิด-19 เป็นประเทศแรกของโลก
และตั้งชื่อว่า Sputnik V
ก็ทำให้ผมคิดถึงคำว่า Sputnik Moment ขึ้นมาทันที
ย้อนไป 1957 ปีที่มอสโกส่งดาวเทียม Sputnik ทำให้มะกันตะลึงถึงขั้นแตกตื่น
ในแง่หนึ่งปูตินต้องการจะบอกโลกว่ารัสเซียสามารถเอาชนะอเมริกาในการแข่งขันเรื่องมันสมองอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ท่ามกลางความกังขาจากโลกตะวันตกว่า รัสเซีย “ตีกิน” ด้วยการประกาศชัยชนะก่อนที่จะมีการทดลองผ่านกระบวนการที่ถูกต้องและปลอดภัยจริงหรือไม่
แต่ปูตินก็พร้อมเอาลูกสาวตัวเองเป็นเดิมพัน
เขาบอกว่าได้ให้ลูกสาวคนหนึ่งเป็นอาสาสมัครทดลองวัคซีนตัวนี้แล้ว
ตอกย้ำความเชื่อมั่นในฝีมือนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยทางการแพทย์ของรัสเซียอย่างแข็งกร้าว
ยิ่งตั้งชื่อวัคซีนตัวนี้ว่า Sputnik V ก็เท่ากับยืนยันว่าปูตินต้องการจะประกาศให้ชาวโลกได้รับรู้ว่ามอสโกยังดำรงความเป็นเบอร์ 1 ในหลายๆ ด้านที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะออกมาแสดงจุดยืนของอเมริกาในเรื่องนี้อย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นกันวันนี้
วันที่ 25 พฤษภาคม 1961 คือวันที่ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ประกาศว่าสหรัฐฯ จะต้องส่งมนุษย์ขึ้นดวงจันทร์ภายในไม่เกิน 10 ปี
ที่ต้องประกาศเช่นนั้น เพราะมาจากแรงกดดันที่สหภาพโซเวียตได้แซงหน้าสหรัฐฯ ด้วยการส่งดาวเทียมดวงแรกของโลกขึ้นโคจรรอบโลก
ดาวเทียมดวงนั้นชื่อ Sputnik เป็นภาษารัสเซีย แปลว่า ดาวเทียม หรือ satellite ที่สร้างโดยมนุษย์
ดาวเทียมรัสเซียดวงนี้ถูกยิงขึ้นเมื่อปี 1957 และ 4 ปีต่อมา ในวันที่ 12 เมษายน 1961 รัสเซียก็ส่งมนุษย์อวกาศคนแรกของโลกขึ้นโคจรรอบโลก
เขาชื่อ Yuri Gagarin
ต่อมาวันที่ 5 พฤษภาคม สหรัฐฯ ส่งมนุษย์อวกาศ Alan Shepard ขึ้นไปเหมือนกัน แต่ก็เพียงบินในระยะสั้น ไม่ไปรอบโลกเหมือน Yuri Gagarin
สหรัฐฯ ตะลึงงัน เพราะไม่เคยคิดว่าศัตรูทางอุดมการณ์การเมืองหมายเลข 1 อย่างสหภาพโซเวียตจะมีความสามารถเหนือตนเช่นนั้น
วันอังคาร เมื่อปูตินประกาศเปิดตัววัคซีน Sputnik V อย่างเอิกเกริก อเมริกาก็ต้องผวากับ Sputnik Moment อีกครั้ง!
แต่รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ Alex Azar สวนกลับทันทีว่า ที่ปูตินออกข่าวอย่างนั้นไม่ได้แปลว่ารัสเซียแซงหน้าสหรัฐฯ ในเรื่องนี้
“เพราะนักวิจัยของเราเข้าสู่การทดลอง Clinical Trial ใน Phase 3 แล้วเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน และรัสเซียเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นตอนนั้นเท่านั้น”
นี่คือประโยคเกทับบลัฟแหลกจากวอชิงตันที่ไม่อาจจะยอมให้รัสเซียนำหน้าตนเองในเรื่องเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอวกาศหรือการแพทย์...ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ที่สองยักษ์แข่งกันมาตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งแรกด้วยซ้ำไป
อเมริกา “เตะตัดขา” ปูตินด้วยการบอกว่ารัสเซียไม่เปิดเผยรายละเอียดเท่าที่ควร
อีกทั้งยังขาดความโปร่งใสอีกด้วย
รัฐมนตรีสาธารณสุขแก้เกี้ยวด้วยการบอกว่า
“นี่ไม่ใช่การแข่งขันเป็นที่หนึ่ง นี่คือการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้อำนาจทุกอย่างที่รัฐบาลของเรามี ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจและด้านการแพทย์ เพื่อที่จะพัฒนาวัคซีนให้ได้เร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนอเมริกันและชาวโลก”
เขาอ้างว่าวันนี้สหรัฐฯ มีสัญญาพัฒนาวัคซีน 6 อย่าง
โดยเส้นที่วัคซีน Moderna ซึ่งเริ่มทดลองเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา “ยังไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศพัฒนาแล้วที่เราสามารถก้าวจากกระบวนการทดลองขั้นที่ 1 สู่ขั้นที่ 3 ภายใน 5 เดือน”
เขาเชื่อว่าภายในสิ้นปีนี้ อเมริกาจะสามารถผลิตวัคซีนได้หลายสิบล้านชุด และปีหน้าจะได้เป็นร้อยล้านชุด
ถ้าปูตินไม่ได้ออกมาประกาศวัคซีน Sputnik วันก่อน สหรัฐฯ ก็คงจะยังรีๆ รอๆ ที่จะเปิดเผยขั้นตอนของการพัฒนาวัคซีนของตน
แต่สำหรับทรัมป์แล้ว การถูกปูติน “แย่งซีน” ไปอย่างนี้คงเป็นเรื่องที่ต้องมีการแก้เกมกันพอสมควร
เพราะยิ่งใกล้วันเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์ก็ยิ่งต้องแสดงผลงานกับประชาชนคนมะกัน
เพื่อนรักปูตินมาปาดหน้าเฉยเลย!.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |