ทบ. แจงกักตัว 'ทหารสหรัฐ' ยึดกฎ ศบค. ไม่มีข้อยกเว้น ชี้จำเป็นฝึกต่อเนื่อง-แลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ


เพิ่มเพื่อน    

ผอ.ศบค.ทบ. ลั่นเอาอยู่ ทหารสหรัฐฯ 110 เข้าไทย กักตัว 14 วัน ตามมาตรฐานศบค. เป๊ะ! ไม่ต้องห่วง ยันไม่ปล่อยทำนอกลู่นอกทาง อ้างสัมพันธ์จำเป็นฝึกต่อเนื่อง คาดโทษคนดูแล ห้ามพลาดทำเล็ดลอด เปรียบเปิดประเทศผ่อนคลายค้าขาย- ความมั่นคงก็เช่นกัน

3 ส.ค.63 - ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ผอ.ศบค.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีทหารจากสหรัฐอเมริกาเดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวน 71 นาย และเดินทางมาจากญี่ปุ่น 32 นาย โดยเข้ารับการกักตัวในstate quarantine โรงแรมแห่งหนึ่งในกทม. ว่า กองทัพบกไทยและสหรัฐฯยังมีเรื่องความสัมพันธ์ที่จะต้องปฏิบัติงานร่วมกัน และมีระบบงานที่เกี่ยวข้องกับการทางทหารในภูมิภาค ในส่วนของทหารสหรัฐฯ 71 คนที่เดินทางเข้ามา เป็นเรื่องของความต่อเนื่องในการฝึกร่วมผสมรหัส “หนุมานการ์เดียน” ที่ดำเนินการมากกว่า 20 ปี

โดยในปีที่ผ่านมาได้วางกลไกไว้ว่าจะไม่เน้นการฝึกเพียงอย่างเดียว แต่จะมีการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ จึงนำมาสู่การเดินทางมาครั้งนี้ ซึ่งที่ผ่านมาทางไทยส่งทหารไปเรียนต่างประเทศหลายเหล่า และทางสหรัฐฯมองว่าถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ที่ประเทศไทยได้ โดยทางพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ระบุว่าถ้าเป็นเช่นนั้นให้คณะครูอาจารย์ของสหรัฐและไทยมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน

พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ 71 นายที่เดินทางเข้ามาเป็นคณะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญทหารสหรัฐฯที่จะมาเป็นโค้ชหรือเทรนเนอร์ ประกอบด้วยผู้แทนส่งกำลังบำรุง ผู้แทนหน่วยทหารราบ ทหารม้า ทหารปืนใหญ่ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดกับคณะครูอาจารย์ของกองทัพบกไทยเพื่อพัฒนาการฝึกทั้งหมด ที่กองทัพบกไทยได้ประโยชน์เต็มที่ ส่วนการฝึกหน้างานจะมีเพียงการฝึกเล็กๆเท่านั้น ยืนยันว่าทุกคนที่เข้ามาต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของศบค. ซึ่งกองทัพบกได้พูดคุยกับสหรัฐแล้ว และทางสหรัฐฯไม่มีปัญหา และยอมเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน รวมทั้งการตรวจสวอป เทส 2 ครั้งด้วย เช่นเดียวกับคนไทยที่เดินทางกลับมาประเทศ เมื่อพ้น 14 วันไปแล้วก็จะไปเจอกับทหารไทย และจะไม่ให้ทหารสหรัฐฯออกนอกค่าย เพราะไม่ได้ให้อิสระขนาดนั้น จะไปเดินห้างเดินตลาดไม่ได้ แล้วจะมีคนติดตาม หากไปค่ายไหนก็ต้องมีการปิดค่าย และจะไม่มีการไปกินเลี้ยงที่ไหน

ทั้งนี้จะมีทหารไทยที่ต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับการฝึกสัดส่วน 1 ต่อ 3 ไม่เกิน 50 คน ในส่วนที่มาจากประเทศญี่ปุ่นก็เป็นทหารสหรัฐฯที่ประจำการในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 32 นาย โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มาในกิจการในหน่วยรบพิเศษ ส่วนอีก 3 นายเป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่มากับคณะ รวมเป็น 35 นาย และทั้งหมดจะอยู่ประเทศไทยถึงสิ้นเดือนส.ค. โดยวันที่ 3-16 ส.ค. จะอยู่ใน state quarantine และวันที่ 18 ส.ค.จะปล่อยตัวให้ไปทำกิจกรรม

“ทั้งหมดต้องผ่านการสวอปเทส หากพบว่ามีการติดเชื้อจะส่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที พร้อมทั้งต้องออกค่าใช้จ่ายเองทุกอย่าง รวมถึงค่าที่พักที่เป็นสถานที่กักตัวด้วย ขอให้ความมั่นใจที่เป็นห่วงกันว่าคนเหล่านี้มาแล้วจะแพร่เชื้อหรือไม่นั้น ต้องกักตัว 14 วันแม้จะตรวจมาจากต่างประเทศแล้วเราก็ไม่เชื่อ ต้องตรวจที่ไทยและต้องเห็นกับตา การเข้ามาจะไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ หากทางสหรัฐฯยอมรับเงื่อนไขนี้ได้ เขาก็เข้ามาได้” พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องอบรมช่วงนี้ สามารถเลื่อนออกไปก่อนได้หรือไม่ พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่า กองทัพบกเข้าใจความรู้สึกประชาชนดี แต่ต้องเข้าใจว่าเราอยู่ในช่วงที่มีมาตรการผ่อนคลาย ไม่ได้ปิดประเทศ เราก็ใช้มาตรการดังกล่าวมาปฏิบัติควบคู่กับการฝึกอบรม และคิดว่าระบบของไทยมีมาตรฐานสูง สามารถเอาอยู่ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะเข้ามาตามมาตรฐานของศบค.เป๊ะๆ ไม่มีการปล่อยให้ออกมาทำนอกลู่นอกทาง

เมื่อถามว่าก่อนหน้าระบุว่าชะลอการฝึกไปกว่า 2,000 คน แต่ทำไมยังมีทหารต่างชาติเข้ามาประเทศไทยอยู่ พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่า ที่ระบุว่าชะลอคือการไม่ส่งกำลังพลไปฝึกต่างประเทศ ทั้งนี้การฝึกรหัสหนุมานการ์เดียน และการฝึก lightning forge 2020 นั้น เราจะต้องจัดส่งผู้เชี่ยวชาญไปที่รัฐหลุยเซน่า สหรัฐฯ แต่ขณะนี้มีการชะลอและพิจารณาทบทวนใหม่ทั้งหมด แต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องความผูกกันของการเรียนการสอน และไม่มีการทำอะไรนอกระบบ

เมื่อถามว่า สหรัฐฯเป็นประเทศเสี่ยงมาก ทำไมจึงปล่อยให้มีการเดินทางเข้ามาประเทศไทย พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่า ก็ดำเนินการเช่นเดียวกับคนไทยที่เดินทางกลับมาที่ต้องเข้ารับการกักตัวตามระบบศบค. ยืนยันว่ากองทัพบกมีความจำเป็นที่ต้องแลกเปลี่ยนการศึกษาของผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อถามถึงความคุ้มค่าจากการฝึกของทหารสหรัฐที่เดินทางมาที่จะต้องเสี่ยงกับเรื่องนี้ พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวย้ำว่า ความคุ้มค่าเกิดจากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและถูกจุดที่กองทัพต้องพัฒนาศักยภาพ เพราะหากเลื่อนไปปีหน้าจะกระทบแผนการต่างๆที่เตรียมไว้จะเลื่อนไปหมดย้ำว่ามาตรการที่ใช้ดีพอและมีมาตรฐานสูงมากที่ใช้กับเขา เราไม่ได้ปล่อยให้เข้าประเทศมาเพ่นพล่าน หรือนอกลู่นอกกรอบ ให้เข้าตามระเบียบเหมือนที่คนไทยเข้า ไม่อย่างนั้น คนไทยที่เดินทางกลับเข้ามาก็ถือว่าเสี่ยงหมด ยืนยันพยายามทำทุกวิถีทางเพราะประเทศเราไม่ได้ปิด การพัฒนาศักยภาพกองทัพเป็นไปอย่างต่อเนื่องและรักษาระเบียบ ศบค. คือสิ่งที่พยายามทำ ส่วนการฝึกหลังจากนี้จะมีเข้ามาอยู่บ้างแต่จะเป็นการฝึกขนาดเล็ก ที่มีจำนวนทหารเข้ามาลดน้อยลง ที่จะเรียกว่าโครงการฝึกไม่ได้แล้ว นิวนอมอลต้องมี เพื่อเป็นการป้องกัน

เมื่อถามถึงกรณีโซเชียลออกมาวิพากษ์วิจารณ์หลังศบค.แถลงว่าทหารสหรัฐฯจะมาและประชาชนเกิดความเป็นห่วงและกังวลถึงหลักประกันที่จะไปแพร่เชื้อ พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าจะทำให้ดีที่สุด และทหารกลัวยิ่งกว่าประชาชน ทั้งการเสียชื่อและภาพลักษณ์ ส่วนจะให้ความมั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่ามากอยู่แต่จะบอกว่าเต็มร้อยก็ไม่มีใครรับประกันขนาดนั้น แต่โอกาสพลาดที่จะมีหลุดออกมายาก เพราะหากมีเท่ากับว่าการสวอฟ 2 ครั้ง และการกักตัว 14 วันไม่เป็นผลลบ ทหารกลุ่มนี้จะไปฝึกที่ค่ายฝึกรบพิเศษ ค่ายทหารเหล่าราบ เหล่าปืน เหล่าม้า ซึ่งจะไปในค่ายใหญ่ๆไม่ได้ไปหน่วยย่อย

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าพลาดครั้งนี้จะเป็นบทเรียนครั้งที่4 ใช่หรือไม่ พล.อ.ณฐพนธ์ ระบุว่า ขออย่าให้มานับครั้งเลย เพราะเหมือนกับพูดอะไรต้องรักษาคำพูด และผบ.ทบ.ก็เป็นห่วงและเอาใจช่วย อีกทั้งคอยเสริมมาตรการในแต่ละจุดให้เพียงพอ จุดไหนให้เป็นผู้กำกับและรับผิดชอบ รวมถึงจุดที่จะต้องมารับช่วงต่อของหน่วยที่เกี่ยวข้อง ห้ามให้เกิดข้อผิดพลาด ต้องลงไปจี้และมีผู้กำกับอีกชั้น และถ้าจุดไหนหละหลวมทำให้หลุดลอดมาได้ คนที่ดูแลจุดนั้นต้องรับผิดชอบ

เมื่อถามว่า เหตุใดไม่แก้ที่ต้นทางด้วยการไม่ให้เข้าประเทศตั้งแต่แรก พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่าเพราะเราไม่ได้ปิดประเทศตั้งแต่แรก เราจำเป็นต้องอยู่รอดภายใต้การสร้างความแข็งแกร่งให้ประชาคมโลกเห็นว่ามาตรฐานสาธารณสุขไทยเข้มแข็งพอที่แก้ไขปัญหาได้ เราต้องรักษาดุลยภาพของความมั่นคงระหว่างประเทศ ซึ่งทหารจำกัดประสิทธิภาพตัวเองไม่ได้ ต้องมีการพัฒนาแล้วเอาบทเรียนมาเป็นที่ตั้งว่าเกิดจากอะไรและจะแก้ไขอย่างไร

เมื่อถามว่าหากพบว่ามีการแพร่ระบาดจากกรณีนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่า ถ้ามีข้อผิดพลาดรอดจากทางไหน หน่วยงานนั้นก็ต้องรับผิดชอบ คนประจำจุดต่างๆต้องรับผิดชอบ เพราะผบ.ทบ ได้ลงมาเน้นย้ำทุกขั้นตอนไม่ให้ผิดพลาดในแต่ละจุดที่รับ-ส่ง จะต้องรัดกุม หากมีการเล็ดรอดหรือหลุดตรงจุดไหนจุดตรงนั้นต้องรับผิดชอบ พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาก็ถือเป็นบทเรียนที่อย่างเราส่งไปฝึก 151 นาย กลับมาจากสหรัฐฯพบติดเชื้อ 9 นาย ก็ถือว่าเจ็บแล้วจำ เราก็พยายามเต็มที่ ส่วนครั้งนี้ก็ต้องทำให้ดี เพราะหากเล็ดรอดออกไปเท่ากับว่าระบบกักกันของไทยใช้ไม่ได้แล้ว

พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวถึงการฝึกคอบร้าโกลด์ที่ทหารสหรัฐฯ จะมาฝึกร่วม 1 หมื่นนายในช่วงต้นปี ว่า ยังไม่ทราบว่าจะมีการปรับรูปแบบ หรือ เลื่อนหรือไม่ ซึ่งการฝึกรหัสดังกล่าว จะมีการหารือการวางแผนการเมื่อฝึกจบ ซึ่งเมื่อมีสถานการณ์โควิด ก็ต้องพิจารณาต่อไป และคงมีการต่อสายคุยกัน ส่วนจะมีการปรับขนาดการฝึกหรือไม่นั้น ให้ดูความเป็นไปได้ในการป้องกัน ในเมื่อเราปิดประเทศไม่ได้ ต้องทำมาค้าขายด้วย ความมั่นคงก็เช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทหารสหรัฐ ฯ ที่มาครั้งนี้ ประกอบด้วย เที่ยวบินแรก ที่มาจากกวม จำนวน 71 นาย ฝึก SFAB SMEE ของกองทัพบก มีหลายเหล่า ทั้งราบ ม้า ปืน รบพิเศษเที่ยวบินที่สอง มาจากฐานทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น (โยโกตา) จำนวน 32 นาย ฝึก Balance Torchเที่ยวบินที่สาม มาจากฐานทัพสหรัฐฯ ที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 7 นาย โดย 4 นายฝึก HMA Ex หรือการฝึกปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และอีก 3 นาย ฝึก Vector Balance Torch


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"