ครูตั้นชงนายกฯ เปิดเรียนเต็มสูบ โอ่UNยกก้นไทย


เพิ่มเพื่อน    

 ตีข่าวก้องโลกไทยตัวอย่างรับมือวิกฤติโควิด-19 ยูเอ็นชี้องค์การอนามัยโลกยกเป็นประเทศประสบความสำเร็จจากความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ด้าน “ณัฏฐพล” ชงนายกฯ ไฟเขียวจัดการเรียนการสอนเต็มรูปแบบพฤหัสฯ นี้

    เมื่อวันศุกร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 15 รายในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,345 ราย หายป่วยสะสม 3,148 ราย ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 139 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่มาจากอียิปต์ 4 ราย เป็นชายไทยอายุ 22, 23, 26 และ 28 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 24 ก.ค. เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 5 ราย เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ส.ค. ทั้งหมดไม่มีอาการ
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า อีก10 รายมาจากซาอุดีอาระเบีย โดยเป็นนักศึกษาชายไทย 9 ราย อายุระหว่าง 24-28 ปี และเป็นชายไทยพนักงานโรงงาน 1 ราย อายุ 43 ปี ทั้งหมดเดินทางถึงไทยวันที่ 25 ก.ค. เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 2 ราย เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 11 ของการเข้ากักตัว ทั้งหมดไม่มีอาการ และมาจากญี่ปุ่น 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 29 ปี อาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 31 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.สมุทรปราการ ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 5 ส.ค. ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการเข้ากักตัว ผู้ป่วยไม่มีอาการ  สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 19,256,652 ราย รักษาหายแล้ว 12,357,308 ราย เสียชีวิต 711,680 ราย
    "ส่วนข่าวที่น่าสนใจในต่างประเทศ นางคีตา สภารวัล ผู้แทน องค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้เขียนบทความลงในเว็บไซต์ขององค์การสหประชาติ เพื่อแสดงความชื่นชมความสำเร็จของประเทศไทยในการจัดการกับวิกฤติโควิด-19 ที่ทำให้องค์การอนามัยโลกยกย่องให้ไทยและนิวซีแลนด์เป็นความสำเร็จที่ประเทศอื่นควรศึกษา โดยระบุว่าความสำเร็จนี้มาจาก 3 ปัจจัย 1.การดำเนินมาตรการของรัฐบาล 2.ความรับผิดชอบต่อสังคมของจิตอาสา และ 3.ความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนในการช่วยกันป้องกันโรค ดังนั้น จึงขอยกความสำเร็จนี้เป็นความดีความชอบของประชาชนทุกท่าน ศึกนี้ยังอีกยาวนาน ต้องอาศัยความร่วมมือของประชาชนต่อไป" นพ.ทวีศิลป์กล่าว
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ส่วนคนไทยที่ตกค้างกลับประเทศไทย วันที่ 7 ส.ค. มี 258 ราย จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสิงคโปร์ และวันที่ 8 ส.ค. อีก 502 ราย จากเนเธอร์แลนด์ กาตาร์ อินเดีย และสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ในวันถัดไปหากพี่น้องท่านใดจะเดินทางกลับขอให้ประสานไปยังสถานทูตแต่ละประเทศนั้น ส่วนที่เลบานอนเรามีความเป็นห่วงและกังวล เพราะมีเรื่องของการระเบิด ทำให้มีคนไทยที่บาดเจ็บ หากใครต้องการความช่วยเหลือทางสถานทูตที่อยู่ใกล้จะช่วยกันดูแล
    เมื่อถามว่า ประชาชนอยากทราบว่ามีโรงแรมใดบ้างที่เข้าร่วมเป็น Alternative State Qurantine (ASQ) รวมทั้งอยากให้แต่ละโรงแรมติดป้ายหน้าโรงแรมเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจก่อนเข้าไปได้หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เราได้มีการเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ w ww.sscovid.com ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพว่ามีโรงแรมใดบ้างที่ร่วมเป็น ASQ ไม่มีการปิดบัง ยืนยันว่าในโรงแรมจะมีมาตรการต่างๆ จะแยกของใช้ มีการตรวจหาเชื้อโควิดถึง 2 ครั้ง มีระบบป้องกันความปลอดภัยผ่านมาตรการควบคุมโรค ถ้ากักตัวไม่ครบ 14 วันห้ามออกนอกโรงแรม
    "คนที่มาโดยส่วนใหญ่เป็นคนปกติไม่มีเชื้อ ความเสี่ยงน้อยมาก เรามีการตรวจ 2-3 ครั้ง ตรวจอย่างเร็วถ้าติดเชื้อก็จะนำตัวออกไปเลย ส่วนการติดป้ายหน้าโรงแรมว่าเป็น ASQ นั้น ต้องให้สิทธิ์ทางโรงแรม ถ้าติดป้ายแล้วแสดงถึงความมีคุณภาพระดับสูง มีประสิทธิภาพของการทำงาน จะเป็นการเชื้อเชิญคนมา เพราะแสดงถึงมาตรฐานที่ดี การจะได้เข้าร่วมต้องผ่านการตรวจสอบจากฝ่ายความมั่นคง กระทรวงสาธารณสุขอย่างละเอียด" นพ.ทวีศิลป์ระบุ  
    เมื่อถามว่า การเข้าฝึกของทหารสหรัฐอเมริกาเข้าพักในไทยโรงแรมคอนราด ผลตรวจโควิดเป็นอย่างไรบ้าง และมีไปพักที่ไหนบ้าง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องนี้กองทัพบกเจ้าภาพร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ให้ข้อมูลรายละเอียด และผลตรวจออกมาแล้วทั้ง 110 ราย ยังไม่พบเชื้อ เข้าพักใน 3 โรงแรมคือ คอนราด อนันตราริเวอร์ไซด์ และดิไอดอล
    โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ จะมีการพิจารณา 5 ประเด็น คือ 1.การเปิดโรงเรียนโดยไม่ต้องสลับกันเรียน ที่จะต้องมีมาตรการรองรับ ทำอย่างไรจะให้เด็กเรียนได้ในห้องเรียนโดยไม่ต้องติดเชื้อ โดยกระทรวงศึกษาธิการจะเสนอรูปแบบขึ้นมาเพื่อพิจารณาร่วมกัน 2.การเปิดให้บริการรถโดยสารสาธารณะ ในรูปแบบสามารถนั่งได้เต็มทุกที่นั่ง นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า 3.การแข่งขันกีฬาแบบมีผู้เข้าชม ที่ขณะนี้มีการนำร่องแล้วที่ จ.ระยอง โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเสนอรูปแบบเข้ามา เพื่อให้ศบค.พิจารณาในเชิงนโยบาย 4.การขายอาหารบนเครื่องบิน และ 5.การขยายเวลาการเปิดสถานบริการถึงตีสอง อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวที่ทำเนียบฯ ครั้งต่อไปอาจเป็นอีก 1-2 สัปดาห์ ที่มารายงานสถานการณ์ใหญ่ๆ สำคัญๆ แต่หากยังไม่มีอะไรมาก จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขที่แถลงข่าวทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์
    วันเดียวกัน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่าวันนี้ได้มีการพิจารณาให้โรงเรียนสามารถทำเรียนการสอนอย่างเต็มรูปแบบ 100% โดยไม่ต้องเว้นระยะเหมือนแต่ก่อน แต่นักเรียนจะต้องมีการจดบันทึกทุกครั้งว่า เมื่อเลิกเรียนแล้วได้ไปไหนมาบ้าง เพื่อเป็นมาตรการในการติดตามตัวกรณีเกิดการแพร่ระบาดของโรคในสถานศึกษา ซึ่งมั่นใจได้ว่ากระทรวงสาธารณสุขสามารถจัดการความปลอดภัยในประเทศได้ และมีมาตรการแก้ไขปัญหาต่างๆ
    เมื่อถามว่า จะต้องมีการสลับวันเรียนอยู่หรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ไม่ต้องแล้ว หากโรงเรียนสามารถบริหารจัดการ เชื่อว่าครูในประเทศไทยสามารถจัดการแนวทางได้ แต่พยายามให้มีการเรียนในห้องเรียนน้อยที่สุด
    นายณัฏฐพลระบุว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวไม่ต้องเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ แต่จะนำเสนอนายกรัฐมนตรีในวันจันทร์ที่ 10 ส.ค.นี้ หากนายกฯ ตัดสินใจลงนาม ก็คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดเรียนแบบ 100% ในวันพฤหัสฯ 13 ส.ค.นี้ ส่วนการประเมินรูปแบบการเรียนการสอน กระทรวงศึกษาธิการกำลังประเมินความเหมาะสม ต้องยอมรับว่าการเรียนการสอนไม่ได้เท่าเทียมกันทั่วประเทศ จะวัดมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศไม่ได้อยู่แล้ว".

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"