TikTok ในเกมสงครามสหรัฐฯ-จีน


เพิ่มเพื่อน    


    TikTok คืออะไร?
    ผมเคยถูกตั้งคำถามนี้เมื่อหลายเดือนก่อนจากเยาวชนคนหนึ่ง
    "ลุงรู้จัก TikTok ไหม"
    ครั้นจะบอกว่าไม่รู้จักผมก็กลัวเด็กหาว่าผมเป็นไดโนเสาร์ยุคดิจิทัล
    ผมเงียบอยู่พักหนึ่ง แอบถาม "อากู๋" (Google) ในมือถือ
    ว่าแล้วผมก็ตอบเด็กคนนั้นไปว่า
    "ลุงรู้แล้ว TikTok คือสิ่งที่เด็กชอบแต่ผู้ใหญ่ไม่รู้จัก"
    ผมรอดตัวไป
    จากนั้นผมก็แอบเข้าไปเล่น TikTok บ้างเพราะ app นี้ให้ผู้คนสามารถทำคลิปวิดีโอสั้น (ไม่เกิน 60  วินาที) เพื่อแลกเปลี่ยนกับคนที่เข้ามาเล่น
    หลายคนบอกผมว่าคนอายุมากอย่างผมเข้าไปเล่น TikTok ไม่ได้หรอก เพราะมีแต่เด็กๆ ส่งคลิปร้องรำทำเพลงและทำอะไรแผลงๆ เท่านั้น
    ผมไม่ยอมแพ้ เพราะเชื่อว่าที่ไหนมีเวทีสำหรับข่าว ที่นั่นคนข่าวย่อมจะสามารถปรับเนื้อหาและวิธีการนำเสนอให้สอดคล้องกับเวทีนั้น
    ผมเล่น TikTok มาหลายเดือนแล้วครับ
    TikTok ในภาษาจีนชื่อ Douyin 抖音(โต่วยิน) ก่อตั้งในนามบริษัท ByteDance ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ปักกิ่งเมื่อปี 2012 โดยผู้ก่อตั้งที่ชื่อ "จาง อี้หมิง"
    TikTok เปิดตัวครั้งแรกในตลาดจีนก่อนเมื่อเดือนกันยายน 2016
    ในปีต่อมาก็เปิดไปตลาดทั่วโลกในระบบ iOS และ Android 
    แต่ที่ได้ใช้กันทั่วโลกรวมทั้งสหรัฐฯ ก็เมื่อ ByteDance ผนวกธุรกิจกับ Musicial.ly เมื่อวันที่ 2  สิงหาคม 2018 นี่เอง
    ที่น่าสนใจคือ TikTok กับ Douyin นั้นเป็น apps เหมือนกันแต่ใช้ servers ต่างกัน และมีเนื้อหาที่แยกกัน
    ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อจะหลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์เซ็นเซอร์ของเจ้าหน้าที่จีน
    วันนั้นคนเล่น TikTok ได้ใน 150 ตลาด 75 ภาษา
    มีคนดาวน์โหลดทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านบัญชีแล้ว
    ดังนั้น เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารห้าม TikTok เข้าไปในอเมริกา ผมจึงรู้ว่าสหรัฐฯ กำลังหวาดหวั่นอิทธิพลจีนอย่างยิ่ง
    เพราะ TikTok มาจากจีน เจ้าของคือบริษัท ByteDance วันนี้มีสมาชิกกว่าพันล้านคนทั่วโลก มีทั้งเวอร์ชันสำหรับคนจีนและเวอร์ชันสำหรับทั่วโลก
    วันดีคืนดีทรัมป์ซึ่งกำลังเปิดศึกกับจีนหลายๆ ด้านก็ประกาศว่าจะแบน apps ของจีนทั้งหมด 59  apps โดยพุ่งเป้าไปที่ TikTok และ WeChat
    ทรัมป์อ้างว่า apps ที่ได้รับความนิยมอย่างมากของจีนเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องมือ "สอดแนม" ของรัฐบาลจีนในต่างประเทศทั้งสิ้น
    ดังนั้นอเมริกาจะต้องขจัด "ภัยในด้านความมั่นคง" นี้ด้วยการห้ามเข้าประเทศ
    เพราะฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐฯ เชื่อว่า apps เหล่านี้เอาข้อมูลของคนที่เข้าไปเล่นแอบส่งไปให้ทางการจีนเพื่อการควบคุมความเคลื่อนไหว และแม้แต่ความคิดความอ่านของผู้คน
    ทำนองเดียวกับที่สั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯ ไปร่วมมือกับ 5G ของหัวเว่ยของจีน เพราะเชื่อว่าจีนใช้ธุรกิจด้านเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาเจาะล้วงความลับของตน
    สำหรับอเมริกายุคของทรัมป์ TikTok จึงกลายเป็น "อาวุธ" ในการทำสงครามชิงอำนาจระดับโลกขึ้นมา
    ทรัมป์ให้สัมภาษณ์นักข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐอเมริกาว่าจะจัดการแบน TikTok  ให้พ้นสหรัฐอเมริกาเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ 
    นั่นคือวันรุ่งขึ้น
    ทรัมป์เปิดเผยการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ระหว่างอยู่ใน Air Force One จากวอชิงตันกลับมาฟลอริดา 
    ตอนแรกสำนักข่าวยักษ์หลายแห่งของอเมริการวมถึง CNBC และ CNN รายงานตรงกันว่า ทรัมป์ไม่ได้บอกว่าจะจัดการกับ TikTok ด้วยวิธีการไหน 
    อ้างคำพูดของทรัมป์ว่าจะใช้ "คำสั่งพิเศษด้านบริหารของประธานาธิบดี" หรือ Executive Order ในการสั่งการได้
    นั่นคือการใช้อำนาจประธานาธิบดีที่ไม่ต้องผ่านการรับรองจากสภาคองเกรสสำหรับเดินเรื่องที่เกี่ยวกับอำนาจการบริหารที่จำเป็นและเร่งด่วน ไม่เกี่ยวกับการออกกฎหมาย
    ความจริง TikTok ก็รู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่ากำลังเป็นเป้าการเพ่งเล็งของทรัมป์
    วิธีหนึ่งที่คิดว่าจะรอดจากการถูกสกัด ก็คือการสลัดภาพการเป็น apps ของจีน
    หนึ่งในมาตรการ "สลายความเป็นจีน" ของ TikTok ก็คือ การเปลี่ยนตัวผู้บริหารสูงสุดจากคนจีนเป็นฝรั่ง
    โดยการจ้างอดีตมือบริหารจากดิสนีย์ที่ชื่อ Kevin Mayer มาเป็นหนังหน้าไฟ
    แต่ก็ไร้ผล เพราะเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ ภายใต้การชี้นำของทรัมป์ถือว่า apps ที่เป็นที่นิยมจากจีนเหล่านี้เจาะตลาดอเมริกาและตะวันตกได้อย่างรวดเร็ว
    จนถูกขนานนามเป็น "ม้าเมืองทรอย"
    อยู่ในสถานะเป็นภัยคุกคามสหรัฐฯ เหมือน Huawei และ ZTE สองบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน
    ในช่วงระบาดของ Covid-19 ข้อมูลจาก SensorTower บอกเราว่ายอดดาวน์โหลด apps นี้พุ่งขึ้นไปแตะ 2 พันล้านครั้งในเดือนเมษายน
    เป็นสิ่งยืนยันว่า TikTok เป็น "ภัยคุกคาม" สำหรับธุรกิจที่เป็นคู่แข่งจากโลกตะวันตกอย่าง Facebook และ Snapchat จริง
    ไม่เพียงแต่เท่านั้น ทางการสหรัฐฯ ที่หวาดหวั่นอิทธิพลจีนซึ่งกำลังแผ่ขยายตลอดเวลายังมองว่า  TikTok เป็น "หอกข้างแคร่" สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำไป
    ที่น่าสนใจคือ ในจังหวะเดียวกันนั้นก็มีข่าวว่า Microsoft ของสหรัฐฯ กำลังเจรจาขอซื้อ TikTok  เฉพาะที่ใช้ในอเมริกา
    ข่าวนี้มาจากสำนักข่าว Bloomberg ของอเมริกาเอง จึงน่าเชื่อว่าจะมีร่องรอยของเรื่องนี้พอสมควร
    ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวทำนองนี้ ถึงกับระบุชื่อกลุ่มนักลงทุนยักษ์ใหญ่อย่าง General Atlantic และ  Sequoia Capital ว่าสนใจจะซื้อ TikTok ในส่วนที่เกี่ยวกับอเมริกา
    มีตัวเลขที่นำเสนอว่าต่อรองกันที่ราคา $50,000 ล้าน หรือ 1.6 ล้านล้านบาทกันเลยทีเดียว
    เรื่องราวของ TikTok ยังไม่จบลงง่ายๆ แน่นอน
    เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของสงครามเทคโนโลยีระหว่างสองยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง
    ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นตัวตัดสินว่าสงครามจะขยายวงกว้างขวางกว่านี้หรือไม่อย่างไร.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"