บราซิลเป็นประเทศที่ 2 ในโลกที่มีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตเกิน 100,000 ราย ขณะยอดติดเชื้อพุ่งเกิน 3 ล้านราย สหรัฐติดไวรัส 5 ล้านรายแล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารขยายความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ
ชาวบราซิลถือธงชาตินั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างไม้กางเขนที่มีลูกโป่งผูกติดอยู่ ก่อนจะถูกปล่อยเพื่อไว้อาลัยแด่เหยื่อไวรัส 100,000 รายในบราซิล ที่หาดโคปากาบานาในนครรีโอเดจาเนโร เมื่อวันเสาร์
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของบราซิลเมื่อวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2563 บราซิลมีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตเพิ่มอีก 905 รายในรอบ 24 ชั่วโมง ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 100,477 ราย และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 49,970 ราย ยอดติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,012,412 ราย ทั้งยอดตายและติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 5,000,603 ราย และเสียชีวิต 162,441 ราย
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อกันว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงในบราซิลมากกว่าตัวเลขของทางการ โดยอาจสูงกว่านี้ถึง 6 เท่า เนื่องจากการตรวจเชื้อยังไม่ทั่วถึง หากเทียบกับจำนวนประชากร 212 ล้านคน อัตราการเสียชีวิตของบราซิลใกล้เคียงกับสหรัฐ ที่ 478 ศพต่อประชากร 1 ล้านคน ส่วนของสหรัฐอยู่ที่ 487 ศพ ซึ่งยังน้อยกว่าของสเปนและอิตาลี ที่มีอัตรา 609 ศพ และ 583 ศพต่อ 1 ล้านประชากร
ดาวี อัลโกลุมเบร ประธานวุฒิสภา ประกาศว่าคองเกรสจะไว้อาลัยนาน 4 วัน เพื่อไว้อาลัยแด่ผู้ป่วยมากกว่า 100,000 คนที่เสียชีวิต
สถานการณ์การแพร่ระบาดในบราซิลยังไม่มีวี่แววว่าจะทุเลาลงแม้จะเข้าสู่เดือนที่ 6 แล้ว หลังจากเริ่มพบผู้ติดเชื้อรายแรกที่นครเซาเปาลูเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ และมีผู้ป่วยเสียชีวิตรายแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ใน 100 วัดถัดมาบราซิลมีผู้เสียชีวิต 50,000 ราย และใช้เวลาอีกแค่ 50 วันก็มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 50,000 ราย
ไม่กี่สัปดาห์มานี้ เกิดการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วในเขตชนบทและดินแดนชั้นในที่เพิ่งพบการระบาด โดยเฉพาะในภูมิภาคทางใต้และตะวันตกตอนกลาง
ประธานาธิบดีชาอีร์ โบลโซนาโร ซึ่งเคยกล่าวถึงโควิด-19 ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่เล็กน้อยและตัวเขาติดเชื้อไวรัสนี้เมื่อเดือนที่แล้ว ยืนกรานว่า เขามีมโนสำนึกชัดเจนและพยายามทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตประชาชน
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสทั่วโลกถึงวันอาทิตย์ ตามฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ อยู่ที่ 19,668,394 ราย ใน 10 อันดับแรก อินเดียมีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับสามที่ 2,153,010 ราย ตามด้วยรัสเซีย 885,718 ราย, แอฟริกาใต้ 553,188 ราย, เม็กซิโก 475,902 ราย, เปรู 471,012 ราย, โคลอมเบีย 376,870 ราย, ชิลี 371,023 ราย และอิหร่าน 326,712 ราย
ทั่วโลกมีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตแล้ว 727,523 ราย นอกจากสหรัฐและบราซิลแล้ว ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากอันดับ 3 ได้แก่เม็กซิโก 52,006 ราย ตามด้วยสหราชอาณาจักร 46,651 ราย, อินเดีย 43,379 ราย, อิตาลี 35,203 ราย, ฝรั่งเศส 30,327 ราย, สเปน 28,503 ราย, เปรู 20,844 ราย และอิหร่าน 18,427 ราย
เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพิ่งลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารขยายความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโรคระบาดนี้ หลังจากสภาคองเกรสไม่ให้ความเห็นชอบกฎหมายดังกล่าว
มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นที่พึ่งของคนอเมริกันจำนวนมาก ส่วนใหญ่หมดอายุในเดือนกรกฎาคม ทรัมป์กล่าวว่า การตัดสินใจของเขาที่ใช้อำนาจฝ่ายบริหารโดยไม่รอคองเกรสนั้นจะทำให้การจัดสรรเงินทำได้เร็วขึ้น
มาตรการช่วยเหลือนี้รวมถึงการเพิ่มเงินช่วยสวัสดิการคนว่างงานอีกสัปดาห์ละ 400 ดอลลาร์ และการคุ้มครองผู้เช่าไม่ให้โดนขับไล่ กับการผ่อนปรนเงินกู้เพื่อการเรียน อย่างไรก็ดี คำสั่งของทรัมป์น่าจะเผชิญการท้าทายในชั้นศาล เนื่องจากกระทำโดยไม่ผ่านสภา ซึ่งมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญในการพิจารณาการใช้จ่ายงบประมาณ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |