3มือปืนมอบตัวยิงถล่ม3ศพกลางเมืองพัทลุง


เพิ่มเพื่อน    


    3 มือปืนยิงถล่มฆ่าอริกลางเมืองพัทลุง 3 ศพ เข้ามอบตัวพร้อมปืนกลมือ เผยเหตุอยู่ในเส้นทางโจรค้าสิ่งผิดกฎหมายแล้วผิดใจกันเพราะล้ำเส้น ก่อนไปพบกันที่ร้านเหล้าแล้วลวงไปฆ่าหน้าร้านข้าวต้ม
    ช่วงสายวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ที่ บก.ภ.จว.พัทลุง กลุ่มผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายวีระยุทธ หอยทรัพย์ อายุ 38 ปี, นายภูวเนศวร์ หนูมาก อายุ 44 ปี และนายศรชัย ทับครุฑ อายุ 40 ปี พร้อมญาติๆ ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง, พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.พัทลุง และ ร.ต.อ.ประเสริฐ ด้วงเอียด รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง เจ้าของคดี พร้อมด้วยปืนกลมือ Banshee CMMG และรถยนต์กระบะโตโยต้าแค็บ รุ่นไฮลักซ์ วีโก้ สีดำ ทะเบียน บต 1815 พัทลุง ที่ใช้ในการก่อเหตุยิงคนตาย 3 ศพ
    เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่หน้าธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาท่ามิหรำ ในเขตเทศบาบลเมืองพัทลุง นายรัตนพงศ์ จันทร์ปน อายุ 38 ปี ขับรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีดำ หมายเลขทะเบียน 3 กล 6280 กรุงเทพมหานคร พร้อมเพื่อนอีก 3 คน มาพบกับกลุ่มคนร้าย แล้วถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. และอาวุธปืนลูซี ยิงถล่มนายรัตนพงศ์ จันทร์ปน, นายอรรถกร นุ่นปาน อายุ 25 ปี และนายพาสกร ดำสนิท อายุ 21 ปี เสียชีวิตคนรถ ส่วนนายชลทิตย์ แซ่หลี อายุ 30 ปี ที่นั่งมาด้วยด้านหน้า ได้เปิดประตูรถเก๋งวิ่งหลบหนีไปได้ คดีนี้ตำรวจสืบสวนสอบสวนจนทราบตัวคนร้าย และขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดพัทลุงในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย 
    ในการรับมอบตัวผู้ต้องหา มี พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.ดำรัส วิริยะกุล รอง ผบช.ภ.9, พล.ต.ต.โชติ ชัยชมพู ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร., พล.ต.ต.โพธ สวยสุวรรณ รอง ผบช.ภ.9 ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามคดี 
    พล.ต.ท.วิสนุกล่าวว่า จากการหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งกล้องวงจรปิด พยานหลักฐาน ทางตำรวจสามารถออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาได้ 3 คน ในส่วนของพยานหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์นั้น ทั้งหมดอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ขณะนี้ผลการตรวจสอบยังไม่ออกมา คาดว่าจะออกมาในเร็วๆ นี้ ส่วนปลอกกระสุน จำนวน 54 ปลอก จากการพิสูจน์ในเบื้องต้นพบว่าใช้ยิงด้วยอาวุธปืน 3 กระบอก ซึ่งตรงกับภาพในกล้องวงจรปิดทุกประการ ส่วนประเด็นสังหารนั้นมาจากความโกรธแค้นเรื่องส่วนตัว สำหรับคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายนั้น แต่ละคนก็มีประวัติยาวเหยียด ทางพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบสวนเพิ่มเติม หากพบว่ามีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้องในคดีนี้ หรือผู้มีอิทธิพลที่หนุนหลังก็ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนไปตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
    ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า ขอฝากไปยังนายชลทิตย์ แซ่หลี เหยื่อกระสุนที่วิ่งหลบหนีไปได้ ให้รีบเข้ามาพบตำรวจ โดยทางตำรวจจะกันตัวไว้เป็นพยาน และจะส่งเข้าโครงการคุ้มครองพยานต่อไป สำหรับอาวุธปืนที่นำมาก่อเหตุที่ยังเหลืออยู่อีก 2 กระบอก จะได้เร่งสืบสวนสอบสวนนำมาประกอบคดีกันต่อไป ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ให้การภาคเสธ และจะส่งตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทลุงในวันที่ 3 ส.ค. โดยตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว
    ด้าน พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียชีวิตและกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นคนรู้จักกันดี ต่อมามีเรื่องบาดหมางกันในพื้นที่ของนายวีระยุทธ หอยทรัพย์ เกี่ยวกับการค้าสิ่งผิดกฎหมาย หลังจากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ผิดใจกันมากขึ้น โดยทางกลุ่มของนายรัตนพงศ์ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตเป็นคนแรกได้ติดตามข่มขู่มิให้นายวีระยุทธเข้ามาก้าวก่าย และยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจการค้าสิ่งผิดกฎหมายของพวกตน ต่อมากลุ่มนายรัตนพงศ์และนายวีระยุทธไปเที่ยวผับแห่งหนึ่ง และนั่งอยู่โต๊ะใกล้กัน ทำให้นายรัตนพงศ์เดินเข้ามาใช้อาวุธปืนจ่อเอวนายวีระยุทธ พร้อมข่มขู่ว่าอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว จากนั้นนายวีระยุทธจึงพาพวกขับรถกระบะนัดปรับความเข้าใจกับนายรัตนพงศ์พร้อมพวกที่บริเวณร้านข้าวต้มโต้รุ่ง หน้าธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาท่ามิหรำ เมื่อนายรัตนพงศ์ลงมาจากรถเก๋งก็ถูกนายวีระยุทธใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม.ยิงเสียชีวิตคาที่ดังกล่าว ก่อนที่พวกนายวีระยุทธจะยิงถล่มนายรัตนพงศ์ นายอรรถกร และนายพาสกร. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"