นอกจากคนไทยกำลังเผชิญกับโรคโควิด-19 แล้ว เรายังต้องเผชิญกับโรคชังชาติที่มีนักการเมืองและนักวิชาการบางคนเป็นคนแพร่เชื้อ อาการของพวกเขาที่แสดงให้เห็นมีมากมาย
· เขามองประเทศไทยเป็นกะลาแลนด์ที่ไม่มีอะไรดี ทุกอย่าง “เฮงซวย” ไปหมด
· พวกเขาถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมที่เกิดมาเป็นคนไทย
· ถ้าได้เกิดอีก พวกเขาไม่ต้องการที่จะเกิดมาเป็นคนไทย
· ถ้ามีลูก พวกเขาไม่ต้องการให้ลูกเขาเติบโตในประเทศไทย
· พวกเขารู้สึกอยากจะอาเจียนเมื่อต้องร้องเพลงชาติ
· พวกเขาไม่คิดว่าการเอาธงดำขึ้นเสาธงแทนธงไตรรงค์เป็นเรื่องแปลกอะไร เขาแขยงสีน้ำเงิน ขาว แดง
· เขารังเกียจขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของประเทศไทย
· เขาไม่เชื่อเรื่องการเคารพผู้อาวุโสที่เป็นวัฒนธรรมไทยมานานช้า
· เขาออกไปประณามประเทศไทยให้ต่างชาติฟัง เพื่อให้ต่างชาติแทรกแซงประเทศไทย
· เขารังเกียจระบอบการปกครองของประเทศไทย เขาต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง
· เขาต้องการยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะไม่กตัญญูต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เวลาที่เราเห็นคนที่มีอาการเช่นนี้ เราคิดว่าเขาเป็นพวกชังชาติที่ยังคงอาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทย แต่ไม่มีความกตัญญูต่อแผ่นดิน ที่น่ากลัวก็คือคนพวกนี้เผยแพร่เชื้อโรคชังชาติให้กับเยาวชนของชาติ ด้วยการบิดเบือนความจริง พูดความจริงเพียงบางส่วนเพื่อให้เยาวชนคล้อยตามแล้วเกิดอาการติดโรคชังชาติ ที่น่ากลัวก็คือโรคนี้รักษาไม่หาย คนติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่รักษาหาย แต่คนติดโรคชังชาตินั้นยากที่จะรักษา เวลานี้ยังหายาไม่เจอ วัคซีนก็ยังไม่มี ในขณะเดียวกันโรคนี้ก็แพร่กระจายในกลุ่มเยาวชนอย่างกว้างขวาง เวลาที่มีคนทักท้วงว่าพวกเขาเป็นโรคชังชาติ พวกเขามักจะเช้าใจผิดคิดว่า เรากล่าวหาว่าพวกเขาชังชาติ เพราะเขาด่ารัฐบาล เขาด่านายกรัฐมนตรี ซึ่งการจะด่ารัฐบาล หรือด่านายกรัฐมนตรี ก็เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในฐานะประชาชนของประเทศ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การติดเชื้อโรคชังชาติแต่อย่างใด หากจะมีการกล่าวหาใครว่าติดเชื้อโรคชังชาติ พวกเขาจะต้องแสดงอาการดังที่กล่าวมาช้างต้น
หากเยาวชนของเราติดเชื้อโรคชังชาติกันมากขึ้นเรื่อยๆ ลองคิดดูว่าอนาคตของประเทศไทยจะเป็นเช่นไร พ่อแม่จะยอมให้ลูกของท่านติดเชื้อโรคนี้กระนั้นหรือ ท่านจะไม่ช่วยเตรียมความรู้ ความเข้าใจ และทัศนคติให้ลูกท่านมีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อโรคชังชาติบ้างเลยหรือ เวลาที่ลูกของท่านเข้าใจนักการเมืองที่เป็นตัวแพร่เชื้อโรคชังชาตินั้น ท่านเห็นดีเห็นงามและเห็นด้วยกับการที่ลูกของท่านจะได้รับเชื้อโรคชังชาติจากนักการเมืองเหล่านั้นกระนั้นหรือ คุณครูทั้งหลาย ท่านเคยสังเกตเห็นลูกศิษย์ของท่านว่ามีภูมิคุ้มกันบกพร่องที่จะรับเชื้อโรคชังชาติบ้างหรือเปล่า ท่านจะใช้การอบรมสั่งสอน ชี้แนะวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกศิษย์ของท่านหลุดพ้นจากการติดโรคชังชาตินี้บ้างหรือไม่ หรือท่านคิดว่าความคิดและการกระทำของลูก ของลูกศิษย์ เป็นพลังบริสุทธิ์ที่สามารถจะแสดงออกได้ เพื่อเป็นการสร้างอนาคตของพวกเขาเอง โดยที่พวกเราที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ควรจะไปยุ่งกับอนาคตของพวกเขา เรามั่นใจได้แค่ไหนว่าความคิดและการกระทำของเขาเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ไม่ได้โดนยาพิษมาก่อให้เกิดอาการชังชาติ
ปัญหาความแตกแยกของคนในชาติถูกเปลี่ยนไป จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างอำมาตย์กับไพร่ คนรวยกับคนจน คนกรุงเทพฯ กับคนต่างจังหวัด มาเป็นผู้สูงวัยกับเยาวชน เพราะมีคนใส่ข้อมูลที่เป็นพิษภัยต่อความมั่นคงของประเทศ แล้วพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง บุคคลที่เป็นผู้นำทางความคิด นักวิชาการที่มีความรักชาติ จะนิ่งเฉยปล่อยให้มีคนแพร่เชื้อโรคชังชาติให้หมู่เยาวชนของเราไปเรื่อยๆ เช่นนี้หรือ ระวังมันจะลุกลามใหญ่โตจนติดเชื้อกันครึ่งค่อนประเทศ ถึงเวลานั้นเราอาจจะรับมือกับโรคชังชาตินี้ไม่ไหว เราจะไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือที่เราปล่อยให้ประเทศไทยต้องพบกับความเสื่อม เพราะพวกเราเพิกเฉยต่อการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกหลานและลูกศิษย์ จนวันหนึ่งพวกเขาไม่ได้ชังชาติเท่านั้น แต่พวกเขาจะชังพวกเราด้วย พวกเขาจะมองเราเป็นไดโนเสาร์ เต่าล้านปี ที่ไม่ควรจะยุ่งกับอนาคตของพวกเขา เพราะเขาไม่ต้องการรับความหวังดีจากเรา พวกเขาต้องการกำหนดอนาคตของเขาเอง และส่วนหนึ่งของอนาคตของพวกเขาคือการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่ไม่มีสถาบันหลักของประเทศที่มีความสำคัญกับการพัฒนาประเทศไทยของเรามาเป็นเวลาหลายร้อยปี
ผู้ใหญ่ทั้งหลายต้องไม่ยอมจำนนกับนักการเมืองที่มุ่งมั่นในการแพร่เชื้อโรคชังชาติให้เยาวชน เราต้องไม่ยอมจำนนกับเหตุผลที่ไม่เข้าท่าของลูกหลานและลูกศิษย์ที่กำลังแสดงอาการของคนที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และติดเชื้อโรคชังชาติ ถ้าหากเราต้องการให้ลูกหลานเหลนของเรามีประเทศไทยที่ร่มเย็นและมั่นคง มีอารยธรรมและวัฒนธรรมที่รุ่งเรือง เราต้องไม่ท้อแท้หรือยอมจำนนกับความคิดและการกระทำของพวกเขาในยามนี้ เราต้องรีบให้ความรู้ ให้ข้อมูล จงให้ความรู้แก่ลูกศิษย์และลูกหลานของเรา เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เขาให้พ้นจากการติดเชื้อโรคชังชาติ เราต้องสอนให้ลูกหลานและลูกศิษย์ของเราให้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองที่เป็นภัยต่อแผ่นดิน เราต้องพึ่งพา “บวร-บ้าน วัด และโรงเรียน” ผนึกกำลังกันในการสร้างภูมิคุ้มกันการติดเชื้อโรคชังชาติ ที่บ้านพ่อแม่ก็ต้องสอน ที่โรงเรียนครูก็ต้องสอน พระสงฆ์ก็ต้องปลูกฝังความกตัญญูรู้คุณแผ่นดินและบูรพกษัตริย์ให้แก่เยาวชนของเรา ต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ ต้องทำกันอย่างจริงจังและเข้มข้น แม้ว่าเยาวชนของเราจะไม่ค่อยเข้าวัด แต่ก็มีพระบางรูปที่ยังพอที่จะสื่อสารให้โดนใจเยาวชนได้
ปัญหาการแพร่เชื้อโรคชังชาติในประเทศเวลานี้ บ้าน วัด และโรงเรียนจะเพิกเฉยต่อการสร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชนไม่ได้แล้ว อย่าอ้างว่ามีภาระเยอะจนไม่มีเวลาที่จะสอน อย่าอ้างว่าไม่มีปัญญาที่จะสอน เลยต้องยอมจำนน ความไม่สนใจที่จะสอนของผู้ใหญ่จะมีส่วนในการทำลายชาติ แม้ว่าผู้ใหญ่ไม่ได้ติดเชื้อโรคชังชาติ อย่าลืมนะว่าประเทศชาติจะล่มจมใช่เพราะคนไม่ดีทำไม่ดี แต่เป็นเพราะคนดีเพิกเฉยต่อการทำไม่ดีของคนที่ไม่ดี ท่านทั้งหลายต้องมีความเชื่อ ท่านสามารถอบรมสั่งสอนโน้มน้าวจิตใจเยาวชนลูกหลานและลูกศิษย์ของท่านให้มีภูมิคุ้มกันไม่ให้ติดเชื้อโรคชังชาติได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |