ในที่สุดเทศกาลที่ผู้แทนปวงชนชาวไทยบางคนรอคอยก็มาถึง หนึ่งปีมีหนภาษีประชาชนวงเงินมหาศาลเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏร

                รัฐบาลทำเป็นร่างกฎหมาย ชื่อเต็มๆ “ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2564” เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร สาระสำคัญเป็นเรื่องการนำเงินภาษีประชาชนมาใช้จ่ายในการบริหารประเทศ

                ที่ผ่านมาที่ประชุมสภาฯ รับหลักการในร่างกฎหมายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่มีชื่อว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ.2564 โดยมี “สันติ พร้อมพัฒน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน กมธ. และเพื่อให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพ ได้ตั้งคณะอนุ กมธ.ขึ้น 8 คณะ

                ล่าสุด 2 คณะอนุ กมธ.เกิดเรื่อง มี ส.ส.บางคนคิดจะโกยเงินประชาชนเข้ากระเป๋าตัวเอง สถานการณ์เหมือนปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง แม้จะเป็นพฤติกรรมของ ส.ส.เพียงไม่กี่คนที่รวมตัวกันตบทรัพย์ แต่ตอนนี้ทุกคนที่อยู่ในคณะกลับโดนเหมารวม

                ย้ำไว้ตรงนี้ก่อน เพียงคนไม่กี่คนที่ไปรีดไถเท่านั้น!!!

                เริ่มต้นจากคณะอนุ กมธ.แผนงานบูรณาการ 2 หรือ ส.ส.เรียกเป็นการทั่วไปว่า “บูรฯ 2” ที่มี น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน ถึงคิว กมธ.ตรวจสอบงบประมาณที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขอมา

                ส.ส.จากหลายพรรค ซึ่งนั่งเป็น กมธ.หลายคนรุมซักถามค่าใช้จ่ายในการขุดบ่อน้ำบาดาลที่มีราคาสูงเกินจริง เอกชนขุดบ่อใช้เงินแค่ 6 หลัก ทำไมกรมถึงใช้งบ 7 หลัก

                ถามลึกลงไปกว่านั้น ค่าน้ำมันที่ใช้ในการขุด 2 หมื่นบาทก็เพียงพอแล้ว ถ้า 7 หมื่นเหมือนที่กรมเสนอมาสามารถวิ่งได้ทั่วประเทศ

                พออธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลโดนต้อนจนมุมก็ทนไม่ได้ ลั่นกลางที่ประชุมสาเหตุที่ตั้งไว้ราคาแพงเช่นนี้ เพราะมีอนุ กมธ.บูรฯ 2 บางคน โทร.ไปขอเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณแบบฉลุยไม่โดนปรับลด

                นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอนุ กมธ.ต่างคณะบางคน จากพรรคเพื่อไทย ข้ามห้องมานั่งทำงานในห้องประชุมของคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มี “สุพล ฟองงาม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานคณะอนุฯ

                แขกไม่ได้รับเชิญผู้นี้จู้จี้ไม่ให้อนุ กมธ. ICT ปรับลดงบของกรมเจ้าท่า ในส่วนจัดซื้อเรือยางติดเครื่องยนต์ ซึ่งเสนองบถึง 7 ล้านบาทต่อลำ แถมมีค่าบำรุงรักษาอีก 36 ล้านบาท โดยอ้างเบอร์ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐ

                นี่คือ 2 กรณีที่เกิดขึ้นในปีนี้เท่านั้น แต่เชื่อหรือไม่เรื่องทำนองเดียวกันมีทุกปี เพียงแค่จิ้งจกในห้องประชุมไม่ยอมทำงาน

                อย่างไรก็ตาม วิธีการโกงเงินแผ่นดินของ ส.ส.มีหลายรูปแบบ ทั้งล็อบบี้อ้างชื่อ ตั้งแก๊งรีดไถตั้งแต่ต้นน้ำ พองบประมาณประกาศใช้เรียบร้อย ก็ยังฮั้วกับผู้รับเหมารับงานมาแล้วหักหัวคิว โครงการใดที่ใช้งบประมาณจำนวนมากก็ซอยเป็นโครงการย่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงวิธียื่นซองประมูลอีก

                ล่าสุดจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้น ทั้งจาก กมธ.งบฯ ชุดใหญ่ และจาก “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาฯ แต่ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นในวง ส.ส. การให้ ส.ส.ตรวจสอบกันเองแน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่ซูเอี๋ยกัน

                เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านรวมหัวกัน!!!

                ผลสอบจะออกมาอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง.