ศบค.ระบุพบผู้ป่วยใหม่ 5 รายเดินทางจากต่างประเทศ ขณะที่ "หมอยง" เผยผู้ติดเชื้อที่เข้ากักกันเป็นสายพันธุ์ G ไม่ทำให้โรครุนแรงขึ้น ด้านเด็กก้าวไกลซัดกองทัพอยู่เหนือมติ ครม. ทำตัวเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชน VIP
เมื่อวันอาทิตย์ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้รายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 2 ส.ค. โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย ทั้งหมดเดินทางมาจากต่างประเทศ และอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ โดยรายที่ 1 เป็นชายไทย อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษา เดินทางจากรัสเซียถึงไทยวันที่ 20 ก.ค. ตรวจพบเชื้อในวันที่ 31 ก.ค.
รายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 25 ปี เดินทางจากอินโดนีเซียถึงไทยวันที่ 20 ก.ค. ตรวจพบเชื้อวันที่ 31 ก.ค., รายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 31 ปี เดินทางจากบาห์เรนถึงไทยวันที่ 19 ก.ค. ตรวจพบเชื้อในวันที่ 31 ก.ค., รายที่ 4 เป็นเพศชาย อายุ 37 ปี เดินทางกลับจากเยอรมนีถึงไทยวันที่ 27 ก.ค. ตรวจพบเชื้อในวันที่ 31 ก.ค. และรายที่ 5 เป็นหญิงไทย อายุ 47 ปี เดินทางกลับจากญี่ปุ่นถึงไทยวันที่ 29 ก.ค. ตรวจพบเชื้อในวันที่ 31 ก.ค. ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,317 ราย หายป่วยสะสม 3,142 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัว 117 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย ส่วนสถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 18,011,845 ราย เสียชีวิตสะสม 688,683 ราย
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” โดยได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับวิวัฒนาการของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยได้ระบุข้อความว่า
"วิวัฒนาการของเชื้อไวรัสโควิด-19 อยากทำความเข้าใจ และช่วยเผยแพร่ให้ถูกต้อง การแยกสายพันธุ์ของไวรัส เกิดจากวิวัฒนาการของเชื้อ ไวรัสเริ่มต้นจากจีน จะมี 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอส S (Serine) และสายพันธุ์ L (Leucine) สายพันธุ์ L แพร่กระจายมีลูกหลานได้มากกว่าสายพันธุ์ S โดยเฉพาะเมื่อออกนอกจีน"
ศ.นพ.ยงระบุด้วยว่า ไปถึงยุโรปสายพันธุ์ L แพร่กระจายได้ดี ออกลูกหลานเป็นสายพันธุ์ G (Glycine) และสายพันธุ์ V (Valine) สายพันธุ์ G แพร่กระจายได้ง่าย ตามหลักวิวัฒนาการ จึงกระจายไปทั่วโลกอย่างกว้างขวาง มีลูกหลานของสายพันธุ์ G มาเป็นสายพันธุ์ GR (Arginine) และ GH (Histidine) นักวิทยาศาสตร์ศึกษาพบว่าสายพันธุ์ G ระบาดได้ง่าย แพร่กระจายได้เร็ว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของโรคและระบบภูมิต้านทาน ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวัคซีน
"ขณะนี้อัตราการครอบคลุมสายพันธุ์ G เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมาเป็นเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ สายพันธุ์ที่ระบาดอยู่นี้ทั่วโลกจึงเป็นสายพันธุ์ G ย้อนกลับมาระบาดในประเทศไทย เมื่อระลอกแรก ถึงแม้จะพบได้ทุกสายพันธุ์ เพราะมีการเดินทาง แต่สายพันธุ์หลักที่ระบาดในประเทศไทยในระลอกแรกเป็นสายพันธุ์ S ขณะนี้การตรวจไวรัสในผู้ที่อยู่ในที่กักกันของรัฐ หรือที่เรียกว่า State quarantine โดยศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสของจุฬาฯ พบว่าเป็นสายพันธุ์ G เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะมาจากตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา สายพันธุ์นี้ไม่เกี่ยวข้อง ที่จะทำให้โรครุนแรงขึ้น ไม่เกี่ยวกับระบบภูมิต้านทาน เพียงแต่การกระจายง่ายๆ จึงทำให้อัตราการพบส่วนใหญ่ของทั่วโลกเป็นสายพันธุ์ G อยู่ในขณะนี้” ศ.นพ.ยงระบุ
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ได้แสดงความเห็นถึงกรณีกองทัพบกได้ส่งกองร้อยทหารราบ RTA Combat Team กำลังผสมจากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 ออกเดินทางไปยังเมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการยืนยัน ในวันที่ 29 ก.ค. ว่าติดเชื้อโควิด-19 กลับมาจำนวน 9 ราย ภายหลังเข้ากักตัวและตรวจหาโรค ซึ่งที่ผ่านมามีมติ ครม.วันที่ 10 มี.ค. ชัดเจนเรื่องปรับแผนการเดินทางไปราชการต่างประเทศ และระงับไปในประเทศกลุ่มเสี่ยง และมติ ครม. 7 เม.ย. ให้ลดค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ ดูงานต่างประเทศ
โดยนายวิโรจน์ระบุว่า คำถามที่เกิดขึ้นในใจของประชาชนทันทีและยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากกองทัพบก มีอยู่หลายคำถามด้วยกันคือ ที่ผ่านมากองทัพบกเคยทำตัวเป็นกลุ่ม VIP ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามมติ ครม.มาทีหนึ่งแล้ว โดยจากกรณี พล.ต.ราชิต อรุณวงษ์ เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ในฐานะนายสนามมวยลุมพินี ฝืนมตินี้ และดึงดันจัดเวทีชกมวยศึกลุมพินีแชมเปี้ยนเกริกไกร ในวันที่ 6 มีนาคม 2563 จนก่อให้เกิดการระบาดครั้งใหญ่ โดยนอกจากการสั่งย้ายแล้ว ยังไม่มีการดำเนินคดีอาญากับ พล.ต.ราชิต และผู้ที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด มาจนถึงกรณีการส่งทหารไปฝึกที่ฮาวาย ทั้งๆ ที่มีมติ ครม.ออกมาแล้ว ถือตนว่าเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชน VIP ที่ไม่ต้องเคารพมติ ครม.ก็ได้อย่างนั้นหรือ
นายวิโรจน์กล่าวต่อว่า ประชาชนจำนวนมากต้องการทราบว่า การส่งกองกำลังทหารราบ RTA Combat Team ไปร่วมฝึกผสมในครั้งนี้นั้นใช้งบประมาณไปเท่าไหร่กันแน่ ทั้งนี้ มีการคาดว่าน่าจะเป็นงบส่วนหนึ่งจากงบประมาณค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมและศึกษาต่างประเทศ 165.45 ล้านบาท ที่อยู่ในโครงการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ ใช่หรือไม่
"ปัจจุบันประชาชนเอือมระอากับการใช้งบประมาณที่สุรุ่ยสุร่าย โดยไม่เห็นหัวของประชาชนของกองทัพมามากเพียงพอแล้ว และที่ผ่านมาแทนที่กองทัพจะพิสูจน์ให้ประชาชนได้รับรับรู้ว่ากองทัพมีความรับผิดชอบสูงกว่าพลเรือน แต่จากกรณีสนามมวยลุมพินี และกรณีกราดยิงโคราช กลับทำให้ประชาชนสิ้นหวัง ไม่เห็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างสมศักดิ์ศรีของกองทัพแต่อย่างใด" นายวิโรจน์ระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |