ก็น่าตกใจอยู่หรอก...
จู่ๆ ทหารอเมริกันนับร้อยมานอนโรงแรมกลางกรุง
แถมข่าวสารยังสับสน
ถึงขนาดว่าอนุญาตให้เดินเหินภายในโรงแรมได้
แต่ห้ามออกข้างนอก!
โซเชียลร้อนฉ่า ด่าทหาร รัฐบาล กันไฟแลบ
ทีคนไทยกลับจากต่างประเทศ ให้กักตัวในห้อง ๑๔ วัน ห้ามพบปะผู้คน
ทหารอเมริกันมีอภิสิทธิ์อะไรถึงสามารถออกมาเพ่นพ่านนอกห้องได้
รัฐบาลรวยมากนักหรือถึงต้องควักเนื้อให้อเมริกา
นี่ถ้ารัฐบาลคั่วถั่วอยู่ งาคงไหม้ ระเหิดไปหมดแล้ว
ความเชื่องช้าในการสื่อสาร ส่งผลให้โกลาหล อยู่เหมือนกันนะ
แต่เอาเถอะ...ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-๑๙ เขาชี้แจงมาแล้ว และสรุปว่ามันคนละเรื่องกับที่ปล่อยข่าวกัน
มาตรการคุมเข้มมีดังนี้
เริ่มต้น จากมาตรการก่อนเข้าประเทศ ทหารอเมริกันต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อตามมาตรฐานของประเทศต้นทาง
มาตรการในไทย
ถึงไทย ๓-๔ สิงหาคม ๖๓
๓ สิงหาคม มาจากกวม ๗๑ นาย และจากฐานทัพสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น (โยโกตะ) ๓๒ นาย
๔ สิงหาคม มาจากฐานทัพสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น ๗ นาย
รวม ๑๑๐ นาย
มาตรการ : ตรวจเชื้อ (Swab Test) ตามมาตรฐานเดียวกับคนไทยที่กลับจากต่างประเทศ ๑๐๐%
กักตัวใน ASQ ๑๔ วัน ระหว่างวันที่ ๓-๑๘ สิงหาคม (สหรัฐฯ ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด)
โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ
โรงแรม อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท
โรงแรม : ASQ คุมเข้มการกักตัว ไม่ออกนอกสถานที่
การฝึก ๑๘-๓๑ สิงหาคม
ห้ามทหารสหรัฐฯ ออกนอกค่าย เช่นออกไปห้าง หรือเดินตลาด พร้อมทั้งมีทีมติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด
ปรับรูปแบบการฝึก Vector Balance Torch แบบ New Normal และลดจำนวนทหารลง
ส่งทหารผู้เชี่ยวชาญมาฝึก ถ่ายทอด วิชาการ เทคโนโลยี และฝึกภาคสนาม
เดินทางกลับ ๓๑ สิงหาคม
สรุปคือ มาอยู่ ๑ เดือน และอยู่ในสายตาทีมติดตามตลอด
แต่มันก็มีคำถามว่าชะลอการฝึกออกไปไม่ได้หรือ เพราะการเข้ามาของทหารอเมริกัน มันก็มีความเสี่ยงอยู่ดี
ได้ฟังคำตอบจากกองทัพว่า เลื่อนไม่ได้
พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ กองทัพบก (ผอ.ศบค.ทบ.) แถลงว่า
"ยืนยันว่ากองทัพบกจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญ และยืนยันว่ามีความคุ้มค่า เพราะเกิดจากการพัฒนาต่อเนื่องถูกจุด ที่กองทัพต้องพัฒนาศักยภาพ ถ้าเลื่อนไปแผนที่เตรียมไว้จะเลื่อนไปหมด"
ก็เข้าใจถึงความจำเป็นของกองทัพ
แต่กองทัพก็ต้องเข้าใจความจำเป็นของประชาชนด้วย
เราพูดกันมาตลอดว่า โอกาสระบาดรอบ ๒ นั้นมีแน่ แต่จะเริ่มจากตรงไหนไม่มีใครรู้
ฉะนั้นหลังจากนี้แม้กองทัพจะบอกว่า "จำเป็น" ก็ลองชั่งน้ำหนักดูว่า หากการฝึกของทหารเป็นต้นเหตุของการระบาดรอบ ๒ แล้ว ความ "จำเป็น" ของกองทัพ กับการดำรงชีวิตของประชาชน "ความจำเป็น" ไหนต้องมาก่อนหลัง
นึกถึงตอนล็อกดาวน์ประเทศกันไว้ให้มากๆ
ครับ...ก็เอาใจช่วย ฝึกเสร็จรีบกลับ อย่าให้เป็นเหมือนญี่ปุ่น
เพราะการระบาดรอบ ๒ หมายถึงฟางเส้นสุดท้าย
ศรัทธาหมดก็จบทุกอย่าง
เช่นเดียวกับ ม็อบนักศึกษา ที่เปลี่ยนชื่อเป็นม็อบประชาชน เลื่อนได้ก็เลื่อนไปก่อน
ถ้าไม่เลื่อนก็รีบจบ!
คนรวมหมู่เยอะๆ มันคือความเสี่ยงทั้งนั้น
อีกอย่าง เบื้องลึกเบื้องหลังของความต้องการจริงๆ ไม่ใช่แค่นายกฯ ยุบสภา แต่เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
ที่เห็นยกยอปอปั้น "อานนท์ นำภา" ปราศรัย เรื่องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ มันก็ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว จะต้องพูดอะไรกันมากอีก
ต่อให้แก้รัฐธรรมนูญ หรือยกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ หากหมวดพระมหากษัตริย์ไม่ได้รับการแก้ไข ก็ยากที่จะเป็นที่พอใจสำหรับคนที่อยากจะล้มล้าง
เมื่อรู้ความต้องการแล้วจะเอาไงกันต่อ
คนทำม็อบ หรือมวลชนที่ร่างกายอยากปะทะ ทุกคนล้วนรู้ว่า ต้องชุมนุมถึงระดับไหน จึงจะถึงจุดที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้
บทเรียนในประวัติศาสตร์ มีให้เห็นแล้ว
ต้องปิดย่านธุรกิจกลางเมือง ต้องกดดันรัฐบาลให้ถึงที่สุด
เศรษฐกิจทรุด หุ้นตก
มีคนเจ็บ
คนตาย.......
วันนี้ต้องบวกเศรษฐกิจโลกพังพาบเพราะโควิด-๑๙ อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญรอบ ๑๐๐ ปีของโลกก่อความพินาศไปทั่วเพิ่มเข้าไป
ถ้ายอมรับก็ชุมนุมต่อ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วมาคุยเรื่อง แก้รัฐธรรมนูญกันต่อ
ในทางการเมือง แทบทุกครั้งที่แก้รัฐธรรมนูญ มักมาพร้อมกับวิกฤติ ไม่ก่อนก็หลังนิดหน่อย เพราะมีปัจจัยที่ส่งต่อถึงกัน
ถามว่ารัฐบาลปิดประตูตายห้ามแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่?
ก็ไม่!
วานนี้ (๔ สิงหาคม) เป็นอีกครั้งที่ "ลุงตู่" พูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบเสียงดังฟังชัด
............."จุดยืนของผมคือ ให้การสนับสนุนอยู่แล้วในเรื่องการทำงาน วันนี้ให้เป็นเรื่องการพิจารณาในระดับกรรมาธิการก่อน
คาดว่าจะมีการเสนอญัตติของฝ่ายค้านเข้ามา ทางฝ่ายรัฐบาลเองพร้อมที่จะร่วมมือในกลไกต่างๆ เหล่านี้ในสภา เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ
รัฐบาลมีส่วนร่วมตรงนี้ในฐานะเป็นฝ่ายบริหาร
หากมีการเสนอร่างเข้ามา ก็จะมีร่างของรัฐบาลเสนอควบคู่ไปด้วย พิจารณาต่อกันไป
ประเด็นสำคัญคือ วาระการเปิดสภาเหลืออยู่เพียงจำกัด
ฉะนั้น ต้องหารือเรื่องนี้กันต่อไปว่าเข้าใจกันอย่างไร ตรงกันหรือไม่ ควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญตรงไหนอย่างไร ซึ่งต้องรอฟังกรรมาธิการเสนอมา
ขณะเดียวกัน เราก็เตรียมเสนอร่างของรัฐบาลในเรื่องนี้อยู่แล้ว เชื่อว่าการเปิดประชุมสภาสมัยหน้า รัฐสภาจะมีการพิจารณาร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่างๆ เหล่านี้ รัฐบาลยืนยันให้ความร่วมมือทุกประการ
รัฐบาลต้องทำตามขั้นตอนทุกประการ โดยการแสวงหาความร่วมมือระหว่างกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างยกเข้ามาชนกัน แล้วมันก็ไปกันไม่ได้ " ............
ก็แปลความได้ว่า พร้อมที่จะแก้ไข
และรัฐบาลเองพร้อมจะเข้าไปมีบทบาท
แล้วเรื่องถึงหูผู้ชุมนุมหรือเปล่า
การยกระดับจากม็อบเยาวชน เป็นม็อบประชาชน ถูกดูแคลนว่าลำพังนักเรียน นิสิต นักศึกษา ไม่มีพลังพอ โดยเฉพาะท่อน้ำเลี้ยง เพราะเด็กๆ ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่
การแปลงร่างเป็นม็อบประชาชนคือการเปิดกว้าง
ทั้งในแง่จำนวนคน และเงิน
ถ้าจะเอากันจริงๆ นับจากนี้ไปประเทศไทยจะเดินตามรอยฮ่องกงเข้าสู่ความเสี่ยง พินาศทั้งแง่เศรษฐกิจและสังคม
กินลึกไปถึงสถาบันครอบครัว
พูดถึงนักการเมือง....บัดซบ!
ตอนมีอำนาจไม่คิดจะแก้รัฐธรรมนูญ หรือถ้าแก้ก็ทำเพื่อตัวเอง
พอหมดอำนาจ เอาแต่พล่าม จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อประชาธิปไตย
ถุย....!
ถ้าอยากจะแก้กันจริง รอไม่นานหรอกอีก ๒-๓ ปี เลือกตั้งใหม่ โควิดหมดพอดี เพื่อไทย-ก้าวไกล ชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล ก็เอาเลย รื้อเขียนทั้งฉบับ
แล้วอย่าลืมล่ะ วันนี้โหนม็อบเป้าหมายอยู่ที่สถาบันพระมหากษัตริย์
ถึงเวลานั้น ก็ลองดู....
ผักกาดหอม
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |