สะสมทรัพย์กั๊กซบ'คสช.-พท.'


เพิ่มเพื่อน    

   "วิษณุ" แจงตั้งหัวหน้าพรรคพลังชลนั่งที่ปรึกษานายกฯ ไม่ขัดกฎหมาย "โฆษกพลังชล" ยันเข้าไปช่วยอีอีซี ไม่มีเงื่อนไขทางการเมืองในอนาคต "อดีต ส.ส.ชลบุรี ปชป." จวกไม่ต่างยุคทักษิณ ด่านักการเมืองทุจริต-ชั่วแต่กลับตกเขียวมานั่งร้าน "เสี่ยไก่" ประกาศพร้อมเป็นฝ่ายค้านไม่ร่วมสังฆกรรมทุกพรรคที่เลือกข้างเผด็จการ "หญิงหน่อย" ท้าบิ๊กตู่เปิดตัวแบบสุภาพบุรุษ แกนนำเพื่อไทยบุกสนามกอล์ฟตระกูลสะสมทรัพย์หวังดึงกลับพรรค แต่ "ไชยยศ" ได้แต่หัวเราะ โบ้ยต้องฟังเสียง ปชช.ก่อน 
    เมื่อวันพุธ มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และตั้งนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกเมืองพัทยา เป็นที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อย่างกว้างขวาง โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงว่า ตนไม่ทราบว่านายสนธยาจะมาดูแลงานส่วนไหน เท่าที่ทราบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะให้มาดูเรื่องโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้รับเงินเดือนจะได้ประมาณ 6-7 หมื่นบาท ส่วนนายอิทธิพล ที่ได้รับเงินเดือนประมาณ 5 หมื่นบาท แต่ต้องเสียภาษีตามปกติ  ซึ่งการแต่งตั้งทั้ง 2 คนมีการแนบคุณสมบัติมาเรียบร้อยแล้ว ใน ครม.จึงไม่ได้มีการพูดอะไรกัน เสนอโดยสำนักนายกรัฐมนตรี 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองไม่ขัดต่อการรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ไม่ขัดกฎหมาย สมัยก่อนก็เคยมีแบบนี้ แต่ถ้าเป็น ส.ส.มาเป็นไม่ได้ ส่วนที่วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ตนไม่ทราบ โดยตำแหน่งมาเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง ฝ่ายการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนนายกฯ จะให้ทำอะไรก็แล้วแต่นายกฯ เหมือนกับรัฐมนตรีที่จะมีที่ปรึกษาทุกคน สำหรับนายกฯ อาจมีที่ปรึกษาได้ถึง 5 คน
     เมื่อถามว่า ถ้าวันหนึ่งประกาศวันเลือกตั้ง นายสนธยาลาออกไปสมัคร ส.ส.ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องลาออก แต่ถ้าจะลาออกก็ได้ เหมือนกับรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องลาออกเหมือนกัน แต่บังเอิญ ครม.ชุดนี้ รัฐธรรมนูญไปกำหนดไว้ ถ้าจะลงเลือกตั้งต้องลาออกก่อน ไม่อย่างนั้นลงเลือกตั้งไม่ได้ ส่วนที่มองว่าเป็นการหาแนวร่วมเพื่อสืบทอดอำนาจภายหลังการเลือกตั้งตนไม่ทราบ ต้องถามนายกฯ เอง
    นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายสนธยาระบุว่า นายสมคิดเป็นคนทาบทามเข้ามาช่วยงานด้านอีอีซีว่า ตนกับนายสนธยารู้จักกันมานาน และนายสนธยาได้อาสามา เพื่อจะสื่อสารกับประชาชน และทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ เพราะพื้นที่ของนายสนธยาเป็นอีอีซีอยู่แล้ว จุดสำคัญของอีอีซีคือประชาชนต้องเข้าใจ ในผลประโยชน์ที่จะได้รับ ซึ่งนายสนธยาเองก็มีคณะทำงานอยู่ในพื้นที่ ไม่มีอะไรมากมาย       
    นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้นายอิทธิพลยังไม่ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเหตุผลที่เลือกนั้นขอให้รอพิสูจน์ผลงานจะดีกว่า นายอิทธิพลเป็นอดีตนายกเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยว และตอนนี้ภาระงานของตนเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวมีตั้ง 2,200 กิจกรรมต่อปี ถ้ามีคนมาช่วยได้ก็ดีทั้งนั้น ซึ่งตนรู้จักกับนายอิทธิพลเคยเห็นฝีมือการทำงานมาก่อน เคยทำงานด้านกีฬาร่วมกัน ทั้งนี้ไม่ได้มองเป็นเรื่องการเมือง ส่วนเรื่องการดูดตัวนักการเมืองเพื่อแลกกับตำแหน่ง คงไม่เกี่ยวกับตน ตนก็ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่นี่ ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับใครเลย
พลังชลปัดมีเงื่อนไข
    ด้านนายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล กล่าวว่า การรับตำแหน่งของนายสนธยา เพื่อเข้าไปช่วยงานรัฐบาลในการขับเคลื่อนอีอีซี ขออย่านำเรื่องนี้มาเชื่อมโยงกับอนาคตทางการเมืองของพรรคพลังชลหลังการเลือกตั้ง เพราะเป็นการเข้าไปช่วยขับเคลื่อนงานในภาคตะวันออกที่เป็นพื้นที่ของพรรคพลังชล และนายสนธยา ก็มีประสบการณ์ในการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากทำมานาน การรับตำแหน่งนี้ถือเป็นประโยชน์ของส่วนร่วม ส่วนที่มองกันว่าเป็นดีลการเมืองในอนาคตนั้น ยืนยันว่าการรับตำแหน่งไม่มีเงื่อนไขหรือนัยใดๆ ทางการเมืองในอนาคตทั้งสิ้น พรรคพลังชลจะเดินหน้าทางการเมืองในนามพรรคต่อไป ไม่ไปรวมกับพรรคใดหรือรวมกับกลุ่มใด และนายสนธยาก็จะเป็นผู้นำพรรคต่อไปเช่นเดิม ส่วนหลังการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรนั้น ขอให้ถึงวันนั้นก่อน เพราะเราต้องรับฟังเสียงของประชาชนก่อน
    ขณะที่นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับบุคคลทั้งสอง ที่ได้รับตำแหน่งใหญ่ในรัฐบาลในฐานะคนบ้านเดียวกัน ที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากสนใจลงทุนในอีอีซี โดยรัฐบาลตีปี๊บว่าจะลงทุนพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานรองรับด้านต่างๆ ใช้งบทุ่มถึง 1.5 ล้านล้านบาท พอนักลงทุนจีนเข้ามาดูพื้นที่จะลงทุน ปรากฏว่าหน่วยงานรัฐยังไม่รู้ว่าจุดไหนจะเป็นพื้นที่สีม่วงที่สามารถทำนิคมอุตสาหกรรมหรือตั้งโรงงานได้ สรุปเป็นแค่การตีปี๊บสร้างผลงานแบบตีปลาหน้าไซ เพราะยังไม่มีอะไรชัดเจนจริง
    “ที่น่าแปลกคือ พล.อ.ประยุทธ์กลับให้สัมภาษณ์ว่า ให้นายสนธยามาเป็นที่ปรึกษาด้านการเมือง คนละเรื่องกับที่นายสมคิดบอก ถามว่าท่านร่วมประชุมอยู่ใน ครม.เดียวกันหรือไม่ เพราะตอบสังคมก็ยังไปคนละทาง สื่อจึงวิเคราะห์ว่าเป็นการตกเขียวเพื่อมัดจำทางการเมืองของผู้มีอำนาจกับกลุ่มการเมืองอิทธิพลท้องถิ่นโดยใช้ตำแหน่งการเมืองในรัฐบาลหมั้นหมาย ส่วนผลประโยชน์อื่นๆ คงจะตามมาช่วงก่อนเลือกตั้ง และระหว่างเลือกตั้ง นายสมคิดก็ยอมรับว่าวันนี้ให้ลูกน้องตั้งพรรคเพื่อดัน พล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกฯ ต่อเพื่อตัวเองจะได้บริหารอำนาจต่อ จึงไม่ต่างอะไรจากยุคทักษิณ แต่อยากถามว่าที่ผ่านมานายกฯ เคยด่าว่านักการเมืองทุจริต คอร์รัปชัน ชั่ว เลว แล้วทำไมวันนี้ต้องมาใช้วิธีตกเขียวนักการเมืองจากกลุ่มการเมืองเหล่านี้ไปร่วมรัฐบาลเพื่อให้เป็นนั่งร้านส่งตัวเองนั่งเก้าอี้สืบทอดอำนาจต่อ  เปรียบไปก็แค่สินค้าเก่าในกล่องแปะสลากใหม่” นายประมวลกล่าว
    ด้านนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงกรณีพรรคพลังชลถูกดึงไปร่วมงานรัฐบาล ว่า ไม่มีผลกระทบใดต่อพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นคนละฐานเสียงและคนละพื้นที่ ตนขอประกาศในวันนี้ว่า หากเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง และได้เสียงข้างมาก แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะไม่ได้เสียงจากพวกที่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่ายเผด็จการ เราพร้อมเป็นฝ่ายค้าน เราจะไม่ร่วมสังฆกรรมกับเผด็จการเด็ดขาด เราไม่เอา รวมถึงพรรคการเมืองที่ไปร่วมกับรัฐบาลเผด็จการขณะนี้ด้วย ขอแยกพวกชัดเจน เราไม่ร่วมมือ และขอให้ประชาชนเลือกข้างได้เลยว่า ใครนิยมเผด็จการก็ไปเลือกพวกนั้น หากใครรักประชาธิปไตยก็เลือกพวกตน
ท้าบิ๊กตู่เล่นแบบสุภาพบุรุษ
     นายวัฒนากล่าวท้าด้วยว่า ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศตัวให้ชัดเจนต่อการลงสนามเลือกตั้ง และหากจะลงเลือกตั้ง ตนพร้อมไปลงสมัครในเขตเป็นเพื่อน ในกติกาแม้ พล.อ.ประยุทธ์จะลงสมัคร ส.ส.ไม่ได้ ยังมีแนวทางของการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ของพรรคการเมือง แต่เชื่อว่าจะไม่ใช้วิธีการที่ต้องผ่านการเลือกหรือการตัดสินใจจากประชาชน ขอให้ความเห็นด้วยว่า พระพุทธเจ้าเคยบอกว่า คนต่างจากสัตว์เดรัจฉานตรงที่การรักษาคำพูด แต่การที่พูดกลับไปกลับมานั้น ที่ผ่านมาตนไม่เคยให้ค่าของ พล.อ.ประยุทธ์ 
     วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสมยศ ลีลาปัญญาเลิศ สามี เปิดบ้านย่านลาดปลาเค้า ให้นักการเมืองในกลุ่มกทม., ส.ก. และ ส.ข. พร้อมด้วยประชาชน รดน้ำดำหัว และอวยพรเนื่องในวันสงกรานต์ มีนักการเมืองในกลุ่มกว่า 20 คนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เป็นความชัดเจนที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการเข้าสู่การเมืองและปรารถนาอยากเป็นนายกฯ ต่อเพื่อสืบทอดอำนาจให้ยาวนานที่สุด จะหาวิธีเพื่อให้ได้เปรียบในการเลือกตั้งมากที่สุด ส่วนอนาคตพรรคเพื่อไทยจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังชลได้อีกหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ที่ทราบแน่ชัดคือพลังชลคงร่วมมือกับ พล.อ.ประยุทธ์แล้ว 
     “คสช.มีอำนาจทำได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาทำ ทั้งการแต่งตั้ง ส.ว. 250 คนให้มีสิทธิโหวตนายกฯ และทำได้อีกหลายเรื่อง สิ่งที่สะท้อนต่อเรื่องนี้คือ การเข้าสู่ประชาธิปไตยไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่สะท้อนความต้องการของประชาชน สมัยของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะไม่ทำหรือสร้างความได้เปรียบกับคู่แข่งทางการเมือง รัฐบาลใช้มาตรา 44 ใช้กฎหมาย ห้ามพรรคการเมืองทุกพรรคเคลื่อนไหว แต่ตนเองกลับทำได้ทุกอย่าง ทั้งใช้งบประมาณและกลไกของรัฐทั้งหมดทำฝ่ายเดียว ถือเป็นการเอาเปรียบทุกมิติ เป็นเรื่องไม่เหมาะสม" 
    คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอีกว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าไม่อยากเป็นนายกฯ แต่ตอนหลังพูดว่าจะเล่นการเมือง คือการกลืนน้ำลายหรือกลับคำหรือไม่ หากตัดสินใจแล้วควรเปิดเผยวิธีการว่าจะอยู่พรรคไหน ให้พรรคไหนสนับสนุน ทำด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ หากเลือกใช้วิธีแอบซ่อน หรือลับ ลวง พราง ใช้อำนาจกดหัวบุคคลอื่น และสร้างเงื่อนไขเอาเปรียบ เพื่อสร้างประโยชน์ให้ตัวเองฝ่ายเดียว อาจถูกตั้งคำถามจากสังคมได้ 
    เมื่อถามถึงความมั่นใจการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.ปี 2562 คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวสั้นๆ ว่า “ไม่คิดว่าจะเลือกตั้งเร็ว เพราะดูวิธีปฏิบัติของเขาแล้ว เขาไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเร็ว”
    เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ จ.นครปฐม  แกนนำพรรคเพื่อไทยกว่า 20 คน นำโดยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ, นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค, นายชัยเกษม นิติสิริ, นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล, นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายวราเทพ รัตนากร,  นายชูศักดิ์ ศิรินิล และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ  ออกรอบตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟนิกันติของตระกูลสะสมทรัพย์ โดยมีนายไชยยศ สะสมทรัพย์ อดีต รมช.การคลัง และนายอนุชา สะสมทรัพย์ อดีต ส.ส.นครปฐม รอให้การต้อนรับ ขณะที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ อยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ และนายไชยา สะสมทรัพย์ รักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยระหว่างการให้การต้อนรับนายสมชายและนายภูมิธรรมได้เอ่ยปากชวนนายไชยยศ ให้ไปอยู่พรรคเพื่อไทยด้วยกัน ซึ่งนายไชยยศได้แต่หัวเราะ โดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
พท.ดึงสะสมทรัพย์ไร้ผล
     นายอนุชากล่าวว่า สนามกอล์ฟนี้เปิดรับทุกคน เราไม่รู้ล่วงหน้าว่าใครจะเดินทางมา แต่ในฐานะเจ้าของสนามเมื่อรู้ว่ามีผู้ใหญ่มาจะมาให้การต้อนรับทุกคน เช่นเดียวกับกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาก่อนหน้านี้ วันนี้จะไม่มีการพูดคุยเรื่องการเมือง พร้อมกับพยายามส่งสัญญาณให้แกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่ให้พูดเรื่องการเมือง เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการยืนยันสมาชิกพรรคเพื่อไทยของคนในตระกูลสะสมทรัพย์ นายอนุชาระบุเพียงว่า "เมื่อชาติต้องการ"
    ด้านนายภูมิธรรมกล่าวว่า จะไม่สอบถามเรื่องการเป็นสมาชิกภาพกับอดีต ส.ส.ในตระกูลสะสมทรัพย์ เพราะถือว่าเป็นการพบปะเพื่อออกกำลังกายและพูดคุยเรื่องทั่วไป ซึ่งพรรคยังมีเวลายืนยันสมาชิกภาพจนถึงวันที่ 30 เม.ย. เราเคารพการตัดสินใจของอดีต ส.ส.ทุกคน
    ส่วนนายสมชายกล่าวว่า วันนี้มาตีกอล์ฟจริงๆ สมาชิกพรรคหลายคนชอบตีกอล์ฟ จะวนไปสนามต่างๆ วันนี้เรามาที่สนามนิกันติ เจ้าของสนามมาให้การต้อนรับเพราะเคยทำงานการเมืองกันมา แต่ไม่ได้คุยการเมือง ไม่ได้มาจีบตระกูลสะสมทรัพย์ เพราะทุกคนมีวุฒิภาวะ มีวิจารณญาณว่าจะทำงานการเมืองกันอย่างไร ไม่ขอก้าวก่าย และไม่เกี่ยวข้องกับการยืนยันสมาชิก ส่วนที่นายกฯ บอกว่าอย่าเคลื่อนไหวทำอะไรผิดกฎหมายนั้น เราไม่จำเป็นต้องสื่อสารอะไร ไม่ได้ทำผิดก็ไม่ต้องแก้ตัว
    เมื่อถามถึงกรณีนายสนธยา คุณปลื้ม รับตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ นายสมชายตอบว่า ถ้าคิดเป็นประโยชน์กับบ้านเมืองไม่เสียหาย ไม่ขอวิจารณ์ อยู่ที่ดุลพินิจ ถ้าคิดว่าทำดีเราก็สนับสนุน ส่วนพรรคเพื่อไทยกับพลังชลจะร่วมงานการเมืองกันในอนาคตได้หรือไม่ คิดว่าตอนนี้เป็นอะไรไม่ได้ทั้งนั้น เพราะยังไม่เปิดให้มีการเคลื่อนไหว แต่ต้องไปถามนายสนธยาด้วยจะว่าอย่างไร อย่าเพิ่งตื่นเต้น ก.พ.62 จะมีเลือกตั้งหรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย
    ขณะที่นายไชยยศกล่าวถึงจุดยืนตระกูลสะสมทรัพย์ว่า พวกเราเป็นผู้อาสามาบริหารประเทศเพื่อประชาชน ประชาชนจับตาดูพวกเราอยู่ จะต้องถามประชาชนว่าจะให้เราไปอยู่ที่ไหน ที่ผ่านมาจากการฟังเสียงประชาชน ก็มีทั้งสองทาง คือให้อยู่ทั้งกับ คสช.และอยู่กับพรรคเพื่อไทย แต่สุดท้ายการเมืองก็คือ อนัตตา ไม่อยู่ภายใต้การบังคับของใคร แต่ก็ต้องฟังเสียงประชาชนด้วย 
    เมื่อถามว่า นายกฯ ได้มาทาบทามตระกูลสะสมทรัพย์ไปเป็นที่ปรึกษาเหมือนตระกูลคุณปลื้มหรือไม่ นายไชยยศกล่าวว่า เขาก็ได้แล้ว และทางนายกฯ ก็ไม่ได้หารือหรือคุยกับตระกูลสะสมทรัพย์ ขอให้ท่านติดต่อก่อนแล้วเราจะบอก ยืนยันว่าตระกูลสะสมทรัพย์ไม่เคยมืดมนทางการเมือง เราชัดเจนตลอด ส่วนการยืนยันสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น ตนเคยถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปก่อนหน้านี้ และยังไม่ได้สมัครสมาชิกพรรคใด ถึงวันที่เปิดรับสมัคร ก็จะได้รู้ว่าตนจะไปหรือไม่ ตอนนี้ขออยู่กับตัวเองก่อน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"