9 ส.ค.63 - นายจิรายุส วรรธนะสิน หรือ โจ นูโว นักร้องชื่อดัง ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กชื่อ Jirayut Wattanasin ซึ่งเป็นการไลฟ์สดครั้งแรกของ โจ นูโว เพื่อแถลงข้อเท็จจริงกรณีมีผู้ไม่หวังดีทำเฟซบุ๊กปลอม 2 บัญชี คือ Jirayut Wattanasin ซึ่งใช้ URL ที่อยู่เว็บไซต์ www.facebook.com/nuvojoe และอีกบัญชีชื่อ โจ นูโว จิรายุส วรรธนะสิน ที่อยู่เว็บไซต์ www.facebook.com/nuvojo ทั้งสองเพจนี้คือ ของปลอมและปล่อยข่าวเท็จทำให้ตนเกิดความเสียหาย และยังมีบุคคลอื่นรวมทั้งสื่อออนไลน์บางแห่งนำไปแชร์ต่อให้สังคมเกิดความเข้่าใจผิด จนถูกคนอ่านเข้ามาด่าทออย่างรุนแรงเป็นจำนวนมาก ซึ่งผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ตนเคยเข้าไปแจ้งความดำเนินคดีต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) แต่ก็ยังมีสื่อนำข้อมูลเพจปลอมไปนำเสนอข่าวอีกโดยไม่สนใจที่จะตรวจสอบให้ดีก่อน ทั้งนี้เฟซบุ๊กจริงของตนเองมีเพจเดียวเท่านั้นคือ www.facebook.com/khunjirayut

"จุดเปลี่ยนสำคัญคือ มีคนปลอมตัวผมเข้าไปอยู่ในกลุ่มหมิ่นสถาบัน ซึ่งตัวผมเป็นคนมีจุดยืนเรื่องความจงรักภักดีสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด ผมไม่อยากให้ประชาชน มิตรรักแฟนเพลงตกเป็นเหยื่อ ไปหลงเชื่อพวกนั้นแล้วเอามาแชร์ลงในเฟซบุ๊คตัวเอง ซึ่งทำให้ตนเสียหาย ดังนั้นการที่ผมออกมาไลฟ์สดเพื่อจะประกาศให้ประชาชนได้รับรู้ความจริง และไม่กระทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์" 

โจ นูโว กล่าวว่า เราเห็นต่างทางการเมืองได้ แต่เราก็ต้องอยู่ร่วมกันได้ด้วยความจริง เรารักกันได้ ผมมีสันติสุขให้ทุกคน แต่เราต้องไม่อยู่กันด้วยความปลอม อย่าชกใต้เข็มขัด มันไม่ใช่ และเรื่องที่ผมรับไม่ได้คือ ปลอมเฟซบุ๊กในเรื่องหมิ่นสถาบัน ผมก็จะเดือดร้อนเพราะได้รับความเสียหาย คนแชร์ต่อก็เดือดร้อนเพราะทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะสำนักข่าวออนไลน์ที่ลงข่าวปลอม คุณไม่เห็นเหรอว่าผมเป็นมนุษย์ คุณรู้ว่าปลอมแล้วไปลงทำไม เพราะผมไม่ใช่คนแหย แต่ผมเป็นคนอดทน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ผมไม่ออกมาไลฟ์สดหรอกครับ ผมรักทุกคน ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อแชร์ในสิ่งผิดกฎหมาย

ล่าสุด นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ หรือ ฟอร์ด เส้นทางสีแดง นักกิจกรรมเคลื่อนไหวการเมืองต่อต้านรัฐบาล ได้โพสต์ข้อความโจมตีโจ นูโว โดยนำข้อความจากเฟซบุ๊กปลอมมาเผยแพร่ให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจผิดกรณีแขวะนักศึกษาไม่เข้าร่วมพิธีรับปริญญาว่า หาเงินเรียนเองได้หรือยัง ซึ่งมีผู้หลงเชื่อเข้ามาด่าโจ นูโว และแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก การกระทำดังกล่าวถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์