10 ส.ค.63-นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (เลขาฯ กช.) กล่าวว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ตั้งคณะทำงานลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนเอกชนในระบบทั่วประเทศ จำนวน 4,118 แห่ง ซึ่งแบ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสามัญทั่วไป จำนวน 3,895 แห่ง และโรงเรียนนานาชาติ 223 แห่ง พบว่า ในจำนวนนี้มีโรงเรียนที่เลิกกิจการและแปลงสถานที่ไปทำอย่างอื่น เช่น คอนโดมิเนียม ธนาคาร เป็นต้น จำนวน 157 แห่ง ดังนั้นสช.จำเป็นต้องดำเนินการกับโรงเรียน 157 แห่ง ให้ดำเนินการออกจากระบบทะเบียนข้อมูลของ สช.อย่างถูกต้อง และขณะนี้ สช.ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนจำนวนดังกล่าวรับทราบแล้ว เพื่อให้มาดำเนินการยกเลิกกิจการภายใน 30 วัน ซึ่งหากไม่มาตามวันเวลาที่กำหนด สช.จะตั้งคณะกรรมการเข้าควบคุมทันที อย่างไรก็ตาม อนาคต สช.จะวางมาตรการสะสางปัญหาโรงเรียนเอกชนในอดีตให้เสร็จสิ้นเหมือนจัดระเบียบข้อมูลโรงเรียนเอกชนใหม่ให้มีความทันสมัยและตรวจสอบได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น รวมถึงจะมีการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินกิจการโรงเรียนเอกชนทุกปีอีกด้วย
“เรื่องนี้เราต้องรีบดำเนินการ เพราะหากปล่อยไว้นานจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่เรียนจบไปแล้วเมื่อต้องการมาขอหลักฐานการเรียนจบใหม่ หรืออาจมีการปลอมแปลงเอกสารเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังพบว่าโรงเรียนบางแห่งแม้เลิกกิจการไปแล้วแต่ยังมีรายชื่อครู ซึ่งรัฐต้องเป็นภาระในการจ่ายเงินสมทบ ร้อยละ 6 แต่เจ้าของโรงเรียกลับเพิกเฉยไม่ดำเนิการใดๆ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายมีโทษจำคุกได้”เลขาฯ กช.กล่าว