“สมศักดิ์” รับจะมีภาวะช็อก 1-2 สัปดาห์หลังประกาศรายชื่อ ครม.ประยุทธ์ 2/2 ทำให้งานสภามีปัญหาบ้าง ชี้ รมช.แรงงานคนใหม่แม้ไม่มีประสบการณ์ก็ทำงานได้ “เรืองไกร” ตามราวีประยุทธ์ 1 ไม่ยื่นบัญชี
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่ารายชื่อทั้งหมดที่ปรากฏตามสื่อยังคงต้องรอความชัดเจนภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ซึ่งพรรคไม่มีปัญหากับการปรับ ครม.ครั้งนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะทุกคนให้เกียรตินายกรัฐมนตรี ส่วนกรณีแกนนำพรรคบางส่วนพลาดหวังในตำแหน่งนั้น ยอมรับว่าอาจมี 1-2 ครั้งที่อาจกระทบต่อการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร แต่หลังจากพูดคุยทำความเข้าใจกันแล้วก็ไม่น่ามีปัญหา
"ผู้ที่พลาดหวังจากการปรับ ครม.ครั้งนี้ ก็เหมือนกับคนอกหัก ที่อาจจะช็อก แต่ 1-2 อาทิตย์ก็หาย และคงไม่ใช้เวลานาน เพราะไม่ใช่รักแรกพบ ก็น่าจะทำใจได้เร็ว เนื่องจากการปรับ ครม.มีมาหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่จึงมีประสบการณ์”
นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์การเปิดตำแหน่ง รมช.แรงงาน เพื่อแก้ปัญหาภายในพรรค พปชร.ที่ไม่ลงตัว ว่ายังไม่ทราบว่ามีการเปิดตำแหน่ง รมช.แรงงาน แต่หากเปิดตำแหน่งดังกล่าวจริง ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่น่าจะเป็นการปรับเพื่อแก้ไขปัญหาให้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 เนื่องจากมีคนตกงานจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรมาช่วยงานเพิ่มขึ้น แม้ว่าบุคคลดังกล่าวไม่มีประสบการณ์มาก่อน แต่ก็ทำได้ในฐานะผู้บริหารร่วมกับข้าราชการประจำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสนใจเรื่องแรงงาน
มีรายงานว่า ในจันทร์ที่ 3 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีกำหนดการเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารพักอาศัยแปลง A (อาคาร A1) และแปลง D1 (อาคาร D1) โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 ณ บริเวณโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ระยะที่ 2 ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ ในขณะที่ช่วงบ่ายจะเดินสายพบสื่อสายโซเชียล เริ่มจากผู้บริหารสำนักข่าว the standard และ THE MATTER ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นายกฯ เดินสายพบสื่อออนไลน์ ภายหลังจากก่อนหน้านี้นายกฯ ได้พบหารือกับบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ 10 ฉบับ
ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ 2563 ระบุว่า เจ้าหน้าที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มาประชุมกับอนุกรรมาธิการแผนบูรณาการ 1 ได้ชี้แจงว่าเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 ซึ่งเป็นวันใช้บังคับรัฐธรรมนูญ ปรากฏว่า ครม.ประยุทธ์ 1 และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในขณะนั้น ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินแต่อย่างใด จึงได้ยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาถามเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ว่า ศาลวินิจฉัยไว้แล้วว่า เมื่อใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ยังคงอยู่ต่อไปต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ก็ไม่สามารถโต้แย้ง จึงได้ถามไปอีกว่า ทำไม ป.ป.ช.ยังมีการฟ้องร้องนักการเมืองที่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. 2542 เพื่อให้ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาอยู่ แต่แปลกมากที่ ป.ป.ช.กลับไม่ใช้ดำเนินการกับ ครม.ประยุทธ์ 1 และ สนช. ทั้งที่มีคำวินิจฉัยผูกพันไว้ และมีคำพิพากษาศาลฎีกานักการเมืองเป็นบรรทัดฐานแล้วหลายคดี
"ติดตามเรื่องนี้มานานพอควร และต้องรอให้มาตรา 44 สิ้นสภาพไปก่อน ประกอบกับบ้านเมืองมีปัญหาเรื่องงบประมาณ 2563 ล่าช้า และเกิดวิกฤติโรคโควิด-19 จึงรอเรื่องไว้ และดูว่าจะมีใครดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่ แต่ก็หามีไม่ ประกอบกับได้ปรึกษาหารือเรื่องนี้กับทนายความและอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่าเรื่องนี้มีมูลที่ควรส่งให้ศาลตัดสิน ขณะนี้สมควรแก่เวลาที่ต้องขอให้ ป.ป.ช.อย่านิ่งเฉย ต้องรีบส่งศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาว่าจะตัดสิทธิทางการเมืองของ ครม.ประยุทธ์ 1 และ สนช. หรือไม่" นายเรืองไกรระบุ
นายเรืองไกรกล่าวว่า เพื่อไม่ปล่อยให้คดีขาดอายุความ จะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) เพื่อให้ ป.ป.ช.รีบมีมติส่งเรื่องกรณี ครม.ประยุทธ์ 1 และ สนช.ที่ตำรงตำแหน่งอยู่ต่อไป แต่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 ให้ศาลฎีกาได้พิจารณาพิพากษาว่าจะตัดสิทธิทางเมือง พล.อ.ประยุทธ์กับพวก ฐานจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 หรือไม่
นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงการคัดเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า พรรค พปชร.ยังอยู่ในกระบวนการคัดสรร ซึ่งต้องหารือร่วมกับ ส.ส.กทม. แต่เชื่อว่ายังมีเวลา เพราะคาดว่าการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จะเกิดขึ้นก่อน ซึ่งใน จ.สุโขทัยยังไม่มีนายก อบจ. เนื่องจากคนเดิมได้รับการเลือกตั้งให้เป็น ส.ส.
วันเดียวกัน คณะก้าวหน้าจัดกิจกรรม "อนาคตเมืองสมุทร ในมือคนสมุทรปราการ" ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะมาถึงในอนาคต โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ต้องการทำการเมืองท้องถิ่นแบบใหม่ให้เกิดขึ้น เปลี่ยนการเมืองท้องถิ่น จากที่ดูนามสกุล ตระกูลการเมือง ให้มาดูที่นโยบาย ซึ่งถ้าเราทำสำเร็จก็จะเป็นการเขย่าการเมืองท้องถิ่นอีกครั้งหนึ่ง
ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่า ภารกิจของคณะก้าวหน้ามี 3 ส่วนสำคัญ คือ 1.รณรงค์ทางความคิดเรื่องวาระที่ก้าวหน้านโยบายสาธารณะที่แหลมคม เช่น รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ รณรงค์ปฏิรูปกองทัพ 2.สร้างเครือข่ายเชิงพื้นที่ เครือข่ายเชิงประเด็นที่พร้อมผลักดันให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย เราจำเป็นจะต้องมีประชาชนจำนวนมากเป็นแนวร่วม และ 3.ทำงานการเมืองท้องถิ่น
"นี่เป็นเวลาของการเปลี่ยนแปลง นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุด เพราะการเมืองท้องถิ่นไม่ได้เลือกมา 10 ปีแล้ว ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ การเมืองใกล้ชิดกับตัวเราและสังคมของเรา หันมาใส่ใจการเมือง ทำให้เป็นเรื่องสร้างสรรค์ อย่าให้ใครมาหลอกเราอีกต่อไปว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรก เพราะเคยมีใครทำการเมืองท้องถิ่นให้เป็นเรื่องระดับประเทศมาก่อน นี่คือความทะเยอทะยานทางการเมืองที่ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่เราจะส่งผู้สมัครท้องถิ่นในชื่อเดียวกัน แคมเปญรณรงค์แบบเดียวกันทั่วประเทศ" นายธนาธรกล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |