อือมม์ม์ม์...ก็เล่นเอา วงแตก เผ่นระเนนระนาด กระเจิดกระเจิง กันไปตามสมควร สำหรับ ม็อบสลายม็อบ หรือม็อบที่พยายาม ยกระดับ ไปสู่จุดที่ทำให้ตัวเองย่อมหนีไม่พ้นต้องแยกย้าย สลายตัว ด้วยเหตุเพราะแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันเลยธง เลยกรอบ เลยขีดจำกัด จนยากซ์ซ์ซ์ที่ใครๆ จะวิ่งไล่ตาม อันพอจะนำไปสู่การรวมตัว หรือรวมตีน ใดๆ ได้เลย...
----------------------------------------------------------
คือประมาณ คบเด็กสร้างบ้าน-คบหัวล้านสร้างเมือง อะไรทำนองนั้น แม้ว่า ภาษิต ที่ว่านี้ ออกจะไม่เป็นธรรมต่อ คนหัวล้าน อย่าง ท่านขุนน้อย มากมายซักเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะพอนำมาใช้ได้ นำมาอธิบายได้ ต่ออาการเละตุ้มเป๊ะ เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ของม็อบพวกเด็กๆ เขา ที่อาศัยเพียงแค่ อารมณ์-ความรู้สึก ของตัวเอง หรือภายในกลุ่มก้อนตัวเองแค่ไม่กี่กระจุก นำมาใช้เป็นมาตรฐาน ในการเสนอข้อเรียกร้อง ต้องการ ต่อผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน ที่อาจมี อารมณ์-ความรู้สึก ผิดแผก แตกต่าง ไปจากตัวเอง หรือกลุ่มก้อนตัวเอง แบบคนละเรื่อง คนละม้วน...
---------------------------------------------------------
โดย อารมณ์-ความรู้สึก ที่ว่า...มันจะประกอบไปด้วย ความรัก ความเกลียด ความกลัว ความชอบ ความชัง ฯลฯ หรือความอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ แต่การจะไปเคี่ยวเข็ญ บังคับ ให้ นักการเมือง ระดับเกล็ดแตกลายงา มีปีกงอก แถมพ่นไฟได้ด้วย ผู้ถนัดในการลื่นไถล ระดับชะนีเรียกหาปั๋ว อย่างคุณ เจ๊สุดาหน่อย ที่อุตส่าห์ลงทุน ลงแรง เหนื่อยยากลำบากมิใช่น้อย ในการเดินทางไปปกป้อง คุ้มครอง ให้กำลังใจ ต่อบรรดาเด็กๆ ถึงสถานีตำรวจ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สามารถขจัด ความกลัว เปล่งพลัง ความกล้า ในการตอบสนองต่อ ข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ของบรรดาเด็กๆ ทั้งหลาย อันนี้...คงหนีไม่พ้นต้องหาทางสลายตัว หรือคงต้อง ตัวใคร-ตัวมัน ไปตามสภาพ...
----------------------------------------------------------
ไม่ต่างไปจากบรรดาครูบา อาจารย์ ที่ยังคงมีสถานะ ตำแหน่ง รวมทั้งยังมี ความรับผิดชอบ ในหน้าที่การงาน ที่แม้ว่าในแง่ เบื้องหลัง อาจรู้สึกซู้ดๆ ซ้าดๆ ต่อการแสดงออกของบรรดาเด็กๆ อยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ในแง่ของ เบื้องหน้า แล้ว จะให้เอาคอขึ้นมาพาดบนเขียง แบบเนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่พร้อมเอากระดูกมาแขวนคอ โดยปราศจากเหตุผลในทางวิชาการใดๆ เอาเลยนั้น ไม่ว่าจะเป็นดอกเตอร์-ไม่ดอกเตอร์ คณบดี อธิการบดี ใดๆ ก็แล้วแต่ ย่อมหนีไม่พ้นต้องสลายหายตัว ต้องแยกย้าย กระจัดกระจาย ไปตามเหตุผลในทางวิชาการ และไม่วิชาการ กันจนได้...
-----------------------------------------------------------
ด้วยเหตุนี้...สิ่งเท่าที่เหลืออยู่ ก็คงเหลืออยู่แต่บรรดาพวก เด็กๆ ที่คิดจะสร้างบ้าน หรือคิดการณ์ใดๆ ที่เกินไปกว่าสถานะของตัวอันมีแต่ เละ...กับ...เละ ลูกเดียวเท่านั้นเอง และคงไม่ถึงกับต้องไป 6 ตุลง 6 ตุลา. อะไรกันไปให้มากเรื่อง มากความ เพียงแค่อาศัยตัวบทกฎหมายโดยปกติธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะคืนสู่สภาพปกติได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ ไม่จำเป็นต้อง สวิง ไปถึงขั้นคิดจัดสร้าง กองทัพประชาชน ขึ้นมาใหม่ เพราะแค่ กองทัพไทย อันมี ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์ เป็นที่ยึดเหนี่ยวมาโดยตลอด ก็พอแล้ว หรือเกินพอเอาเลยด้วยซ้ำ...
----------------------------------------------------------
คือไม่ว่าจะเป็น ม็อบฮ่องกง ม็อบอิรัก หรือแม้กระทั่ง ม็อบเลบานอน ฯลฯ ที่เพิ่งเริ่มก่อเกิดขึ้นมาในช่วงนี้ เอาไป-เอามาแล้วก็คงไม่ต่างอะไรไปจากม็อบแฟลชแดนซ์ แฟลชม็อบ ในบ้านเราระหว่างนี้นั่นเอง คือออกไปทาง เด็กๆ หรือมักประกอบขึ้นมาด้วยบรรดาพวกเด็กๆ เป็นหลัก และด้วย ความเป็นเด็ก นั่นเอง ที่มักก่อให้เกิดการเลยกรอบ เลยธง หรือเลยขีดจำกัด เกินกว่าที่ผู้คนภายในสังคมนั้นๆ จะเกิดความยอมรับได้อย่างทั่วถึง เมื่อไปถึงจุดจุดหนึ่ง...บรรดาม็อบแต่ละม็อบ เลยมัก กลืนกินตัวเอง อันเนื่องมาจาก อารมณ์-ความรู้สึก ของความเป็นเด็ก มันออกจะผิดแผก แตกต่าง ไปจาก อารมณ์-ความรู้สึก ของผู้ซึ่งพ้นไปจากความเป็นเด็ก หรือผู้ที่เติบโตจนพอได้รับรู้ถึงสิ่งที่เรียกๆ กันว่า วุฒิภาวะ ได้มั่งแล้ว...
-------------------------------------------------------------
เพราะโดยบทเรียน ประสบการณ์ หรือแม้แต่สภาวะแวดล้อมที่ผิดแผก แตกต่าง กันออกไป สุดท้ายแล้ว...ไม่ว่าใครก็ใคร ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ต่างหนีไม่พ้นต้องเจอกับ กรอบ หรือเจอกับ ขีดจำกัด อันเป็นสิ่งที่ดำรง คงอยู่ ตามสภาพทาง ธรรมชาติ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ขนาดโลกทั้งโลกยังต้องมี บรรยากาศ ล้อมรอบเอาไว้เป็นกรอบ จะทะลุอวกาศโดยไม่คิดหายใจ ย่อมมีแต่ตายกับตายลูกเดียวเท่านั้นเอง หรือแม้ พระเจ้าจะเกิดข้ามาเสรี แต่ ทุกหนทุกแห่งย่อมเต็มไปด้วยพันธนาการ ไปด้วยกันทั้งสิ้น การอยู่ในโลก และอนุวัตรไปตามโลก โดยอาศัยความเติบโต อาศัยการพัฒนาการด้านจิตวิญญาณเท่านั้น ถึงพอจะเป็น อิสระ และ เสรี ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง และนั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่า วุฒิภาวะ ในแต่ละขั้นนั่นเอง...
----------------------------------------------------------------
ดังนั้น...เมื่อไหร่ที่ ความเป็นเด็ก ได้สูญสลาย หายไปจากตัวเอง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การแสวงหาการ อยู่ร่วมกันโดยสันติ ภายในสังคมหนึ่งๆ จึงย่อมเป็นสิ่งที่มีคุณค่า ราคา ไปตามระดับ วุฒิภาวะ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปต่อล้อ ต่อเถียง หรือไปรุมมือ รุมตีน อะไรต่อมิอะไรให้เหนื่อยแรง ถือซะว่า...ยังไงๆ ก็ลูกๆ หลานๆ ของหมู่เฮาไปด้วยกันทั้งนั้น ส่วนบรรดา คนแก่ ที่ชอบแอบ ชอบซ่อน อยู่เบื้องหลังเด็กๆ นั้น เดี๋ยวเดียว...ก็คง แก่ตายไปเอง หรือ เหี่ยวปลายไปเอง ไม่ได้มีฤทธิ์ มีเดชใดๆ ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะถ้าหากปราศจากพวกเด็กๆ แล้ว ก็แค่พวก โตเพราะกินข้าว-เฒ่าเพราะอยู่นาน ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
-------------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก “H.L. Mencken”... “The older I grow the more I distrust the familiar doctrine that age brings wisdom.- ยิ่งแก่ตัวลงมากเท่าใด ข้าพเจ้ายิ่งไม่ค่อยจะศรัทธาต่อความเชื่อที่ว่า ความแก่นำมาซึ่งความฉลาด...”.
-------------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |