วงจรอุบาทว์


เพิ่มเพื่อน    

ดูจากกิริยา อาการ ท่าทางคงเอาแน่แล้วนั่นแหละ...ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ สำหรับการแปรสภาพตัวเองจากอดีตทหาร มาเป็นนักการเมืองแบบเต็มเนื้อ เต็มตัว ไม่งั้น...คงไม่ต้องเสียเวลาต่อสง ต่อสาย ดึงคนโน้น ดูดคนนี้ มุ่งเดินสายสมานฉันท์ ปรองดอง กับกลุ่มการเมืองกลุ่มโน้น กลุ่มนี้ ซะจนกลิ่นหมัก กลิ่นดอง หอมหวนรัญจวนใจไปทั่วทั้งไหปลาร้า ได้ถึงปานนั้น...

                                                                ---------------------------------------------

                ไล่มาตั้งแต่กลุ่มปลาไหลใส่สเกต กลุ่มสุโขทัยเรียงหิน กลุ่มซุ้มมือปืนนครปฐม ฯลฯ ล่าสุดถึงกับต้องลงไปล้วง ไปควัก กลุ่มฉลามชล ชนิดมือไม้เต็มไปด้วยเมือกกันเห็นๆ ยิ่งได้รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ รัฐมนตรีอุตสาหกรรม รัฐมนตรีพาณิชย์ พร้อมที่จะเนรมิต เขตเศรษฐกิจพิเศษ รองรับกันโดยเฉพาะ โดยมีปลัดคลังคนใหม่ ที่ว่ากันว่า...เชี่ยวชาญการรีดภาษีทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เข้ามาช่วยก่อรูป ก่อร่าง อะไรต่อมิอะไรมันก็เริ่มเป็นวุ้นๆ เป็นตัว เป็นตน ขึ้นมามั่งแล้ว...

                                                               ----------------------------------------------

                เรียกว่า...แม้ว่า กองหนุน แบบเก่าจะแยกย้าย สลายร่าง หันไปเป็นกองเกิน กองหลอน กันเป็นจำนวนไม่น้อย แต่การดึงเอากองหนุนแบบใหม่เข้ามาประจำการ ก็ดูจะหนักแน่น อูมฟูม อยู่พอสมควร เพียงแต่รูปร่าง หน้าตา ของกองหนุนแบบเก่ากับกองหนุนแบบใหม่ มันออกจะผิดแผก แตกต่าง ไปแบบคนละเรื่อง คนละม้วน คือแบบเก่านั้น...อาจจะหนุนด้วยใจ แค่ร้องเพลงให้ฟังแค่ไม่กี่เพลง ก็ยอมแล้ว แต่แบบใหม่นั้น มันอาจต้องหล่อเลี้ยง ต้องให้ผลตอบแทนแบบเป็นเนื้อ เป็นหนัง กันจริงๆ เพราะต่างหนักไปทางเสือ สิงห์ กระทิง แรด กระซู่ สมเสร็จ ปีกงอก เกล็ดแตกลายงา พร้อมที่จะพ่นไฟได้ทุกเมื่อ...

                                                                ------------------------------------------------

                ก็เอาเถอะ...ในเมื่ออดีตทหาร อยากจะเป็น นักการเมือง กะเค้ามั่ง อะไรต่อมิอะไรมันคงต้องออกมาในแนวนี้นั่นแหละท่าน ไล่มาตั้งแต่อดีตทหารที่สุดแสนจะฉลาด ลึกซึ้ง ถึงขั้นได้ชื่อ ฉายา ว่า อินทรีบางเขน อย่างพลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ อดีตนักเรียนแพทย์ที่อุตส่าห์ลาออกมาเป็นนักเรียนเตรียมทหาร มันสมองก้อนโตเบ้อเร่อเหิ้ม อย่างพลเอก สุจินดา คราประยูร ไปจนถึงอดีตทหารที่ได้ขึ้นชั้น ขึ้นชื่อ ถือเป็น ขงเบ้งแห่งกองทัพบก อย่างพลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็ออกมาในแนวนี้ด้วยกันทั้งนั้น คือสุดท้าย... มังกร ก็ต้องกลายเป็น งูดิน  หลังจากแปลงสภาพจากอดีตทหารมาเป็นนักการเมือง แบบเหมือนๆ กันไปหมด...

                                                                 --------------------------------------------------

                คือว่าไปแล้ว...การเมืองนั้น มันคงไม่ได้มีแต่อะไรร้ายๆ เน่าๆ มีแต่สิงสาราสัตว์กันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง ที่เป็นผู้เป็นคน หรือที่ดูดีๆ ก็น่าจะพอมีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ไม่ต่างไปจากวงการอื่นๆ ที่ต้องมีทั้งคนดี คนไม่ดี ปะปนกันไป เพียงแต่ว่า...นักการเมืองประเภทดีๆ หรือดูดีนั้น ออกจะเป็นอะไรที่ พูดยาก อยู่ซักหน่อย จะไปสั่งหันขวา-หันซ้าย แบบสั่งแถวทหาร...คงลำบาก มีแต่ต้องอาศัยมธุรสวาจา มธุเรศวจี ชนิดเมื่อยปาก เมื่อยลิ้น อยู่ตามสมควร ต้องอาศัยทั้ง ศาสตร์ ทั้ง ศิลป์ ระดับที่สามารถสั่งการ โคนันทวิศาล ให้ไถซ้าย ไถขวา ไปตามเจตประสงค์จำนงหมาย และด้วยเหตุที่มันเป็นอะไรซึ่งยุ่งยากอยู่พอสมควรเช่นนี้นี่เอง บรรดาอดีตทหารโดยส่วนใหญ่ เลยมักหันไปคว้า ไอ้เณรทางการเมือง มาประดับบารมีกันเป็นหลัก...

                                                                 ----------------------------------------------------

                แต่กว่าจะรู้ว่า ไอ้เณร แต่ละรายนั้น เป็น สัตว์ประหลาด ปลอมตัวมา ส่วนใหญ่...ก็มัก สายไปแล้ว ด้วยกันทั้งสิ้น บรรดาอดีตทหารทั้งหลายเลยมักต้อง ตกม้าตาย ไปเป็นรายๆ ไม่ว่าเร็ว หรือช้า ถ้ามีข้อยกเว้น...ก็คงต้องรายอดีตทหารอย่าง ป๋าเปรม นั่นแหละ ที่พอรู้ พอแยกแยะได้ ว่าอะไรดี-ไม่ดี อะไรของจริง อะไรปลอมตัวมา สามารถอาศัย ศาสตร์ และ ศิลป์ ไถคราดบ้านเมืองมาได้ต่อเนื่องประมาณ 8 ปี แต่สุดท้าย...กระทั่ง ป๋ามาเอง ก็ไม่ไหวแล้ว ป๋าพอแล้ว กันจนได้ เพราะการจับปูใส่กระด้งที่ว่ายากแล้ว เจอเข้ากับการจับนักการเมืองใส่กระด้ง ย่อมกลายเป็นของเด็กเล่นไปโดยทันที...

                                                                 ----------------------------------------------------

                แต่ทำไงได้...ในเมื่อการหาจำนวนเสียงสนับสนุนระดับ 500 กว่าๆ ในรัฐสภา เพื่อให้ได้มาซึ่ง นายกฯ คนนอก นั้น มันออกจะเป็นอะไรที่ยากเย็น แสนเข็ญ พอสมควร ต่างไปจากการอาศัยนายกฯ ที่มาจากพรรคการเมืองซึ่งมีเสียง ส.ส.แค่ 25 เสียง ก็สามารถเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่ง บวกจำนวนเสียงวุฒิสมาชิกกับ ส.ส.เพียง 300 กว่าๆ ก็น่าจะพอสานต่อ ยุทธศาสตร์ 20 ปี ได้มั่ง แต่จะอยู่จริงๆ ได้อีก 20 วัน หรือ 20 เดือน อันนั้น...คงต้องไปว่าเอาข้างหน้า หรือไปตายดาบหน้ากันเอาเอง...

                                                               ------------------------------------------------------

                อย่างไรก็ตาม...ด้วยกิริยา ท่าทาง ที่ออกไปในแนวนี้นั้น คงต้องเรียกว่า...แทบไม่ต้องพูดถึงการปฏิร่ง ปฏิรูป อะไรให้เมื่อยหู เมื่อยปาก เพราะแค่จะปฏิรูปตัวเอง...ก็ตายแล้ว!!! เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างมันออกไปทางหน้าเดิม เหมียลล์ล์ล์เดิมม์ม์ม์ ไม่ได้มีอะไรผิดแผก แตกต่าง ไปจากที่เท่าที่มันเคยเป็นมานั่นแหละทั่น ปฏิวัติแล้วเลือกตั้ง เลือกตั้งแล้วปฏิวัติ วนไป-วนมาเป็น วงจรอุบาทว์ เกือบร่วมศตวรรษเข้าไปแล้ว นอกเสียจากจะเกิดอุบัติการณ์ในระดับ ฟ้าผ่าจากสวรรค์ชั้นที่ 9 เปรี้ยงลงมาแบบที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน อันนั้นนั่นแหละ....อาจพอทำให้วงจรอุบาทว์ขาดสะบั้นลงไปได้จริงๆ!!!

                                                                   -----------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sister Helen Prejean... There are two situations that make interesting stories: when an extraordinary person is plunged into the commonplace, and when an ordinary person gets involved in extraordinary events.- มีสถานการณ์สองอย่างที่ทำให้เกิดเรื่องราวน่าสนใจ นั่นคือ เมื่อคนพิเศษถลำลงไปในสถานการณ์ธรรมดา และเมื่อคนธรรมดาเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์พิเศษ...

                                                                  ------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"